แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1034 เจอกันครั้งแรก
มองไปตามเสียง เด็กคนที่อยู่ในร้านเมื่อกี้นั่งอยู่ใต้เสาไฟข้างทาง กำลังร้องไห้อย่างหนัก
ภาพนี้ใครมาเห็นก็รู้สึกจนปัญญา
เด็กคนนี้ต้องเจอกับความน้อยเนื้อต่ำใจมามากแต่กลับไม่มีที่ให้ร้องไห้ ทำได้แค่หาที่ที่ไม่มีคนแล้วระบายความอัดอั้นตันใจอยู่คนเดียว
เสี่ยวเชี่ยนเห็นแล้วก็ถอนหายใจ เรื่องของคนรุ่นก่อนย่อมสร้างความลำบากให้คนรุ่นต่อมา ไม่มีใครเลือกเกิดได้ และก็ไม่มีใครสามารถหลุดพ้นจากสิ่งดีหรือไม่ดีที่ติดตัวมา
พูดกันอยู่เสมอว่ามนุษย์เราเท่าเทียมกัน แต่นับตั้งแต่วินาทีที่ได้เกิดมา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นตัวกำหนดว่าจุดเริ่มต้นของคนเราไม่เหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้แบกรับความผิดที่มาจากพ่อตัวเองไว้มากเกินไป เสี่ยวเชี่ยนพอจะนึกออกว่าครอบครัวนี้พอมีใครคนหนึ่งก่อเรื่องขึ้นมาก็สร้างความเสียหายให้คนทั้งครอบครัว ไม่ว่าสมาชิกทุกคนในบ้านจะไปที่ไหนก็จะตกเป็นขี้ปากคนอื่น เรื่องแบบนี้ไประบายที่ไหนก็ไม่ได้ เลยต้องเอามาลงกับเด็ก
ยังไม่ทันที่เสี่ยวเชี่ยนจะได้ลงมือ เธอก็รู้สึกเหมือนมีลมผ่านตัวไป ผู้ชายหน้าตาโหดๆแต่กลับเป็นผู้ชายอบอุ่นของเธอตรงดิ่งเข้าไปหาเด็กคนนั้นก่อนแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลางคุยกับเด็กคนนั้นอย่างเงียบๆ จนเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเด็กคนนั้นก็เช็ดน้ำตาแล้วยิ้มให้อวี๋หมิงหลางอย่างเขิน จากนั้นก็พูดขอบคุณ แล้ววิ่งไปทางร้านขายเนื้อย่าง
เสี่ยวเชี่ยนยืนมองอย่างเงียบๆตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะอวี๋หมิงหลาง พอมืดค่ำสวนสาธารณะก็ยุงเยอะ เธอโดนกัดไปหลายตุ่ม แต่ใบหน้าไม่ได้แสดงอาการเบื่อหน่าย
พออวี๋หมิงหลางจัดการเรื่องเด็กคนนั้นเสร็จก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนทำหน้านิ่ง เขาจึงรีบถามเธอ
“ทำไมคุณไม่ไปนั่งรอผมล่ะ”
“นั่งแล้วยุ่งมันมาตอม” ม้านั่งของสวนสาธารณะอยู่ใกล้พงหญ้า ตรงนั้นยุงบินให้ว่อน
อวี๋หมิงหลางถึงได้เห็นว่าเธอเกาแขนอยู่ตลอด คิดๆดูก็รู้ว่าแขนขาวๆของเธอถูกยุงกัดไปหลายตุ่มแล้วแน่นอน
“รีบกลับบ้านไปทายาดีกว่า—เมียจ๋า คุณนึกโทษที่ผมยุ่งเรื่องชาวบ้านไหม?”
“ถ้าใช่แล้วนายจะไม่ยุ่งไหมล่ะ?”
“อันที่จริงผมก็แค่คิดว่า บางครั้งสิ่งที่เราทำเพียงน้อยนิดโดยที่ไม่ได้หวังอะไร มันอาจเปลี่ยนชีวิตคนๆนึงได้เลยนะ” อวี๋หมิงหลางเดาใจเธออย่างระมัดระวัง เธอดูเหมือนไม่พอใจ
“เพื่อเป็นการลงโทษนายที่ปล่อยให้ฉันถูกยุงกัด คืนนี้นายนอนโซฟา”
เดิมทีเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้ถือสาที่เขาเข้าไปคุยกับเด็ก ยุงกัดก็แค่ข้ออ้าง คืนนี้เธอแค่อยากหลบผู้ชายพลังล้นเหลือบางคนก็เท่านั้น
เปรี้ยง!
อวี๋หมิงหลางถูกฟ้าผ่า
สวรรค์น้อยๆของเขา ไม่มีแล้ว?
“เดี๋ยวนะเมียจ๋า พวกเราอยู่ลัทธิสังคมนิยมไม่ใช่เหรอ เป็นฮีโร่ที่ทำความดีไม่ประสงค์ออกนามไง? สร้างความดีเพื่อความสุข คุณไม่เพียงแต่จะไม่ชมผมยังยึดอำนาจน้อยๆของผมไปด้วยอ้ะ!” ยังแอบหวังอยู่ว่าจะได้คืน
“ฉันเป็นผู้หญิงใจร้าย สนแต่เรื่องตัวเอง! นาย คืนนี้ห้ามขึ้นเตียงฉัน!”
เสี่ยวเชี่ยนแอบสะใจเบาๆ ฮ่าๆๆ!
คำว่าผู้หญิงใจร้ายเอามาใช้ในเวลานี้มันเหมาะที่สุดแล้ว!
เห็นอวี๋หมิงหลางทำหน้าบูด เสี่ยวเชี่ยนก็แอบยิ้มสมน้ำหน้าในใจ ระหว่างทางเดินกลับก็อารมณ์ดีตลอดทาง กลับถึงบ้านอาบน้ำยังฮัมเพลงเบาๆ
ปรากฏว่าอาบไปได้ครึ่งทางก็มีคนผลักประตูเข้ามา เสี่ยวเชี่ยนตกใจรีบหาผ้าขนหนูมาบังตัว
“เข้ามาได้ไง—ช่างเถอะ ฉันไม่ควรถามอะไรโง่ๆแบบนั้น”
ความสามารถในการสะเดาะกลอนของอวี๋หมิงหลางถูกเอามาใช้ในเวลานี้!
ตาบ้านี่แก้ผ้าล่อนจ้อนตั้งแต่อยู่ข้างนอก เวลานี้สีหน้ามุ่งมั่นมาก ไม่สนสายตาขับไล่ของเสี่ยวเชี่ยน
“เมียจ๋า ผมคิดทบทวนดีแล้ว เมื่อกี้ผมมัวแต่ทำตัวเป็นพ่อพระปล่อยให้คุณยืนตากยุง ผมมันไม่ดีเอง คุณลงโทษผมไม่ให้นอนบนเตียงผมก็ขอยอมรับ”
เสี่ยวเชี่ยนโมโหจนอยากคว้าขวดครีมอาบน้ำฟาดหัวเขา นายยอมรับ แต่น้องชายนายดูยังไงก็ต่อต้านใช่ไหม?
“ในเมื่อยอมรับก็ไสหัวออกไปซะ!”
อวี๋หมิงหลางแสร้งทำเป็นไม่เห็นว่าเธอโมโห ค่อยๆเดินเข้าไปหาเธอ สีหน้าของเขาทำเหมือนคนสำนึกผิดแต่ขัดกับร่างกายมาก
“ไม่ได้นะเมียจ๋า ผมต้องไถ่โทษ! ผมถูหลังให้นะ? คุณวางใจได้ ผมเป็นผู้ชายที่พูดคำไหนคำนั้น คุณไม่ให้ผมนอนบนเตียง ผมก็จะไม่นอน!”
ดังนั้น นี่ก็เลยเป็นเหตุผลที่นายจับคนอื่นกดลงในอ่างอาบน้ำแล้วทำนู่นนี่ใช่ไหม?
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่า เธอควรต่อยไอ้คนหน้าด้านนี่ให้ตาเขียวอีกรอบ อะไรจะด้านอินฟินิตี้แบบนี้!
“จะลงไม้ลงมือกับผมก็ได้ แต่ห้ามทำที่หน้า!” ดูเหมือนคนบางคนแถวนี้จะรู้ทัน รีบก้มลงมากระซิบที่หู
“ฝากไว้ก่อนเถอะ…” เสี่ยวเชี่ยนขัดขืนอย่างยากลำบาก
“ถ้าคุณกล้าชกผมที่หน้าอีก ผมจะทิ้งรอยจูบไว้ที่คอคุณ อยากจะทำตรงไหนก็ได้—เดี๋ยว ตรงนี้ก็ไม่ได้! อยากจะลองดีใช่ไหม ฮึ?”
…จากนั้น ฉากนี้ก็ขอรูดม่านปิดไฟ
ระหว่างสามีภรรยาไม่มีเรื่องไหนที่ตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายเสี่ยวเชี่ยนก็ยอมคนบางคนที่สุดแสนจะหน้าด้านโดยตั้งเงื่อนไขว่าห้ามใช้อุปกรณ์บ้าบออะไรทั้งนั้น ซึ่งก็ทำให้วันต่อมาเธอยังสามารถไปทำงานได้ตรงเวลา
เพียงแต่ตอนเช้าระหว่างกินข้าวเห็นหน้าระรื่นของคนบางคนแล้วอยากจะซัดสักที ประธานเชี่ยนคิดว่าไว้จะหาโอกาสแอบเลาะขนหน้าแข้งของหมอนี่ก็ดูจะเป็นไอเดียที่ดี
…
งานเป็นผู้ช่วยของเสี่ยวเชี่ยนมีระยะเวลาแค่ไม่กี่วัน ก่อนหน้านี้นอกจากไปช่วยดับไฟป่าแล้วก็มีลาหยุดกับไปประชุมข้างนอก พอถึงวันที่ห้าก็เข้าสู่สาระสำคัญของงานนี้
เบื้องบนอนุญาตให้พวกเธอเข้าไปดูการสืบสวนคนร้ายได้ครึ่งชั่วโมง ศึกษาพฤติกรรมคนๆนี้มาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้เห็นกับตาแล้ว
ผู้ต้องหาสมองดีคนนี้ที่เธอต้องศึกษาพฤติกรรมไม่เพียงแต่จะเป็นอาชญากรทางเศรษฐกิจ ตัวเขายังมีคดีฆ่าคนอีกหลายคดีพ่วงติดตัว คนๆนี้ระดับสติปัญญาสูงมาก การศึกษาก็ไม่ได้ต่ำ ถึงขนาดที่ว่าเคยรับตำแหน่งสำคัญในองค์กรใหญ่ๆมาแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูมีอนาคตสดใสคนนี้กลับทำเรื่องที่ขัดต่อภาพลักษณ์ของตัวเองมากมาย
ตอนที่พวกเสี่ยวเชี่ยนมองเขาผ่านกระจกใสก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
ผู้ต้องหาที่มีคดีติดตัวมากมายแบบนี้ ในสายตาคนทั่วไปคงคิดว่าต้องเป็นคนหน้าตาโหดเหี้ยม ท่าทางเอาเรื่อง แต่เปล่าเลย ผู้ชายคนนี้ดูสุภาพมาก สะอาดสะอ้านใส่แว่น อายุสามสิบต้นๆกำลังเป็นวัยที่ดูดี แถมยังมีหน้าที่การงานที่ดีอีกด้วย
ใครเห็นก็ต้องบอกว่าเป็นคนสุภาพ แต่ก็เพราะดูเหมือนเป็นคนสุภาพนี่แหละ เลยไม่น่าเชื่อว่าจะทำเรื่องเลวร้ายได้มากขนาดนั้น ถึงกับต้องตามล่าตัวกันข้ามมณฑลเลยทีเดียว
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วคนๆนี้ก็รู้ว่าตัวเองคงกลับออกไปข้างนอกไม่ได้อีก หลักฐานมัดแน่น ไม่ว่าเขาจะแก้ตัวยังไงก็ยากจะหนีพ้นความผิด ดังนั้นเมื่อถูกตำรวจสืบสวนเขาจึงให้ความร่วมมือเต็มที่ ถามอะไรก็ตอบหมด
ถึงขนาดที่ว่าเล่าเหตุการณ์ตอนทำผิดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ
เขาเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาเป็นพิเศษ และก็ไม่ได้รู้สึกผิดต่อเหยื่อที่ถูกฆ่าตายเลยสักนิด แต่ไม่ว่าจะเป็นตำรวจสืบสวน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆที่ดูอยู่รอบนอก ทุกคนต่างอึ้งกับเรื่องที่ผู้ต้องหาคนนี้เล่ามา
เสี่ยวเชี่ยนยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้หญิงเลือดเย็น แต่พอได้ฟังขั้นตอนที่โหดเหี้ยมทารุณแบบนั้นแล้วเธอก็รู้สึกสะอิดสะเอียน เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด เหมือนเสียงของเสี่ยวเฉียงดังอยู่ข้างหู