แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1055 เงินไม่ได้หายไปไหน มันยังอยู่
หลังเลิกคลาส เสี่ยวเชี่ยนได้ประกาศเสียงดังฟังชัดว่าตัวเองแต่งงานแล้ว ทำเอาหนุ่มน้อยในห้องอกหักตามๆกัน เธอรีบเดินออกจากห้องอย่างสง่างาม ไม่ใช่อะไร กลัวคนสังเกตเห็นกางเกงคนงานที่เธอใส่อยู่
เธอต้องไปหาอาจารย์เพื่อถามว่าคนไข้ที่อาจารย์บอกว่าแค่เห็นก็รู้ว่าคนไหนตกลงอยู่ไหนกันแน่?
“รุ่นพี่คะ!”
ลั่วเสียวหย่าวิ่งตามออกมา จากนั้นก็โค้งคำนับให้เสี่ยวเชี่ยนยกใหญ่
“รุ่นพี่ ขอโทษด้วยนะคะ เรื่องแฟนของฉันที่เขามาก่อเรื่องวุ่นวาย!”
“ไม่เป็นไร” เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตา “อาการอย่างเขาไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด เขาเคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงหรือเปล่า อย่างเช่น สมองได้รับการกระทบกระเทือน?”
“หา รุ่นพี่เทพมากเลยค่ะ…” ลั่วเสียวหย่ามองเสี่ยวเชี่ยนด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอคนที่มองแฟนเธอแวบแรกก็รู้ว่าเคยบาดเจ็บทางสมอง
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มมุมปาก มันเป็นเซ้นส์จากประสบการณ์รักษาคนไข้
ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังจะหันตัวเดินออก มีนักศึกษาคนหนึ่งเดินผ่านลั่วเสียวหย่า สายกระเป๋าบังเอิญไปเกี่ยวแว่นตาของลั่วเสียวหย่าตกพอดี
“โอ๊ะ! ขอโทษที!” คนที่เกี่ยวแว่นตาตกรีบก้มลงไปเก็บแว่นตาให้ ทันใดนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็ดวงตาเบิกโพลง
โวะ!
มิน่าถึงได้คุ้นหน้าลั่วเสียวหย่า อีกหน่อยผู้หญิงคนนี้จะ…!!!
สาเหตุที่มองแวบแรกแล้วจำไม่ได้ก็เพราะตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ยังผอมเกินไป—ใช่ หกสิบโลถือว่าอ้วนแล้วก็จริง แต่เมื่อเทียบกับอีกหน่อยจะพุ่งไปที่เจ็ดสิบห้าโล ตอนนี้เลยเรียกว่าผอมแล้ว!
อีกทั้งในอนาคตผู้หญิงคนนี้ก็จะไปทำเลสิกไม่ต้องใส่แว่นอีกต่อไป เสี่ยวเชี่ยนจึงจำไม่ได้
พอนึกถึงนักเขียนหมั่นโถวที่เมื่อชาติก่อนเป็นโรคซึมเศร้าเสี่ยวเชี่ยนก็ดันแว่นตา
เมื่อชาติก่อนตอนที่ผู้หญิงคนนี้มาหาเธอ ไม่ได้บอกว่าเคยเรียนจิตวิทยามาก่อน บอกแค่ว่าเรียนมหาวิทยาลัยอยู่หนึ่งปี แต่ก็เลิกเรียนเพราะถูกเพื่อนแกล้งจนรับไม่ไหว ต่อมาคนรักเสียชีวิต บวกกับตัวเองเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ เป็นคนมีบุคลิกลักษณะนิสัยแบบนักแสดง สุดท้ายกลายเป็นโรคซึมเศร้า ไปกระโดดตึกตายเพราะได้รับความวิจารณ์แย่ๆจากผู้อ่าน
เวรกรรมนำพามาเจอกัน!
“งั้นฉันไปก่อนนะคะรุ่นพี่!” ลั่วเสียวหย่าโค้งคำนับให้เสี่ยวเชี่ยนอีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน!”
“มีอะไรเหรอคะรุ่นพี่?”
“ไปหาที่นั่งคุยกันหน่อย เดี๋ยวฉันเลี้ยงชานม จะได้คุยเรื่องแฟนของเธอด้วย”
“หา? แต่ว่า…” รุ่นพี่ที่เมื่อกี้ยังวางมาดเย็นชาอยู่เลย ทำไมถึงได้อยู่ๆก็ชวนเธอไปหาที่คุยล่ะ? ลั่วเสียวหย่าทำหน้างง
“ใครใช้ให้ฉันเป็นแฟนหนังสือเธอล่ะ คนอะไรเขียนไว้ครึ่งๆกลางๆก็ไปโดดตึกตาย ไม่รับผิดชอบต่อคนอ่าน…” เสี่ยวเชี่ยนพึมพำ
“รุ่นพี่ว่าอะไรนะคะ?”
“ฉันบอกว่า ชอบกินชานมไหม? เพื่อนฉันเปิดร้านชานมอยู่หน้ามหาลัย…”
สิบนาทีต่อมาทั้งสองคนก็ไปอยู่ที่ร้านชานมของสืออวี้ เสี่ยวเชี่ยนสืบประวัติของลั่วเสียวหย่าได้อย่างไม่ต้องเหนื่อย
“เธอหมายความว่า หลังจากที่พ่อแม่เธอหย่าร้างแล้วก็ต่างไปมีครอบครัวใหม่ แฟนเธอเป็นคนหาเลี้ยงเธอเหรอ?”
เรื่องพวกนี้เมื่อชาติก่อนเสี่ยวเชี่ยนไม่เคยรู้
ชาติที่แล้วลั่วเสียวหย่านัดคิวเธอไม่ได้จึงต้องไปหาจิตแพทย์คนอื่น แต่หมอคนนั้นฝีมือไม่ถึง รักษาไม่ได้จนลั่วเสียวหย่าไปกระโดดตึกตาย เดิมทีเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่คนชอบอ่านนิยายอินเตอร์เน็ต แต่พอรู้ว่าคนไข้ที่คลาดการรักษากับเธอกระโดดตึกเธอถึงได้เข้าไปอ่าน และก็เริ่มชอบ ด้วยเหตุนี้เธอถึงจำนักเขียนนิยายรักหวานแหววคนนี้ได้เป็นอย่างดี
“ค่ะ…อันที่จริงเขาเป็นคนเรียนเก่ง พวกเราเป็นรักแรกของกันและกัน เขายอมไปทำงานหาเงินเพื่อส่งฉันเรียน ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุมีของแข็งฟาดเข้าที่หัว ก็เลยกลายเป็นคนแบบนี้ค่ะ”
“ครอบครัวเขาไม่ว่าอะไรเหรอที่เขามาทำงานส่งเธอเรียน?”
“ครอบครัวเขาตายไปกันหมดแล้ว เหลือแค่ย่าที่เป็นอัมพาต พวกเราฉลองตรุษจีนด้วยกันหลายปีแล้ว ความทรงจำที่ฉันจำได้แม่นที่สุดคือเมื่อปีที่แล้ว ฉันใช้เงินที่ได้จากการทำงานตอนช่วงปิดเทอมหน้าร้อนซื้อของขวัญกลับไปเยี่ยมพ่อ ปรากฏว่าถูกแม่เลี้ยงไล่ออกมา ทั้งตัวเหลือเงินแค่นิดเดียว พอกลับไปถึงบ้านเขาก็กอดฉันไว้ จากนั้นพวกเราก็ห่อเกี๊ยวไส้ผักกินกัน…”
ลั่วเสียวหย่าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้คนแปลกหน้าฟัง เสี่ยวเชี่ยนเหมือนมีเวทมนตร์ ใครอยู่กับเธอก็อดระบายความอัดอั้นตันใจออกมาไม่ได้
ในความเป็นจริงขณะคุยเสี่ยวเชี่ยนได้ใช้เทคนิคเฉพาะทางเล็กน้อย ช่วยให้อีกฝ่ายได้ปลดปล่อยความรู้สึกกดดันออกมา หากคิดจะปิดบังเรื่องในใจกับเสี่ยวเชี่ยน คงมีแค่อวี๋หมิงหลางที่มีความสามารถในการต่อต้านการรักษาเท่านั้นที่ทำได้
“ไม่เป็นไรนะ เล่าต่อสิ” เสี่ยวเชี่ยนไม่คิดว่านักเขียนที่อีกหน่อยจะเขียนนิยายรักโรแมนติคออกมาจะมีอดีตที่แสนเลวร้าย
“รุ่นพี่ เขาไม่เคยทิ้งฉันตอนฉันลำบาก ตอนนี้เขาป่วย ฉันก็ทิ้งเขาไม่ได้เหมือนกัน…”
มีแค่ความผูกพันที่ผ่านอะไรมาด้วยกันตอนลำบากถึงกลายเป็นพลังแบบนี้ได้ นักศึกษาคนหนึ่งอยู่กินกับคนงานที่สติไม่สมประกอบ เพียงเพราะลืมเกี๊ยวไส้ผักที่ทำด้วยกันในวันนั้นไม่ลง
ถ้าเป็นคนอื่นเสี่ยวเชี่ยนคงจะบอกว่าตอนเป็นวัยรุ่นไม่เข้าใจหรอกว่าความรักคืออะไร บางทีมันอาจเป็นแค่บุญคุณ
แต่เรื่องนี้เสี่ยวเชี่ยนกลับเลือกที่จะเงียบ
เธอรู้ว่าว่าที่นักเขียนคนนี้ในอนาคตจะทำใจกับการสูญเสียสามีไม่ได้ไปหลายปี ความผูกพันนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องความรัก มันคือการก้าวผ่านความลำบากมาด้วยกัน การสูญเสียคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดก็คล้ายกับชีวิตขาดหายไปส่วนหนึ่ง ไม่สมบูรณ์
“เขาบาดเจ็บมานานเท่าไรแล้ว?”
“สองเดือนแล้วค่ะ…รุ่นพี่คะ เมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นคนแบบนี้จริงๆนะคะ แผลเย็บที่หัวก็หายแล้ว แต่ทำไมเขากลับเป็นคนอารมณ์ร้อนก็ไม่รู้? เขามักจะไปทำร้ายคนอื่นโดยที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หรือแม้แต่ทำร้ายตัวเอง บนแขนเขามีรอยกัดตัวเองหลายแห่ง ฉันเป็นห่วงเขามาก…”
ดังนั้นเธอถึงได้เลือกเรียนสาขานี้ หวังไว้ว่าจะได้ช่วยแฟนให้กลับมาเป็นปกติ ถึงขนาดที่ยอมล้มเลิกความตั้งใจเรียนเอกภาษาจีนที่ตัวเองชอบ
“สองเดือน…ยังทัน เส้นประสาทในสมองเมื่อได้รับความเสียหายจะปล่อยให้ฟื้นฟูเองเป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องใช้ยาช่วย และต้องได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด หากทิ้งไว้นานก็จะนิสัยเปลี่ยนหรืออาจตายได้”
อาการที่เกิดจากอุบัติเหตุภายนอกจนส่งผลต่อสภาพจิตใจแบบนี้เกินขอบเขตความสามารถของเสี่ยวเชี่ยนที่จะรักษาได้ และคนไข้ที่อาการแบบนี้ก็ให้ความร่วมมือในการรักษายาก
“แต่ว่า…พวกเรา…”
“ไม่มีเงินใช่ไหมล่ะ?”
ลั่วเสียวหย่าก้มหน้า
ไม่มีเงินจริงๆ บวกกับหมอก็พูดกำกวม บอกว่ากินยาไปก็ไม่มีประโยชน์ อาการแบบนี้ใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองได้ จึงไม่ได้ให้ยามากิน
เสี่ยวเชี่ยนครุ่นคิด ค่ารักษาไม่แพงหรอก ไม่น่าเกินหมื่น
แต่เงินไม่เกินหมื่นนี่แหละที่อาจทำคนเป็นบ้าได้
มีคนบางประเภท ไม่มีบัตรรักษาพยาบาลที่บ้านนอก ไม่มีบัตรประกันสุขภาพในเมือง ไม่มีหน่วยงานรองรับ ไม่มีอะไรเลย พอเจ็บป่วยขึ้นมาเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่
“ในบัตรนี้มีเงินอยู่สองหมื่น เอาไปรักษาเขา ถ้าลำบากใจก็เขียนหนังสือสัญญายืมเงินให้ฉัน อีกหน่อยมีเงินค่อยมาผ่อนคืน ดอกเบี้ยก็คิดตามธนาคาร จะได้ไม่มีการเอาเปรียบกัน”
“ฉันรับเงินรุ่นพี่ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ พวกเราไม่รู้จักกัน—” ลั่วเสียวหย่าตกใจมาก
เงินจำนวนนี้สำหรับเสี่ยวเชี่ยนแล้วมันไม่พอซื้อกระเป๋า แต่สำหรับคนทั่วไปมันสามารถช่วยชีวิตคนได้
“ฉันขอบอกเธอตามตรงนะ โอกาสที่จะรักษาเขาให้หายมีแค่ตอนนี้ ฉันรับประกันไม่ได้ว่าหลังรักษาเขาจะฟื้นกลับมาได้มากแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็คงไม่ถึงกับควบคุมอารมณ์ไม่ได้จนต้องฆ่าเธอและฆ่าตัวตายตาม และฉันก็อยากอ่านนิยายเรื่องนั้นตอนจบด้วย เขียนนิยายไม่เขียนตอนจบมันฆ่าคนอ่านชัดๆ”
“นิยายอะไรคะ?”
“แค่กๆ เปล่า ต่อไปห้ามให้เขากินพวกอาหารฟาสต์ฟู้ดกับของทอด มันจะยิ่งทำให้อาการทรุด หมั่นซื้อปลาให้เขากิน ช่วยเรื่องการฟื้นฟู”
เงินไม่มีทางหายไปไหน มันแค่ถูกเปลี่ยนไปอยู่ในอีกรูปแบบหนึ่ง ใช้เงินแค่นี้ซื้อตอนจบที่เธออยากอ่าน มันคุ้มแล้ว