แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1039 กินไปดูละครฉากเด็ดไปยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น
- Home
- แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย
- ตอนที่ 1039 กินไปดูละครฉากเด็ดไปยิ่งทำให้อร่อยมากขึ้น
ก่อนหน้านี้อวี๋หมิงอี้ไม่เคยสังเกตเลยว่า ทุกครั้งที่ลูกชายเห็นเขากลับมาดวงตาจะเปล่งประกายดีใจขนาดนี้
“ไหนว่าประธานเชี่ยนมีธุระไงคะ? ทำไมกลับมาไวขนาดนี้?” ต้าอีถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก”
พี่รองมองพ่านพ่าน แล้วมองต้าอี จากนั้นก็เดินเข้าห้องนอน พอปิดประตูแล้วก็ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ในนั้น
พ่านพ่านกับต้าอีมองหน้ากัน “พ่ออารมณ์ไม่ดีเหรอฮะ?”
พ่านพ่านเป็นเด็กที่ความรู้สึกไว เขารู้จักสังเกตสีหน้าของผู้ใหญ่
ต้าอีส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
เธอรู้สึกได้ว่าพี่รองไม่ได้อารมณ์ไม่ดี แต่เป็นอารมณ์อีกแบบหนึ่ง บรรยายไม่ถูก คล้ายกับว่าตกอยู่ในห้วงที่ทำอะไรไม่ถูก
ระหว่างทางกลับบ้านเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางไม่ได้คุยอะไรกัน
ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะทำตัวนิ่งที่สุดแล้วตอนที่เผชิญหน้ากับพี่รอง แต่อวี๋หมิงหลางรู้ว่าในใจเธอไม่ได้สงบเหมือนท่าทางที่แสดงออกมา
เธอเริ่มนึกถึงเคสการรักษาที่ผ่านๆมา มีทั้งที่อาจารย์ให้เธอมาและคนประเภทต่างๆที่เธอเคยได้ประสบพบเจอทั้งในชาติก่อนและชาตินี้
คิดอยู่นานก็ยังไม่ได้ผลสรุปร้อยเปอร์เซ็นต์
ลูกชายของนักโทษคดีฆ่าคนใช่ว่าจะเป็นคนเลว
แต่ภาวะบกพร่องด้านนิสัยแบบนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะตกทอดไปสู่ลูก
เสี่ยวเชี่ยนอยากหาวิธีแก้ปัญหาที่ลงตัวในทุกด้าน แต่ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรก็ข้ามอุปสรรคที่อยู่ในใจไปไม่ได้เสียที
จิตแพทย์ไม่อาจรักษาให้คนในครอบครัวได้ ไม่ใช่เพราะปัญหามันยากเกินความสามารถ แต่เป็นเพราะมีเรื่องความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป มันทำให้เธอยากที่จะมองปัญหาอย่างเป็นกลาง
“ไปส่งฉันที่ร้านหนังสือแล้วนายกลับหน่วยไปก่อน” พอกลับถึงเมืองหลินเสี่ยวเชี่ยนก็พูดขึ้นตอนผ่านร้านหนังสือ
อวี๋หมิงหลางไม่วางใจให้เธออยู่คนเดียว แต่งานเขาก็ยุ่งมาก ครั้งนี้เขาเจียดเวลามาเพื่อจัดการเรื่องพี่รองโดยเฉพาะ
“งั้นคุณรีบเข้าไปดูนะ เสร็จแล้วก็ขับรถกลับบ้าน” อวี๋หมิงหลางทิ้งรถไว้ให้เสี่ยวเชี่ยน ส่วนตัวเองเรียกแท็กซี่กลับหน่วย
ร้านหนังสือมีขนาดใหญ่มาก มีหลายชั้นและขายหนังสือหลากหลายประเภท เสี่ยวเชี่ยนเดินตรงเข้าไปยังโซนที่ต้องการ
หนังสือในด้านนี้มีอยู่น้อยมาก
เรียกได้ว่าความรู้ในด้านนี้ภายในประเทศ ณ เวลานี้ยังค่อนข้างว่างเปล่า เสี่ยวเชี่ยนหาอยู่รอบหนึ่งก็ไม่เจอ เธอจึงขับรถไปที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย
ไม่มีเหมือนกัน
เสี่ยวเชี่ยนจึงไปที่บ้านศาสตราจารย์หลิว แต่ศาสตราจารย์หลิวก็ไปรักษาคนที่ต่างเมืองพอดีจึงมาเสียเที่ยว
เสี่ยวเชี่ยนเดินอยู่ในมหาวิทยาลัยอย่างล่องลอย
นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอรู้สึกหมดแรงไร้ทางออกหลังจากที่ครั้งแรกเป็นตอนที่สืออวี้ถูกสะกดจิต
เธอคิดมาตลอดตัวเองเก่งรองมาจากสวรรค์ แต่พอเจอปัญหาเธอถึงได้พบว่าตัวเองก็มีอุปสรรคที่ข้ามผ่านไปไม่ได้เหมือนกัน
เห็นๆอยู่ว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เธอกลับจัดการไม่ได้ รู้สึกล้มเหลวมาก
“ประธานเชี่ยน?” อาข่าถือของกินเดินเข้าไปหา เธอสังเกตเห็นประธานเชี่ยนตั้งแต่แวบแรกที่มองมา
วันนี้สีหน้าของประธานเชี่ยนดูเครียดมาก คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ดูเหมือนมีเรื่องกลุ้มใจ
ประธานเชี่ยนควรจะกำลังมีความสุขตามประสาคู่แต่งงานใหม่ไม่ใช่เหรอ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ หรืออวี๋หมิงหลางจะทำตัวไม่ดีกับเธอ? พอนึกถึงเรื่องที่บอสกำชับไว้ก่อนไปอาข่าก็จริงจังขึ้นมาทันที
“เธอเองเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าให้อาข่า
“มาที่นี่มีธุระเหรอ? มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” อย่างเช่นอัดอวี๋หมิงหลางสักยก—เอ่อ เรื่องนั้นไม่รู้ใครอัดใครกันแน่!
“ฉันมีคำถามอยากมาถามอาจารย์ แต่อาจารย์ไม่อยู่บ้าน ไว้ฉันค่อยคิดหาวิธีเอง”
พอเสี่ยวเชี่ยนรีบร้อนออกไปแล้ว อาข่าก็ครุ่นคิดอย่างจริงจัง
มีเรื่องอะไรที่ล้มประธานเชี่ยนได้ด้วยเหรอ? ประธานเชี่ยนมาหาศาสตราจารย์หลิวก็แสดงว่ามีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาที่เธอแก้ไม่ได้ หรือจะเปิดถุงนำโชคนั่นดี?
ก่อนที่ศาสตราจารย์ชีจะไปได้ทิ้ง ‘ถุงนำโชค’ที่เป็นกล่องใบเล็กๆไว้ให้อาข่าพร้อมทั้งบอกว่าถ้าเสี่ยวเชี่ยนเจอปัญหาก็ให้เปิดออก
งั้นในสถานการณ์แบบนี้ควรเปิดดีไหม…
ขณะที่อาข่ากำลังคิดหนักอยู่นั้นศาสตราจารย์ชีก็โทรเข้ามาพอดี
“บอส! ฉันมีเรื่องอยากถามบอสอยู่พอดีเลย เมื่อกี้ประธานเชี่ยนสีหน้าเคร่งเครียดมาก เขาจะมาหาศาสตราจารย์หลิว เห็นบอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษา แต่ศาสตราจารย์หลิวไม่อยู่ งั้นเวลาแบบนี้ฉันควรเปิดถุงนำโชคที่บอสทิ้งไว้ให้ไหมคะ แล้วตกลงในนั้นมันมีอะไรกันแน่อะ?”
“เธอเป็นหมูหรือไง? ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อติดต่อฉันไม่ได้ อีกทั้งผู้ชายคนนั้นของเบบี๋เชี่ยนก็ช่วยอะไรไม่ได้ เห็นฉันเป็นอากาศหรือไง?” ทำไมเขาถึงได้เอาคนโง่แบบนี้ไปไว้ข้างตัวเบบี๋เชี่ยนได้นะ?
“เอ่อ…ฉันลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย”
“เธอน่ะนอกจากกินก็ไม่เห็นจะเก่งเรื่องไหน โง่บรม เรื่องนี้ฉันจัดการเอง เธอไม่ต้องยุ่งแล้ว” อย่างไรเสียสปายที่ถูกโละทิ้งแบบนี้ก็เก่งแต่เรื่องกินทำอย่างอื่นไม่เป็นอยู่แล้วนี่
“แต่พวกเรายังไม่รู้เลยนะคะว่าประธานเชี่ยนกลุ้มเรื่องอะไร เขาไปเจอเรื่องอะไรมากันแน่? ฉันต้องสืบเรื่องนี้จริงจัง…” อาข่าพูดพลางเดินออกนอกมหาวิทยาลัย ในมือก็ยังถือชามเต้าหู้เหม็นบิ๊กไซส์อยู่
“ไม่ต้องแล้ว รอสมองคนอย่างเธอคิดออกเบบี๋เชี่ยนแก่พอดี”
ถูกบอสพูดจาดูถูกบ่อยๆ อาข่ารู้สึกเสียใจมาก เธออยากจะแก้ตัวให้ตัวเองแต่บอสก็วางสายไปเสียแล้ว
“อะไรเนี่ย เย็นชาจริงๆ…เอ๊ะ? นั่นมันนายริดสีดวงหอมไม่ใช่เหรอ?” อาข่ายืนถือชามเต้าหู้เหม็นอยู่ข้างทาง เธอเห็นรถเบนซ์คันหนึ่งจอดอยู่ จากนั้นก็มีผู้หญิงขาเรียวยาวลงมาจากรถแล้วปิดประตูรถอย่างแรง
ส่วนตรงที่นั่งด้านคนขับเจิ้งซวี่กำลังมองผู้หญิงคนนั้นอาละวาดด้วยสีหน้าไร้ความอารมณ์
เขารู้สึกว่าเสี่ยวเชี่ยนพูดถูก
ไม่ควรเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้
เสี่ยวเชี่ยนเคยเตือนเขาไว้ว่า ถ้าเจอผู้หญิงคนนี้ตอนดูตัวให้อยู่ห่างๆไว้ คราวก่อนเขาบอกปัดไปแล้วครั้งหนึ่ง ต่อมาที่บ้านก็พูดเรื่องนี้อีก เขาเลยรับปากส่งๆกับพ่อไปแล้วออกไปกินข้าวด้วยครั้งหนึ่ง จากนั้นผู้หญิงคนนี้ก็ทำตัวติดเขาเป็นตังเม
เจิ้งซวี่ชีวิตไม่เคยขาดผู้หญิง ช่วงนี้เขาใกล้ชิดกับดาราไม่ดังมากคนหนึ่งจนถูกตามถ่ายภาพไว้ได้ ผู้หญิงคนนี้ที่ทึกทักเอาเองว่าเป็นแฟนเขาก็เริ่มอาละวาดโวยวายใหญ่ ขับรถออกมาได้ครึ่งทางก็บอกจะลงจากรถให้ได้
เจิ้งซวี่ก็ไม่ได้อยากห้าม เขาขี้เกียจเอาอกเอาใจผู้หญิงคนไหน
พอเห็นเจิ้งซวี่นั่งอยู่บนรถไม่มีท่าทีจะลงมาผู้หญิงคนนั้นก็โมโห แต่ไหนแต่ไรมาเธอเป็นเหมือนองค์หญิงที่ใครๆต่างก็พากันเอาอกเอาใจ เคยเจอคนทำตัวแบบนี้ใส่ที่ไหน!
ครั้นแล้วเธอจึงเดินกลับมาเคาะกระจกรถเจิ้งซวี่แล้วบีบน้ำตาใส่
“ทำไมไม่ตามไปง้อฉัน! คุณไม่รักฉันเลยใช่ไหม!”
“ใช่ คุณมันน่ารำคาญ”
ง่ายๆ สั้นๆ ตรงๆ เฉียบ!
ออกมากินข้าวยังได้ดูละครแบบนี้ด้วย?! โอ๊ย มัน!
อาข่ายัดเต้าหู้เหม็นใส่ปาก อร่อยจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะได้เห็นฉากเด็ด?
ผู้หญิงคนนั้นเองก็นึกไม่ถึงว่าจะถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนี้ เธอไม่คิดว่าเจิ้งซวี่จะไม่ไว้หน้าเธอ สักนิดก็ไม่มี
มันทำให้เธอรู้สึกไม่ยอม เธอชอบเขามากขนาดนี้แล้ว ทำไมเขาถึงไม่ชอบเธอล่ะ?
“ลงมา! มาคุยกันให้รู้เรื่อง!” ผู้หญิงคนนั้นยังคงร้องไห้
เจิ้งซวี่รู้สึกรำคาญใจมาก เขาควรฟังคำเตือนของเสี่ยวเชี่ยน อยู่ให้ห่างจากผู้หญิงคนนี้อย่าให้มาตามตอแย เพราะมันน่ารำคาญชิบหาย!