แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1032 แม่เลี้ยงทำกับลูก
เสี่ยวเชี่ยนตอบได้ค่อนข้างฉะฉาน
“จะมาล้มเลิกการวิจัยเพียงเพราะกลัวเรื่องการดูถูกก็ไม่ได้ ในความเป็นจริงเมืองนอกก็สถิติอยู่ นิสัยเลวร้ายบางอย่างก็มีเปอร์เซ็นต์ที่มาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม อย่างเช่น แนวโน้มการใช้ความรุนแรง คนที่ชอบต่อต้านสังคม แต่ยีนไม่ใช่ตัวกำหนดทั้งหมด การอบรมเลี้ยงดูในภายหลังก็มีส่วน”
“คนที่ชอบต่อต้านสังคมที่เธอว่า มันคือ—” พอต้าอีได้คุยกับเสี่ยวเชี่ยนเรื่องความรู้ที่เรียนขึ้นมาก็เหมือนเด็กขี้สงสัยคนหนึ่งที่ถามไม่หยุด
เสี่ยวเชี่ยนเองก็มีความตั้งใจเป็นอาจารย์ให้เธอ ขอแค่ถามมา เสี่ยวเชี่ยนก็จะอธิบายให้ฟังอย่างหมดข้อสงสัย และก็จะแนะนำหนังสือที่เหมาะสมให้ต้าอีไปอ่านเพิ่มด้วย มีประโยชน์ยิ่งกว่าห้องสมุดเคลื่อนที่ ดังนั้นถึงต้าอีจะเพิ่งจบแค่ปริญญาตรี แต่ความรู้เฉพาะทางที่แน่นมากของเธอก็สามารถเอาชนะคนระดับดอกเตอร์หรือคนจบปริญญาโทในการแข่งขันคราวก่อนได้
“พูดเรื่องพวกนี้ตอนกินข้าวไม่กลัวอาหารไม่ย่อยเหรอ เรื่องพวกนี้เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้ กินก่อน” พี่รองยื่นเนื้อย่างให้ต้าอีหนึ่งไม้ ปลายไม้เสียบทุกอันล้วนถูกเขาเช็ดด้วยความตั้งใจ
“อ่อ” ต้าอียิ้มให้พี่รองอย่างเขินๆ
เธอมักจะลืมกินเสมอเวลาที่จิตใจจดจ่ออยู่กับบางสิ่ง
พี่รองเห็นรอยยิ้มของเธอก็หัวใจพองโต แต่กลับยังต้องคอยเตือนตัวเองให้ระวังกิริยา ห้ามตามใจเธอมากเกินไป
“พอกินมื้อนี้เสร็จเดือนนี้คุณก็กินของย่างไม่ได้อีกแล้วนะ”
ทันใดนั้นต้าอีก็ทำหน้าเสียใจ ไหนว่าตามใจคนท้องเรื่องกินไง?
“กินอาหารพวกนี้บ่อยๆไม่ดีต่อสุขภาพ ครั้งนี้ผมไม่น่าพาคุณมาเลย” พี่รองอ้างว่าจะพาต้าอีออกมาเดินเล่นแต่แอบพาเธอออกมากินเนื้อย่าง ถ้าแม่อวี๋รู้เข้าต้องบ่นพี่รองจนหูชาแน่
คนท้องยังไงก็ต้องระวังเรื่องอาหารการกิน ในสายตาของแม่อวี๋ที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ อาหารที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้ล้วนเป็นต้นเหตุของโรคร้ายต่างๆ
อวี๋หมิงหลางไม่ทางปล่อยโอกาสที่จะได้พูดจาเสียดสีพี่ชายตัวเองไป เขาหันไปพูดล้อเล่นกับเสี่ยวเชี่ยน
“เมียจ๋า คุณว่านิสัยรักสะอาดกับชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ของพี่รองมันจะถ่ายทอดสู่ลูกทางยีนไหม? ฮ่าๆ มีลูกที่หน้าเป็นอัมพาตเหมือนกัน!”
“พี่รองจะถ่ายทอดยีนอะไรให้ลูกบ้างฉันไม่รู้ แต่ฉันหวังว่านายจะไม่เอายีนปัญญาอ่อนให้ลูก!”
“ผมปัญญาอ่อนตรงไหน?” อวี๋หมิงหลางทำหน้าน้อยใจ ทำไมเมียต้องหักหน้าเขาด้วย?
เวลาแบบนี้ควรจะเข้าข้างกันสิ ปราบพี่รองที่ทำตัวเกินหน้าเกินตาเพราะเมียตัวเองท้องให้ราบคาบ ทำไมเมียต้องมาว่าเขาด้วย!
“ถ้านายไม่ปัญญาอ่อนจะสั่งนี่ให้ฉันเหรอ? เอาไปกินเองเลย!” เสี่ยวเชี่ยนหยิบอวัยวะที่ไม่อาจบรรยายของวัวที่พนักงานเพิ่งย่างเสร็จให้อวี๋หมิงหลางด้วยความรังเกียจ
“ก็คุณบอกอะไรก็ได้นี่? ผมก็อยากบำรุงคุณไง”
กินอะไรก็บำรุงสิ่งนั้นไม่ใช่เหรอ? เสี่ยวเฉียงไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน เมื่อกี้เมียก็บอกอยู่ว่าอะไรก็ได้ พอเขาสั่งอะไรก็ได้ที่ว่า ทำไมเธอต้องไม่พอใจด้วย?
“นายเอาไอ้นี่ไปกินเองเถอะ กินไข่บำรุงไข่ ขอให้ไข่นายอายุมั่นขวัญยืน!”
ต้าอีขำจนอาหารพุ่ง พี่รองมุมปากกระตุก
สองคนนี้ เป็นตัวสร้างสีสันประจำครอบครัวจริงๆ
เสี่ยวเฉียงได้แต่แอบบ่นในใจ เขาหยิบของที่เชื่อว่า ‘บำรุงไข่’ที่เสี่ยวเชี่ยนส่งมาให้
ถ้าลูกเป็นเหมือนเขานะ ก็คงจะน่ารักอารมณ์ดี ถ้าได้นิสัยโหดของแม่ที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายไป เขาก็ชอบอยู่หรอก แต่ก็กลัวจะขายไม่ออก
แต่ว่าขายไม่ออกก็ดีนะ เขาเลี้ยงได้ทั้งชีวิต ฮี่ๆ!
พอคิดถึงตรงนี้เสี่ยวเฉียงก็กินอย่างเอร็ดอร่อย เสี่ยวเชี่ยนเห็นแล้วก็ขยะแขยงสุดๆ เดี๋ยวกลับไปถ้าหมอนี่ไม่แปรงฟันก็อย่าหวังจะได้ใช้ปากที่เคยกินของสิ่งนี้จูบเธอ นี่คือหลักการ!
พอกินเสร็จพี่รองก็ไปจ่ายเงิน คนอื่นๆนั่งดื่มชารออาหารย่อยที่โต๊ะ พ่านพ่านเอาชามาเป่าอย่างตั้งใจแล้วส่งให้ต้าอี
“เป็นเด็กดีจริงๆ ตัวแค่นี้ยังเก่งกว่าผู้ใหญ่บางคนที่ไม่รู้จักโต” เสี่ยวเชี่ยนชมพ่านพ่าน แต่ก็ยังไม่ลืมเหล่มองคนบางคน
อวี๋หมิงหลางแสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาชินกับนิสัยเมียที่ชอบหาโอกาสยั่วโมโหเขาแล้ว
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าเธออยากจะหาเรื่อเลี่ยงไม่ทำภารกิจปั๊มลูกหลังจากกลับบ้าน เขาไม่คล้อยตามเธอหรอก อวี๋หมิงหลางไม่สนใจที่เสี่ยวเชี่ยนคอยหาเรื่อง ใช้แผนนิ่งให้หมดสยบทุกความเคลื่อนไหว หรือที่เรียกสั้นว่าหน้าด้านนั่นเอง
เสี่ยวเชี่ยนเห็นเขาทำตัวนิ่งก็แอบถุยในใจ หมอนี่เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน
ตอนคืนเข้าหอคนบางคนทำตามอำเภอใจตัวเอง ทำกับเธออย่างนั้นอย่างนี้ แถมยังใช้อุปกรณ์พิสดารที่อาเหม็ดส่งมาให้ด้วย พรุ่งนี้เธอยังต้องไปสถานกักกันพร้อมกับทีมจิตวิทยาอีก เธอต้องเก็บแรงไว้
พฤติกรรมแฝงความนัยของผู้ใหญ่เด็กเล็กไม่เข้าใจ พ่านพ่านเงยหน้าพูดอย่างจริงจัง
“พ่อบอกว่าในท้องแม่มีน้องผมอยู่ในนั้น ถ้าพ่อไม่อยู่ ผมต้องดูแลแม่ให้ดีฮะ”
นี่เป็นหน้าที่ลูกผู้ชาย! มีเกียรติมาก!
เสี่ยวเชี่ยนหยิกแก้มเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู “ฉลาดจริงๆ เสี่ยวเฉียง อันที่จริงถ้าเรามีลูกชายฉลาดๆแบบพ่านพ่านก็ดีนะ”
ก็จริง เด็กคนนี้ฉลาดมาก
พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนชมพ่านพ่านต้าอีเองก็มีความสุข
เด็กที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอทางสายเลือดเลยสักนิด เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนี้ค่อยๆโตขึ้นทุกวัน แถมยังดีกับเธอมากด้วย เหมือนเป็นสายใยแม่ลูกที่ตัดกันไม่ขาดจริงๆ
พี่รองยังไม่กลับมา ทุกคนคุยกันระหว่างนั่งรอ ซึ่งระหว่างนั้นก็มีเรื่องเกิดขึ้น
เด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณสิบขวบใส่แต่กางเกงคอยเดินเสิร์ฟ เหนื่อยจนเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก น่าจะเป็นญาติของเถ้าแก่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางใช้แรงงานเด็กขนาดนี้
วิ่งไปวิ่งมาในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ขนาดผู้ใหญ่ยังทนไม่ไหวแล้วนับประสาอะไรกับเด็ก ตอนที่เด็กคนนี้เดินขึ้นไปเสิร์ฟให้ลูกค้าชั้นบน ไม่ทันระวังสะดุดล้มข้าวของกระจุยกระจาย เนื้อเสียบไม้ถาดใหญ่ก็หล่นหมด
โต๊ะที่อยู่ใกล้เด็กคนนั้นที่สุดรีบลุกไปช่วยพยุงเด็ก เด็กคนนั้นมองอาหารที่หล่นเต็มพื้น สายตาแสดงความหวาดกลัวไม่รู้จะทำไงดี
อวี๋หมิงหลางนั่งอยู่ด้านนอกพอดีจึงลุกขึ้นไปดูเด็กคนนั้นด้วย
“เจ็บตรงไหนบ้าง?”
เด็กคนนี้ล้มแรงมาก หัวไปกระแทกขอบโต๊ะ หัวไม่แตกแต่คิดว่าคงปูด ศีรษะเป็นอวัยวะที่สำคัญมาก หากไม่ระวังให้ดีสมองอาจกระทบกระเทือนได้
เด็กคนนั้นไม่ตอบ มองสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วยสีหน้าตกใจ
เจ๊เจ้าของร้านที่คิดเงินอยู่ด้านล่างพอได้ยินเสียงโครมครามก็ตะโกนเสียงดัง
“แกทำอะไร?!”
“แม่…ผมทำถาดร่วง…” เด็กคนนี้ตอบด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ
ไม่ถึงหนึ่งนาทีเจ๊เจ้าของร้านร่างอ้วนก็เดินดุ่ยๆขึ้นมา พอเห็นสภาพเละเทะที่พื้นก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงง้างมือไปตบหน้าเด็กอย่างเต็มแรง!
ปากก็ยังด่าอย่างไร้ความปรานี “ฉันว่าแล้วเชียวเอาตัวหายนะอย่างแกมาเลี้ยงไม่มีทางเกิดเรื่องดีขึ้นแน่ ดูซิเนี่ย มาอยู่บ้านฉันไม่กี่วันก็สร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้!”
พูดพลางจะตบอีกฉาด ผู้หญิงคนนี้ไม่สนว่าเด็กเพิ่งจะอายุเท่าไร แถมเมื่อกี้หัวเด็กยังไปโขกกับโต๊ะอีกด้วย ขึ้นมาถึงก็ตบเด็กก่อน