แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1027 เล่นมาเล่นกลับ
ทางด้านหมอตี๋กำลังอธิบายเรื่องราวความเป็นมาให้เสี่ยวเชี่ยนฟัง การเขม่นกันระหว่างอาเพียวกับพี่หลี่ก็ยังไม่หยุด
“อาเพียว ช่วงนี้พี่กำลังอยากไปหานายอยู่พอดีเลย เพิ่งเปลี่ยนรถเลยว่าจะชวนนายไปขับรถเล่นกินลมชมวิวหน่อย อันที่จริงA4ขับแล้วก็ไม่มันเท่าไรหรอก แต่ประเด็นคือทางศูนย์วิจัยเพิ่งแจกโบนัส ฝากไว้ในธนาคารก็ไม่มีความหมายอะไร พี่เลยเอาไปซื้อรถน่ะ” พี่หลี่เริ่มต้นหมัดแรกก็พูดจาเหมือนชนชั้นนายทุน อวดร่ำอวดรวย หวังจะดูหมิ่นศักดิ์ศรีของอาเพียว แต่ทว่าไม่มีประโยชน์
อาเพียวแค่ หึ ออกมา วางท่าเป็นลัทธิสังคมนิยมไม่อยากจะสนใจเขา
พี่หลี่เตรียมปล่อยหมัดสอง จะตบบ่าอาเพียวด้วยท่าทางที่เหมือนสนิทสนมกันมาก ด้วยความที่เขาอ้วนน้ำหนักมือจึงลงไปค่อนข้างมาก อาเพียวจึงรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่พี่หลี่ตบบ่าเขา แต่ครั้งนี้ยังไม่ทันที่มือของพี่หลี่จะแตะถึงบ่าอาเพียว หมอตี๋ก็รีบเข้าไปดึงอาเพียวออกแล้วยื่นมือออกไปอย่างกระตือรือร้น
“หัวหน้าหลี่ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!”
พี่หลี่จับมือกับหมอตี๋ เขารู้สึกว่ามือตัวเองเหมือนถูกคีมบีบอย่างหนัก ก่อนหน้านี้หมอตี๋ฝึกบีบลูกวอลนัททุกวันเพื่อรอเวลานี้โดยเฉพาะ!
ศึกครั้งนี้ชนชั้นกรรมาชีพเป็นฝ่ายชนะไป
หมอตี๋บีบมือพี่หลี่จนเขาหน้าแดงก่ำแล้วถึงปล่อย เสี่ยวเชี่ยนแอบเห็นมือพี่หลี่ขาวซีด อยากจะบีบนวดแต่ก็อาย
“น้องหมอตี๋ แรงเยอะขึ้นนะเรา ได้ยินว่าเมื่อวานพวกนายไปเป็นพ่อครัวกันมาเหรอ แรงดีขนาดนี้เพราะไปแบกไม้แบกฟืนกันมาใช่ไหม? พวกนายนี่นะ เงินเดือนก็น้อยนิด ทำงานอยู่ในห้องแอร์ดีๆไม่ชอบ ยังจะไปเป็นพ่อครัวให้เหนื่อย จึ๊ๆ คิดอะไรกันอยู่เหรอ?”
“หัวหน้าหลี่ พูดแบบนั้นไม่เชยไปหน่อยเหรอคะ พวกเขาเป็นทหารที่มีเกียรติ พลังย่อมมีจนล้นเหลือ คุยเรื่องเงินกับพวกเขาคงไม่คิดว่าเชยเหรอคะ?” ผู้หญิงที่ชื่อหลิวเหมียวพูดขึ้น
พอเธอพูดเสี่ยวเชี่ยนก็เริ่มจับสังเกต พฤติกรรมที่ดูเหมือนจะช่วยกู้สถานการณ์แต่แท้จริงแล้วเหมือนเอาไม้กวนขี้แบบนี้ใครเห็นก็เหม็นหน้า และที่น่าทุเรศที่สุดก็คือ ยัยหลิวเหมียวคนนี้บังอาจมาอ่อยผู้ชายของคนอื่น!
“นั่นสินะ ผมจะเชยไม่ได้ อาเพียวของเราออกจะเป็นคนทันสมัย ไม่รู้งอนผมเรื่องอะไรถึงไม่ยอมมาเป็นลูกน้องผม หนีไปแบกฟืนนึ่งหมั่นโถวเสียอย่างนั้น ใช้ได้นี่ พี่เห็นข่าววันนี้แล้วนะ ดอกเตอร์นึ่งหมั่นโถว อนาคตก้าวไกลจริงๆ ฮ่าๆๆ!” พี่หลี่หัวเราะได้ใจใหญ่
ตอนที่พวกนักข่าวเก็บเบื้องหลังการช่วยดับไฟป่าได้เสนอข่าวออกไปว่า มีเจ้าหน้าที่ที่วุฒิการศึกษาสูงกำลังนึ่งหมั่นโถวอยู่ ยกย่องพวกอาเพียวผ่านทางอักษร ทำให้วันนี้ถูกคนอื่นเอามาล้อ
อาเพียวโกรธจนหน้าแดง “ผมไม่ได้หลบหน้าพี่แล้วไปเป็นทหารนะ!”
อาเพียวถูกรับเข้ามาในกองทัพเป็นกรณีพิเศษ เดิมไม่ควรมาเป็นทหาร โปรไฟล์อย่างเขาไปเป็นนักวิชาการอยู่ในศูนย์วิจัยได้สบาย แต่เขาก็เลือกที่จะไปเป็นทหาร เพื่อสานฝันการเป็นทหารตอบแทนบุญคุณประเทศชาติ แต่คนคิดสกปรกอย่างพี่หลี่กลับคิดว่าอาเพียวไปเป็นทหารเพื่อจะหลบหน้าเขา เอาจริงๆก็คือแอบอิจฉาอาเพียวนั่นแหละ ถึงจะเรียนกันมาคนละรุ่น แต่ตอนนั้นอาเพียวกลับแย่งซีนพี่หลี่หลายครั้งในรั้วมหาวิทยาลัย แค้นนี้ถูกขึ้นบัญชีไว้อย่างเงียบๆ
ตามหลักการแล้วพอไปเป็นทหารก็ไม่ควรจะต้องติดต่อกับโลกภายนอกเท่าไร แต่ศูนย์วิจัยตั้งอยู่ที่เมืองหลวงพอดี แถมกองทัพก็ยังมีบุคลากรที่มีความรู้ด้านนี้ไม่มาก ถึงแม้อาเพียวจะมีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆให้หน่วยเสินเจี้ยน แต่ก็รับหน้าที่เรื่องงานวิจัยด้วย ผลงานวิจัยของทีมอาเพียวซึ่งสังกัดโรงเรียนทหารจึงจำเป็นต้องนำมาแลกเปลี่ยนข้อมูลให้องค์กรภายนอกได้รู้ ดังนั้นบางครั้งจึงต้องมีมาเจอคนของศูนย์วิจัยบ้าง ถึงได้เกิดสถานการณ์เขม่นกันอย่างไม่มีใครยอมใครแบบนี้
“ใช่ นายไม่ได้ไปเป็นทหารเพราะพี่ แต่ตอนนายอยู่มหาลัยชอบกินหมั่นโถว พอเรียนจบเลยไปนึ่งหมั่นโถวในค่ายทหารตามความฝัน ฮ่าๆ!” พี่หลี่พูดจาแดกดันด้วยท่าทีเหมือนล้อเล่น
ลูกน้องของเขาพากันหัวเราะใหญ่ มีแค่ทีมของอาเพียวที่หัวเราะไม่ออก ถ้าไม่ติดว่าใส่ชุดทหารอยู่ล่ะก็ อยากจะเข้าไปชกหน้าคนทุเรศพวกนี้จริงๆ!
“จริงสิ น้องคนนี้เป็นใครเหรอ?” พี่หลี่สังเกตเห็นสมาชิกในทีมอาเพียวมีคนเพิ่มเข้ามา จึงชี้ไปที่เสี่ยวเชี่ยนพลางถาม
“เป็นผู้ช่วยที่เชิญมาจากข้างนอก ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเฉินเสี่ยวเชี่ยน” อาเพียวแนะนำ
แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับมองพี่หลี่เหมือนกำลังใช้ความคิด
ทำไมคนๆถึงได้คุ้นหน้าแบบนี้นะ?
“ไอ๊หยา! ดูท่าพวกนายก็ไม่ได้การเงินอัตคัดอย่างที่เขาเล่ากัน มีเงินเชิญคนข้างนอกมาทำงานเลยเหรอเนี่ย”
ถ้าเล่นงานจนอาเพียวจนมุมไม่ได้พี่หลี่ไม่มีทางเลิกรา
หลิวเหมียวมองเสี่ยวเชี่ยน ในสาขาความรู้เฉพาะทางที่ส่วนใหญ่มีแต่ผู้ชายแบบนี้อยู่ๆก็มีผู้หญิงโผล่มา แถมยังเด็กกว่าเธอ หน้าตาก็พอสู้เธอได้—หลิวเหมียวคิดว่างั้น แต่ในความเป็นจริงคนอื่นกลับคิดว่าไม่ว่าจะมองมุมไหนความสวยเสี่ยวเชี่ยนก็กินขาด แต่หลิวเหมียวเห็นแล้วก็ไม่สบอารมณ์จึงพูดขึ้น
“น้องคนนี้ดูเด็กมากเลยนะ ไม่ทราบว่าจบจากที่ไหนมาเหรอคะ เป็นลูกศิษย์อาจารย์ท่านไหน?”
“ความลับทางการทหาร บอกไม่ได้ค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเธอเป็นภรรยาของอวี๋หมิงหลาง แต่เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยอ่อยสามีเธอ ดังนั้นเธอไม่มีทางไว้หน้าแน่นอน
“หึหึ อารมณ์ร้ายจังเนาะ” หลิวเหมียวเจอของแข็งเข้าแล้ว เธอแสยะยิ้มให้เสี่ยวเชี่ยนแล้วไม่พูดอะไรอีก
“น้องคนนี้ดูท่าทางเอาเรื่องไม่เบา…แต่ว่านะอาเพียว พี่มีบางอย่างที่ไม่รู้จะพูดดีไม่พูดดี ถึงพวกเราจะเป็นคนทำงานวิจัยเหมือนกัน แต่พวกนายก็ไม่เหมือนพวกพี่ไปซะทีเดียว พี่รู้ว่าพวกนายต้องทำตามคำสั่งจากเบื้องบน แต่เรื่องการใช้เส้นสายแบบนี้เนี่ย อย่าทำบ่อยนา ยังไงงานวิจัยก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างรัดกุม ใช่ไหมล่ะ?” พี่หลี่หาโอกาสเล่นงานอาเพียวได้แล้ว เล่นเอาคนอื่นๆในทีมอาเพียวพากันโกรธตามไปด้วย
คำพูดนี้ของพี่หลี่ทำทุกคนในทีมจิตวิทยาไม่พอใจ คู่หูคู่ฮายิ้มไม่ออก แทบอยากจะเข้าไปชกหน้าคนพูด
อาเพียวยิ่งแล้วใหญ่ สองมือกำหมัดแน่น ถูกคบตบหน้าเข้าอย่างจังแบบนี้ใครจะทนไหว แต่ที่มาที่ไปของเสี่ยวเชี่ยนก็อธิบายยากเหมือนกัน
ครั้งนี้พี่หลี่เหยียบโดนแผลของอีกฝ่ายอย่างจัง
เขาต้องการสื่อว่าเสี่ยวเชี่ยนเข้ามาด้วยการใช้เส้นสาย
งานวิจัยแบบนี้โดยทั่วไปไม่เปิดโอกาสให้คนนอกได้เข้าร่วม เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ใส่เครื่องแบบทหาร คนพวกนี้จึงคาดเดากันไปเองว่าเสี่ยวเชี่ยนใช้เส้นเข้ามาเพื่อเปิดหูเปิดตา อย่างไรเสียโอกาสแบบนี้ก็หาได้ยากมาก
ทุกคนต่างรู้ว่าพี่หลี่ความคิดสกปรก แต่กลับไม่มีใครกล้าเถียงกลับในทันที ความรู้สึกที่ถูกคนตบหน้าเข้าอย่างจังแบบนี้ ทีมจิตวิทยามองหน้ากันด้วยความโกรธ
ในเวลานั้นเองเสี่ยวเชี่ยนก็นึกออกแล้วว่าทำไมถึงคุ้นหน้าพี่หลี่ เธอแสยะยิ้มพลางมองไปทางเขา
“อุตส่าห์ร่ำเรียนมาตั้งหลายปี มารยาทเรียนมาได้แค่นี้เหรอคะ? เห็นฉันอายุน้อยก็หาว่าฉันใช้เส้นสายเข้ามา ไม่ได้ทำตัวสุขุมใช้สติปัญญาให้สมกับเป็นนักวิจัยเลยสักนิด กลับใช้ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินคนอื่น ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่านิสัยอย่างคุณมันเหมาะสมแล้วเหรอที่มาเป็นนักวิจัย”
เธอก็ไม่อยากเข้าไปร่วมการเขม่นกันของอดีตศิษย์พี่ศิษย์น้องหรอก แต่มันก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า อีกฝ่ายต้องไม่มาเล่นงานเธอ อย่าเอาเธอเข้าไปเอี่ยวด้วย และที่สำคัญห้ามมายุ่งกับผู้ชายของเธอ
คนพวกนี้ไม่เคยได้เจอกับฝีปากของประธานเชี่ยน พอโดนจัดเข้าไปหนึ่งดอก พี่หลี่หน้าเขียวขึ้นมาทันที
“อายุแค่นี้ปากเก่งจริงนะ ถ้าคนอย่างผมไม่เหมาะเป็นนักวิจัย แล้วคนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างคุณเหมาะนักเหรอ?”
พี่หลี่พูดออกมาตรงๆ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที หลิวเหมียวที่เพิ่งโดนเสี่ยวเชี่ยนตอกกลับไปหันมาแสยะยิ้มใส่เสี่ยวเชี่ยน