แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1046 ทำกับฉิวฉิวไว้อย่าคิดจะไปได้ง่ายๆ
ดูเหมือนฉิวฉิวจะไปเข้าห้องน้ำนานเกินไปแล้ว
นานจนเสี่ยวเชี่ยนกินเบียร์หมดไปหนึ่งขวด สืออวี้กับไป๋จิ่นขึ้นมาจากน้ำแล้วเขาก็ยังไม่กลับมา
ไป๋จิ่นใบหน้าแดงก่ำ แผนการที่ร่วมกันคิดกับสืออวี้ในน้ำทำให้เลือดลมเธอสูบฉีด
การ์ตูนที่เอาเธอกับฉิวฉิวเป็นต้นแบบทำให้ไป๋จิ่นคาดหวังเป็นอย่างมาก
คิดๆดูก็รู้สึกว่ามันโรแมนติคมาก นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เธอสามารถจินตนาการได้ วิธีที่ดีที่สุดที่สามารถบันทึกเรื่องราวความรักที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย พอแก่ตัวลงเอามาดูก็น่าจะเป็นความทรงจำที่เต็มไปด้วยความสุข
ในที่สุดฉิวฉิวก็เดินเอื่อยๆกลับมา
เขาเอามือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า ท่าทางแตกต่างจากตอนปกติ ดูเถื่อนๆ ไม่รู้ว่าไปเอาแว่นกันแดดมาจากไหน แต่ก็เท่ห์ดี
สืออวี้ส่งสายตาให้กำลังใจไป๋จิ่น ไปเลยสาวน้อย สู้เค้า!
เสี่ยวเชี่ยนลุกขึ้นมานั่งกินแตงโมพลางจับตามองคู่นี้ จากประสบการณ์ของประธานเชี่ยน คู่รักคู่ใหม่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว เธอต้องเป็นพยานในช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้— อยู่กับผู้หญิงตระกูลอวี๋บ่อยจะไม่ติดนิสัยชอบเม้าท์ซุบซิบคงยาก
“ฉิวฉิว! ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย!” ไป๋จิ่นเห็นฉิวฉิวกลับมาแล้วเลือดลมก็สูบฉีดเต็มที่ เธอตัดสินใจใช้โอกาสนี้สารภาพรักก่อน
“อ่อ มีอะไรเหรอ?” น้ำเสียงของฉิวฉิวค่อนข้างเรียบเฉย เสี่ยวเชี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อยแบบที่ถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น มีแค่เธอเท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
สืออวี้กับไป๋จิ่นยังอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้น พวกเธอไม่ได้สังเกตเห็นว่าฉิวฉิวดูแปลกไป ไป๋จิ่นสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด รวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไป
“พวกเรามาคบกันได้ไหม? ฉันชอบนายมากนะ!”
ไอ๊หยา พูดออกไปแล้ว~ ใบหน้าเธอร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรง ในที่สุดเธอก็ก้าวข้ามจุดนี้ไปได้แล้ว
สืออวี้กำกระดาษสีที่ฉีกออกเป็นชิ้นเล็กไว้ในมือ รอแค่ฉิวฉิวพูดออกมาอย่างเซ็งๆว่าทำไมถูกไป๋จิ่นพูดชิงตัดหน้าก่อน แน่นอนว่าเขาจะต้องตอบโอเค โอเค โอเคเท่านั้น! จากนั้นเธอก็จะโปรยกระดาษสีสร้างบรรยากาศโรแมนติค เพอร์เฟค!
มีแค่เสี่ยวเชี่ยนที่มองฉิวฉิวอย่างเงียบๆ เขาใส่แว่นกันแดดอยู่เสี่ยวเชี่ยนจึงมองไม่เห็นแววตาของฉิวฉิว แต่ความรู้สึกแปลกๆบางอย่างกลับโอบล้อมเสี่ยวเชี่ยนไว้ ทำไมเธอรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี?
ไป๋จิ่นพูดเสร็จก็มองฉิวฉิวอย่างคาดหวัง เธอพร้อมที่จะเริ่มปลูกต้นรักกับใครสักคนแล้ว
“ไม่ได้” ฉิวฉิวเงียบไปสักพักแล้วถึงพูดคำนี้ออกมา
พอเขาพูดจบบรรยากาศแห่งความสุขก็หยุดนิ่งในทันตา มือของสืออวี้ที่กำลังจะทำท่าโปรยกระดาษหยุดชะงักค้างกลางอากาศ ไป๋จิ่นยิ้มเก้อ มีแค่เสี่ยวเชี่ยนที่ยังคงนิ่งเหมือนเดิม แววตาเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
“นายว่า…อะไรนะ?” ไป๋จิ่นคิดว่าตัวเองฟังผิด
สืออวี้เองก็อึ้ง แล้วก็เริ่มเข้าใจ นึกว่าอะไร ฉิวฉิวเห็นไป๋จิ่นแย่งสารภาพรักก่อนก็เลยพูดว่าไม่ได้ใช่ไหมล่ะ อีกเดี๋ยวคงเป็นฉิวฉิวสารภาพรักสินะ จึ๊ๆ อยากพูดออกไปจริงๆ เพื่อนเอ๋ย อย่าทำตัวเป็นผู้ชายหัวโบราณไปหน่อยเลยน่า ใครสารภาพรักก่อนก็เหมือนกัน ได้คบกันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง?
“ผมขอบคุณที่คุณชอบผม แต่เรื่องความรัก…มันฝืนกันไม่ได้” คำสุดท้ายถึงฉิวฉิวจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เสี่ยวเชี่ยนที่เป็นถึงจิตแพทย์ชื่อดังฟังออก
เขารวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีสะกดอารมณ์ไว้
ความเย็นชากับชีวิตสิ้นหวัง แท้จริงแล้วท่าทางที่แสดงออกมาไม่ได้ต่างกันเท่าไร
“ฝืนกันไม่ได้เหรอ? นายคิดว่าการชอบฉันมันเป็นการฝืนเหรอ?” ไป๋จิ่นรู้สึกช็อค
ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้หรือว่าทั้งหมดเธอคิดไปเองฝ่ายเดียว?
การเข้ากันได้ดี ความรู้สึกดีๆที่มีให้กัน ความเอาใจใส่เหล่านั้น เธอคิดมากไปเอง?
“ผมไม่ใช่คนที่สมบูรณ์ ผมไม่ใช่ผู้ชาย และก็ไม่ใช่ผู้หญิง ผมเป็นคนประเภทที่สามบนโลกใบนี้” ฉิวฉิวมองไปที่ทะเล เขานึกถึงเรื่องที่บังเอิญได้ยินมา บวกกับหลักฐานที่เขาไปสืบมาเอง จึงจำเป็นต้องฝืนใจยอมรับความจริงเรื่องนี้
นกนางนวลโบยบินอย่างอิสระอยู่เหนือผืนน้ำ ฉิวฉิวรู้สึกอิจฉานกพวกนั้น
ถ้ามนุษย์ใช้ชีวิตอย่างอิสระได้เหมือนนกก็คงดี
ถ้าชีวิตไม่มีอุปสรรคมันจะดีสักแค่ไหนกันนะ
“ฉันไม่แคร์! ฉิวฉิว ก่อนหน้านี้พวกเราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ? อย่าไปแคร์เรื่องพวกนี้ ขอแค่เราสองคนใจตรงกัน พวกเราพยายามเอาชนะเรื่องพวกนี้ให้ได้ก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ? นายเองนั่นแหละที่บอกฉัน ขอแค่เราไม่ทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายคนอื่น พวกเราก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในสังคมนี้ นายเป็นคนสอนฉันเองนะ!”
ไป๋จิ่นไม่เชื่อว่าฉิวฉิวจะเปลี่ยนไปกะทันหันแบบนี้ และยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่อาจยอมรับได้ว่าทุกอย่างเธอคิดไปเองคนเดียว
ใช่ สังคมในตอนนี้ไม่ยอมรับพวกเธอ ถึงขนาดมองว่าพวกเธอวิปริต แต่เธอพยายามใช้ชีวิต พยายามใช้วิธีในแบบของตัวเองทำตัวเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อสังคม ดังนั้นเธอจึงรู้สึกตัวเองก็มีสิทธิ์ที่จะมีความสุข
“คนเราเปลี่ยนแปลงกันอยู่ตลอดเวลา อย่าคิดเป็นจริงเป็นจัง ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร มันก็แค่คำพูดส่งเดชที่พูดเอาใจผู้หญิงก็เท่านั้น คุณคิดจริงจังคุณก็เป็นฝ่ายแพ้ ผมก็แค่คนเลวคนหนึ่ง”
ฉิวฉิวพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาพยายามหักห้ามใจตัวเองไม่ให้เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ หักห้ามตัวเองไม่ให้เข้าไปกอดเธอ เขาหันตัวหนี
“ลืมผมเถอะ คิดเสียว่ามันเป็นเกมของคนขี้เหงา คุณมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ไป๋จิ่น...ลาก่อน”
ไป๋จิ่นมองฉิวฉิวเดินจากไป เธอรู้สึกเหมือนรอบตัวเงียบสงัดไร้เสียง โลกจากที่มีสีสันกลายเป็นสีขาวดำ ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันมาก สมองของเธอหมดแรงที่จะคิดอะไรทั้งนั้น
สืออวี้ที่มองดูเหตุการณ์อยู่ปล่อยกระดาษสีในมือลงบนหาดทรายด้วยความตกใจ
เธออยากตะโกนเรียกฉิวฉิว อยากถามให้รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่มีมือใครคนหนึ่งมาแตะบ่าเธอพร้อมออกแรงบีบเล็กน้อยเพื่อห้ามสืออวี้เอาไว้
ไม่รู้เสี่ยวเชี่ยนยืนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร สืออวี้มองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความไม่เข้าใจ เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้าให้เพื่อบอกว่าอย่าตามไป จากนั้นก็ใช้คางชี้ไปที่ไป๋จิ่นที่กำลังร้องไห้เสียใจเพื่อบอกให้สืออวี้เข้าไปปลอบ
ส่วนประธานเชี่ยนมองไปทางที่ฉิวฉิวเดินจากไป สมองอันชาญฉลาดรีบประมวลผลอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลายี่สิบนาทีที่ฉิวฉิวไปเข้าห้องน้ำเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ว่าความจริงคืออะไร ประธานเชี่ยนรู้สึกว่าจะต้องเป็นเรื่องที่เลวร้ายแน่นอน
“อา ได้เวลากินยาแล้วครับ” ภายในห้องผู้ป่วย ลูกพี่ลูกน้องของฉิวฉิวยื่นน้ำกับยาให้พ่อฉิวฉิวที่นอนอยู่บนเตียง
“โปรเจ็คต์นี้คอนเฟิร์มหรือยัง?” พ่อฉิวฉิวยันตัวขึ้นมาพลางถามเรื่องงาน
“ยังเลยครับ—อาครับ เดี๋ยวอาจะต้องผ่าตัดแล้วเลิกสนใจเรื่องที่บริษัทเถอะครับ รักษาตัวให้เต็มที่ดีกว่า”
“ถ้าฉิวฉิวกลับมาได้ก็คงดี…อาเป็นระยะสุดท้ายแล้ว อยู่ได้อีกไม่กี่ปี ต่อให้ผ่าตัดก็อยู่ได้อีกไม่นานหรอก คราวก่อนเห็นฉิวฉิวทำงานเก่งแบบนั้น ดูทำธุรกิจเก่ง ถ้าเขากลับมารับช่วงต่อที่บริษัท แล้วแต่งงานกับคนที่อาเลือกให้…อาคงตายตาหลับ”
คนเราเมื่อใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็มักจะสร้างบทสรุปให้ชีวิตตัวเอง
เมื่อก่อนพ่อฉิวฉิวไม่ได้ดีกับฉิวฉิว เป็นพวกมีความคิดรักลูกชายมากกว่าลูกสาว ทำร้ายลูกสาวตัวเองจนทำให้ฉิวฉิวกลายเป็นคนที่มีภาวะบกพร่องในกระบวนการรับรู้เรื่องเพศ พอมาถึงช่วงที่รู้ว่าตัวเองใกล้ตาย เรื่องที่เขาติดค้างอยู่ในใจที่สุดก็ยังคงเป็นเรื่องฉิวฉิว เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียว
“จะรีบไปไหน ทำกับผมไว้ขนาดนี้คิดจะหนีไปง่ายๆเหรอ?”
น้ำเสียงเอาเรื่องดังลอยมาตามด้วยเสียงเปิดประตู ฉิวฉิวยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมของกินในมือ สีหน้ามองเหยียด