แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี - บทที่ 957 นายใจเย็นหน่อย บทที่ 958 จะต้องเป็นคนสวยมากแน่
- Home
- แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี
- บทที่ 957 นายใจเย็นหน่อย บทที่ 958 จะต้องเป็นคนสวยมากแน่
บทที่ 957 นายใจเย็นหน่อย
หานเซี่ยนอวี่ย่อกายทักทายกับเด็กน้อยอย่างอบอุ่น “ถังถังใช่ไหม? สวัสดีนะ!”
“สวัสดีครับพี่ชาย!” เด็กน้อยเองก็ตอบกลับอย่างมีมารยาท
หานเซี่ยนอวี่หันไปมองเฟยหยาง ผู้จัดการส่วนตัวของเขา “พี่หยาง ให้ทางโรงแรมเตรียมเซ็ตอาหารสำหรับเด็กหนึ่งเซ็ต”
“โอเค!” เฟยหยางพยักหน้า จากนั้นก็รีบไปจัดการ
เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ขอบใจมากนะ!”
ขนาดเธอยังลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย
หลังจากจบพิธี ทางกองถ่ายก็มีกินเลี้ยงต่อ
การสัมภาษณ์ของคนอื่นๆ ก็จบลงแล้วเช่นกัน เยี่ยมู่ฝานคุยกับกลุ่มพนักงานข้างกายขณะเดินเข้ามา
พอเข้ามา เยี่ยมู่ฝานก็เห็นเด็กผู้ชายที่สะดุดตายืนอยู่ข้างเยี่ยหวันหวั่นทันที
ชิบหาย…
เยี่ยมู่ฝานดึงเยี่ยหวันหวั่นไปด้านหนึ่ง “นี่คือ…เด็กที่แกพูดถึงก่อนหน้านี้เหรอ?”
“ใช่น่ะสิ!”
“ให้ตายเถอะ! แกพามาที่กองถ่ายได้ยังไง” เยี่ยมู่ฝานพูดไม่ออก
เยี่ยหวันหวั่นบอกว่า “เขาเพิ่งมาเมืองจีน ยังไม่คุ้นเคยกับอะไรสักอย่าง ให้อยู่บ้านคนเดียวฉันไม่วางใจ ฉันเลยพาเขาไปไหนมาไหนด้วยก่อน เขาว่าง่ายมาก ไม่กระทบงานฉันหรอกน่า!”
เยี่ยมู่ฝานปวดหัว “ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนี้เถอะ นี่แกคิดว่าตัวเองเป็นแม่เขาจริงๆ หรือไง? จะอุทิศตัวเกินไปหรือเปล่า!”
เยี่ยหวันหวั่นบอกว่า “ไหนๆ ก็รับปากคนอื่นเขาแล้วนี่นา!”
เยี่ยมู่ฝานพูดไปพูดมาก็ทำหน้าประหลาดใจ “เด็กคนนี้…”
เยี่ยหวันหวั่นถาม “ทำไมเหรอ?”
เยี่ยมู่ฝานคิดในใจ เด็กคนนี้ดูบุคลิกไม่เหมือนเด็กทั่วไป แถมเขายังรู้สึกว่าหน้าตางดงามนั่น ทำไมถึงได้ดูเหมือนน้องสาวเขานัก?
เยี่ยมู่ฝานอดพูดขึ้นไม่ได้ “ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเด็กคนนี้หน้าตาเหมือนแกอยู่หน่อยจริงล่ะ?”
เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “เหลวไหล ก็เพราะฉันหน้าเหมือนแม่แท้ๆ ของเขาอยู่แล้วไงล่ะ ไม่อย่างนั้นคนอื่นเขาจะขอให้ฉันสวมบทแทนทำไม”
ห่างออกไปไม่ไกล เนี่ยถังเซียวที่ถูกพนักงานรายล้อมพร้อมกับยัดลูกอมใส่มือหันมามองทางเยี่ยมู่ฝานแวบหนึ่ง สีหน้าดูอ่อนลงหลายส่วน
แต่ตอนนั้นเอง มีเสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้นดังมาจากหน้าประตู “มินนะซัง! ฉันกลับมาแล้ว!”
เมื่อเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นดังขึ้น เห็นเพียงเงาร่างสีเหลืองอร่ามวิ่งเข้ามาอย่างลิงโลด
รูปร่างหน้าตาของกงซวี่วันนี้ ยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดสั้นๆ ได้…
ท่อนล่างของเขาสวมกางเกงยีนส์ที่มีรูขนาดใหญ่ตรงต้นขา ท่อนบนสวมเสื้อโค้ทกำมะหยี่สีเหลืองสดใส เสื้อโค้ทตัวนั้นเป็นตัวโมเดลที่ใส่เดินแบบของแบรนด์หรูชั้นนำแบรนด์หนึ่ง ถึงแม้จะดูมีคลาสมาก แต่ไม่มีดาราคนไหนกล้าใส่เลย
เพราะพอใส่แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับไก่เหลืองตัวน้อยเลยสักนิด ทั้งดูสะดุดตาแล้วยังดูตัวพองอีก เป็นการทำลายตัวเองชัดๆ
เคยมีนักร้องเพลงร็อกคนหนึ่งที่มีความเป็นตัวเองสูงใส่ ปรากฏว่าถูกชาวเน็ตล้อเลียนกันไปทั่ว
กงซวี่ยังใส่เสื้อลายตาข่ายสีดำชวนตกใจไว้ข้างในอีกหนึ่งตัว โดยข้างนอกสวมเสื้อโค้ทสีเหลืองเหมือนลูกไก่ แต่นึกไม่ถึงว่าการผสมผสานอย่างนั้นกลับทำให้เขาดูเซ็กซี่และน่าดึงดูดอย่างเหลือเชื่อ เรียกได้ว่าสามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีอย่างน่าอัศจรรย์ใจเลยทีเดียว
“ฮ่าๆๆๆ พี่เยี่ย วันนี้ผมหล่อโคตรเลยใช่ไหมล่ะ!!!” กงซวี่ปาดผมหน้าม้าอย่างย่ามใจ จากนั้นก็รีบพุ่งตัวไปหาเยี่ยหวันหวั่นอย่างเริงร่าประหนึ่งนกขมิ้นทองตัวน้อย
ก่อนที่หมอนั่นจะพุ่งเข้ามา เยี่ยหวันหวั่นรีบยกมือห้ามเขาไว้ได้ทันเวลา “นายใจเย็นก่อน…”
เจ้าหมอนี่ วันๆ อย่างกับกินยาโดฟเข้าไป ลั่วเฉินก็นิ่งขรึมเกินไป สองคนนี้ช่างไม่มีความพอดีเอาเสียเลย
“โอ๊ย! พี่เยี่ย พี่ไม่รักผมแล้วใช่ไหม? นี่ผมยังเป็นเบบี๋ที่พี่รักที่สุดอยู่ไหมเนี่ย!” ใครบางคนเริ่มทำตัวออดอ้อนเหมือนทุกครั้งอีกแล้ว
————————————————————————
บทที่ 958 จะต้องเป็นคนสวยมากแน่
เยี่ยหวันหวั่นเคยชินกับกงซวี่ที่มักแสดงละคร และโปรยเสน่ห์อยู่เสมออย่างนี้แล้ว
เธอเชื่อว่าถ้าเธอกล้าพูดว่า ‘ไม่ใช่’ คนบางคนจะต้องกล้าโวยวายใหญ่โตไม่ยอมหยุดแน่นอน
ฉะนั้นเยี่ยหวันหวั่นจึงรู้วิธีรับมือกับเขานานแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ “แน่นอนๆๆ…นายต้องเป็นเบบี๋ที่ฉันรักที่สุดอยู่แล้ว! เบบี๋ซวี่เครื่องสำอางนายจางแล้ว รีบไปเติมเร็วเข้า!”
วินาทีที่เยี่ยหวันหวั่นพูดจบ นัยน์ตาของเนี่ยถังเซียวก็หดเล็กลงทันที ดวงหน้าน้อยๆ ซีดเผือด
“หา? จริงเหรอๆ? ตรงไหน!” ตามคาด กงซวี่หยุดงอแง และถูกเบี่ยงเบนความสนใจออกไปทันที
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ
กงซวี่ล้วงกระจกออกมาส่องใบหน้าหล่อเหลาของตัวเอง จู่ๆ ก็มองไปยังตรงหน้า แล้วร้องอย่างประหลาดใจว่า “โอ๊ะ เด็กน้อยนี่…ใครกัน…”
ทำไมถึงรู้สึกว่ามีไอพิฆาตในสายตาล่ะ?
แต่ว่า ด้วยนิสัยโผงผางของกงซวี่ไม่นานเขาก็มองข้ามเรื่องนี้ไป เขาเอ่ยปากด้วยความตื่นเต้น “โอ้ย! น่ารักเกินไปไหมเนี่ย! น่ารักจัง! พี่เยี่ยๆ นี่ลูกใครๆ?”
เยี่ยหวันหวั่นบอกว่า “ลูกเพื่อนฉันเอง…”
กงซวี่ได้ยิน ก็ทำหน้าอิจฉาเต็มที่ “พี่เยี่ย เพื่อนพี่นี่…มีบุญจริงๆ!”
“หมายความว่าไง?” เยี่ยหวันหวั่นกระดกคิ้ว
กงซวี่บอกว่า “ว่ากันว่าลูกชายจะเหมือนแม่ หนูน้อยคนนี้ตอนเด็กยังน่ารักขนาดนี้ แม่ของเขาจะต้องเป็นคนที่สวยมากแน่ๆ!
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “ก็มีเหตุผลนะ…”
กงซวี่พูดพลางสะบัดเสียง “อนาคตถ้าผมมีลูกกับเสี่ยวมี่เจี้ยน จะต้องน่ารักกว่าเขาแน่นอน!”
เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก
นายคิดไกลไปแล้ว หนุ่มน้อย…
เยี่ยหวันหวั่นเหลือบมองของสีสันฉูดฉาดพวกนั้นที่ตงไจ๋ผู้ช่วยของเขากับบอดี้การ์ดขนตามมา แล้วถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “ของพวกนั้นอะไรน่ะ?”
กงซวี่รีบวิ่งไปปกป้องทันที “ฟะ…แฟนคลับให้ผมมา! พี่ห้ามทำอะไรพวกมันเด็ดขาดเลยนะ!”
ลั่วเฉินกับหานเซี่ยนอวี่ได้รับดอกไม้หรือไม่ก็จดหมาย กงซวี่กลับดีเสียอีก ได้มาแต่ของกินกับขนมทั้งนั้น
เยี่ยหวันหวั่นทำหน้าขรึม “ริบ!”
“ไม่น้า…”
ตรงมุมห้อง เนี่ยถังเซียวมองเจ้าลูกไก่ขนเหลืองที่แต่งตัวอย่างมั่นใจและยืนกอดกองขนมกินเล่นพร้อมกับโอดครวญ ความคิดสับสนวุ่นวาย…
นี่ไม่ใช่ความจริง…
ไม่นานก็ถึงเวลากินเลี้ยงแล้ว เพราะมีแต่คนกันเอง ฉะนั้นทุกคนจึงผ่อนคลายมาก ต่างพูดคุยและดื่มกินอย่างสนุกสนาน
หลังกินอิ่ม ถังถังบอกว่าง่วงนอนแล้ว เยี่ยหวันหวั่นจึงบอกให้คนพาเขากลับไปพักในห้อง
หลังจบงานกินเลี้ยง เยี่ยหวันหวั่นกลับมาถึงห้อง ก็เห็นเด็กน้อยนั่งเท้าคางเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง
เงาร่างน้อยๆ นั่งอย่างโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น ใบหน้ากลับดูเหมือนเจอเรื่องสะเทือนใจมาอย่างไรอย่างนั้น…
เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลยนี่นา?
เยี่ยหวันหวั่นรีบเดินเข้าไปหา “ถังถัง!”
เด็กน้อยรีบหันกลับมา สีหน้าเหมือนหมดอาลัยตายอยาก “แม่ครับ…”
เยี่ยหวันหวั่นลูบหน้าผากเด็กน้อย “เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนลูก?”
เด็กน้อยทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็ถามว่า “แม่ครับ แม่ชอบพี่ชายคนที่ใส่เสื้อสีเหลืองเหรอครับ?”
เยี่ยหวันหวั่นงุนงง “ลูกหมายถึงกงซวี่?”
เยี่ยหวันหวั่นครุ่นคิด ศิลปินในสังกัดของเธอ เธอก็ย่อมต้องชอบอยู่แล้ว ถึงแม้เจ้าหมอนั้นจะขี้เล่นไปบ้าง แต่เรียกได้ว่ามีพรสวรรค์เป็นดารามาแต่เกิด เวลาเอาจริงขึ้นมาก็ไม่ธรรมดามากเหมือนกัน
เยี่ยหวันหวั่นตอบว่า “พี่ชายคนนั้นเป็นดาราในสังกัดของแม่ แม่ก็ต้องชื่นชมและชอบอยู่แล้วสิ! พี่ลั่วเฉิน กับพี่เซี่ยนอวี่ก็ด้วยเหมือนกัน!”
เด็กน้อยเองก็เดาไว้อยู่แล้วว่าเยี่ยหวันหวั่นจะต้องตอบแบบเป็นพิธีอย่างนี้ จึงหลุบตาไม่พูดอะไรอีก…
………………………………..