แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1026 ทัศนคติไม่ตรงกัน
คล้ายกับว่าหลังจากที่ได้กินหมูน้ำแดงกัน โลกก็สวยงามขึ้นมาทันตา กลิ่นหอมของอาหารได้พัดพาเอาเรื่องน่าปวดหัวไปด้วย
เรื่องแรกก็คือทางเสี่ยวซีส่งข่าวมาว่า เธอกับไห่เจาได้ข้อตกลงร่วมกันแล้ว พอเสี่ยวเชี่ยนรักษาเธอเสร็จก็จะคิดเรื่องคบกับไห่เจา
ต่อมาก็เรื่องคนร้ายที่ต้องรับผลกรรมที่ตัวเองก่อ พอตอนดึกไฟป่าก็คุมได้หมด เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่มีแต่เรื่องให้จดจำ และสุดท้ายก็คงเป็นการปิดท้ายด้วยการกินหมูน้ำแดงรสเลิศ
อวี๋หมิงหลางฉวยจังหวะที่ไม่มีใครเห็นแอบป้อนเธอ
มีทุกข์ร่วมต้าน หลังจากผ่านพ้นความลำบากความสุขก็เข้ามาแทนที่
วันต่อมาไฟป่าก็ดับสนิท กองกำลังเสริมต่างๆพากันเก็บของออกจากที่นั่น เหลือเพียงหน่วยพิทักษ์ป่าที่อยู่ตรวจตราพื้นที่ หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนได้ผ่านเหตุการณ์นี้ก็ประทับใจพี่น้องทหารทุกคนมากกว่าเดิม
ตอนมาพวกเขาไม่พูดอะไรมาก มาถึงก็ทำงานกันอย่างรวดเร็ว ตอนกลับก็เช่นกัน ไม่มีการโห่ร้องยินดีกับความสำเร็จให้เอิกเกริก นี่ก็แค่เป็นภารกิจที่แสนจะธรรมดามากสำหรับพวกเขา ทหารทุกคนต่างเตรียมพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว ภัยพิบัติไม่รู้ตั้งกี่ครั้งที่ถูกพวกเขาควบคุมไว้ได้ อย่าคิดว่าเวลาไร้สงครามทหารไม่ทำอะไร จริงๆแล้วพวกเขาเป็นผู้รักษาความสงบให้ประเทศอย่างเงียบๆ
ตอนมาเสี่ยวเชี่ยนนั่งเครื่องบินที่ขนอุปกรณ์ ตอนกลับเธอนั่งรถขนทหาร ขามารีบร้อน ขากลับไม่รีบไม่จำเป็นต้องนั่งเครื่องบิน รถขนทหารด้านหลังเป็นกระบะ เธอได้เห็นการออกมายืนส่งอย่างอบอุ่นของชาวบ้านระหว่างทาง
พวกชาวบ้านรู้ว่าทหารมาช่วยดับไฟจึงรวมตัวกันออกมาส่ง หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ใกล้จุดที่ไฟไหม้ที่สุด ถ้าควบคุมไฟป่าไม่ได้ บ้านเรือนเรือกสวนไร่นาของพวกเขาก็ต้องเสียหายไปด้วย เหล่าทหารช่วยพวกเขาไว้แต่กลับไม่รับสิ่งตอบแทน พวกเขาจึงได้แค่ยืนส่ง
สองข้างทางเต็มไปด้วยชาวบ้าน ตอนที่รถขับผ่านชาวบ้านก็พากันปรบมือ ระหว่างนั้นรถขนทหารก็ขับช้าๆ ใช้การบีบแตรเป็นสัญญาณขานรับ
มีกฎว่าพวกเขาห้ามลงจากรถ แต่เมื่อเจอการมาส่งอย่างอบอุ่นแบบนี้ พวกเขาก็ต้องยืนแล้วทำความเคารพแบบทหารเพื่อเป็นการลาชาวบ้าน ภาพแบบนี้เสี่ยวเชี่ยนไม่เคยเห็น เธอนั่งอยู่ตรงนั้นยังรู้สึกได้ถึงเกียรติอันน่าภาคภูมิใจ
อวี๋หมิงหลางยืนอยู่ข้างเธอในท่าเดียวกับทหารคนอื่นๆเพื่อบอกลาชาวบ้าน ท่าทางของเขาทำให้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกภูมิใจ
มีเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาบางคนพอเห็นรถทหารขับผ่านก็ยกมือทำท่าเลียนแบบทหาร พวกเขายังเล็กอาจทำท่าเลียนแบบโดยไม่คิดอะไร แต่แท้จริงแล้วมันอาจเป็นพลังบวกที่ทำให้เด็กเหล่านั้นอยากเอาเป็นแบบอย่างในอนาคต
ไม่เป็นทหารก็ไม่มีทางสัมผัสได้ถึงเกียรติที่มีเพียงแค่ทหารเท่านั้นที่จะได้รับแบบนี้ เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ว่าถึงเหล่าทหารจะเหนื่อยล้า แต่พวกเขาดูภาคภูมิใจ เกียรติภูมิที่ได้รับจากการปกป้องประเทศเป็นความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน
รถขับไกลออกไปจนมองไม่เห็นชาวบ้านแล้ว ทุกคนถึงได้นั่งลง มีทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
“ผมได้ยินเด็กคนหนึ่งพูดว่า โตไปอยากเป็นทหาร”
เสี่ยวเชี่ยนหัวเราะ อวี๋หมิงหลางมองเธอ เธอจึงกระซิบ “ฉันว่าอีกหน่อยถ้าพวกเรามีลูกชายเขาคงเหมือนนาย”
ยีนเป็นสิ่งสำคัญ แต่พลังของต้นแบบนั้นสำคัญกว่า
เสี่ยวเชี่ยนไม่คิดเลยว่า คำพูดที่เธอพูดลอยๆในเวลานี้ จะกลายเป็นปริศนาที่ยากจะหาคำตอบทำเธอกลุ้มมากในอีกหลายวันต่อมา
เรื่องดับไฟป่าได้ถูกสื่อหลายสำนักรายงานข่าวออกไปอย่างใหญ่โต รวมถึงเรื่องความกล้าหาญของนักร้องดัง ทหารหน่วยรบพิเศษช่วยจับคนร้าย ก็ถูกรายงานออกไปด้วย ช่วงหลายวันนี้มีแต่ข่าวพวกนี้ตามสื่อใหญ่ๆ
เรื่องภายนอกพวกนี้ไม่เกี่ยวกับเสี่ยวเชี่ยนรวมถึงคนที่ไปช่วยดับไฟ พอจบงานทุกคนก็กลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง ใครต้องฝึกก็ไปฝึก ใครต้องวิจัยก็วิจัย ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป
ก่อนหน้านี้งานของพวกเสี่ยวเชี่ยนคือศึกษาพฤติกรรมคนร้ายที่สติปัญญาดีคนนั้น เดิมต้องไปประชุมกับนักวิชาการที่ศูนย์วิจัย แต่มีเรื่องไฟป่าเข้ามาทำให้ต้องเลื่อนออกไป ตอนนี้ดับไฟเสร็จแล้ว เช้าวันต่อมาพวกเธอจึงไปที่ศูนย์วิจัยเพื่อเตรียมประชุม
หลังจากผ่านเหตุการณ์ดับไฟป่า บรรยากาศภายในทีมจิตวิทยาก็ดูสนิทกันมากขึ้น เสี่ยวเชี่ยนได้แสดงความสามารถให้คนในทีมเห็นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังขุดประเด็นเรื่องเสี่ยวเชี่ยนผสมแป้งทำหมั่นโถวผิดมาล้อ เมื่อมีความลับร่วมกันแบบนี้ ก็ไม่เห็นใครขัดหูขัดตาอีก
วันต่อมาทุกคนนั่งรถไปที่ศูนย์วิจัย ระหว่างทางเสี่ยวเชี่ยนสังเกตเห็นว่าพวกพี่ทหารสุดหล่อในทีมเธอดูท่าทางผิดไปจากปกติ ทำตัวเคร่งขรึมคล้ายกับเตรียมไปสู้กับใคร แถมแต่งตัวกันมาเนี้ยบมาก
โดยเฉพาะอาเพียว พอลงจากรถก็เข้าสู่โหมดพร้อมบวกทุกเมื่อ ไม่ต่างจากตอนที่เจอเสี่ยวเชี่ยนครั้งแรก เตรียมจับผิดตลอดเวลา
สองตากวาดมองไปทั่วเหมือนกำลังมองหาอะไร
“นี่มันอะไรกัน? นี่เรามาประชุมแลกเปลี่ยนความรู้หรือจะมาตีกับใครกันแน่?” เสี่ยวเชี่ยนกระซิบถามหมอตี๋
“อีกเดี๋ยวถ้ามีคนมาพูดจาไม่น่าฟัง หมอเฉินแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินก็พอแล้ว เรื่องสู้ยกให้อาเพียว เขาชินละ” หมอตี๋เองก็กระซิบกลับ
ในสายตาของคนในทีม เสี่ยวเชี่ยนกลายเป็นคนกันเองแล้ว
“ฟังๆดูแสดงว่าที่นี่มีศัตรูเหรอ?”
หมอตี๋พยักหน้าด้วยสายตาชื่นชมเสี่ยวเชี่ยน สมกับเป็นเฉินเสี่ยวเชี่ยน สมองไวมาก
“ระวังตัว มันมาแล้ว!” หมอตี๋พูดจบคนอื่นๆก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อม เสี่ยวเชี่ยนดวงตาเบิกโพลง ใครมา?
คนพูดจาไม่น่าฟัง=คนชั้นต่ำ ทุกคนต่างเป็นคนการศึกษาสูง คำพูดคำจาจึงต้องไพเราะ
มีคนใส่ชุดกาวน์หลายคนเดินมาอยู่ไม่ไกล มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง พออาเพียวเห็นคนพวกนี้ก็แกล้งไอ สมาชิกในทีมยืนยืดอกคล้ายกับตอนเตรียมพร้อมสู่สนามรบ ถึงจะไม่พูดอะไร แต่ท่าทางดูพร้อมสู้มาก
“น้องเพียว!”
“โอ๊ะ! พี่หลี่!”
อาเพียวเดินขึ้นหน้า เขากับผู้ชายคนที่เดินนำหน้ามาของกลุ่มนั้นตบบ่ากันและกัน ดูเหมือนสนิทกัน แต่แรงที่ตบนั้นมันไม่ใช่ ถ้าไม่มีคำพูดทักทายตามมารยาท สองคนนี้เหมือนคนที่เคยมีความแค้นฆ่าพ่อแย่งเมียอะไรแบบนั้นมากกว่า
หึ ตบแค่นี้ไม่ตายหรอก!
นี่คือความคิดในใจที่เหมือนกันของสองคนนี้
“ผู้ชายคนที่หน้าตาเหมือนคนขวางโลกทัศนคติไม่เข้ากับสังคมนิยมคนนั้นเป็นนักวิจัยที่มาจากศูนย์วิจัย หรือที่เรียกกันว่านักวิชาการ อยู่คนละหน่วยงานกับพวกเราและก็คนละสายงานเลยด้วย แต่พี่หลี่ที่เต็มไปด้วยความคิดแบบชนชั้นนายทุนมีหัวสมัยใหม่คนนี้ก็เป็นรุ่นพี่สมัยเรียนปริญญาเอกของหัวหน้าเราด้วยเหมือนกัน เจอกันทีไรเป็นต้องเขม่น ไม่มีครั้งไหนที่ยอมกัน” หนึ่งในคู่หูคู่ฮากระซิบบอกเสี่ยวเชี่ยน
อ่อ ที่แท้ก็พวกมีความแค้นส่วนตัวกันนี่เอง เข้าใจแล้ว เดิมเสี่ยวเชี่ยนคิดว่าก็แค่คนที่มีความเห็นไม่ลงรอยกันเรื่องงานนิดหน่อย ทันใดนั้นหมอตี๋ก็พูดขึ้น
“ผู้หญิงคนนั้น นักวิชาการหลิวเหมียวที่ยกย่องตัวเองว่างดงามดุจดอกไม้ อายุหยุดอยู่ที่ยี่สิบเก้าเสมอ คุณว่าเขาเหมือนคนอายุเท่าไร?”
“อย่างน้อยๆก็สามสิบเอ็ด ต่อให้บำรุงผิวดีแค่ไหนก็ปกปิดริ้วรอยที่หางตาไม่ได้หรอก” ผู้หญิงย่อมมองกันเองออก แต่เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าหมอตี๋ไม่ใช่ผู้ชายปากเปราะ อยู่ๆเขาแซะผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาก็แสดงว่าเคยมีเรื่องกัน เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองหมอตี๋
“เขาชอบใช้ดวงตาที่มีริ้วรอยนั่นอ่อยหัวหน้าใหญ่ของพวกเราบ่อยๆ แต่แน่นอนว่าหัวหน้าเราไม่แล”
โวะ!
เสี่ยวเชี่ยนเริ่มมีความอาฆาตแค้นเหมือนสมาชิกคนอื่นๆในทีมขึ้นมาทันที คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพวกนั้นดูเหมือนเป็นพวกทัศนคติไม่เข้ากับสังคมนิยมจริงๆด้วย!