แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1058 ขึ้นอยู่กับตัวเองแล้ว
“เฉินจื่อหลง ไหนนายบอกโทรเสร็จจะมาทำให้ฉันดูไง? ฉันก็ยืนรออยู่เนี่ย ไหนล่ะ?”
คนพูดรูปร่างอ้วนตัวใหญ่ พูดจาก็เสียงดังห้าวเป้ง ดูก็รู้ว่าเป็นพวกพลังเยอะ
พอเฉินจื่อหลงเห็นคนๆนี้ก็ตัวสั่น ช่วงสองวันมานี้เขาถูกหมอนี่ทรมานอย่างแสนสาหัส!
“หะ หะ หัวหน้ากลุ่ม!”
หัวหน้ากลุ่มของทหารใหม่คือฝันร้ายของเด็กน้อยเฉินจื่อหลง ขนาดท่ายืนตรงที่ง่ายที่สุดของทหาร เฉินจื่อหลงยังทำได้ไม่ดี จึงโดนหัวหน้ากลุ่มดุบ่อยๆ เลยเข้มงวดกับเขาเป็นพิเศษ
คนอื่นได้ไปพักกันแล้ว แต่หัวหน้ากลุ่มยังคงฝึกเฉินจื่อหลงต่อ ฝึกจนขาของเฉินจื่อหลงหมดแรง
เบบี๋เฉินจื่อหลงที่ได้รับการะประคบประหงมเป็นอย่างดีตอนอยู่บ้านมีเหรอจะทนการฝึกแบบนี้ไหว วันนี้เขาถูกหัวหน้ากลุ่มเรียกฝึกเดี่ยวอีกแล้ว เฉินจื่อหลงโมโหมากหัวร้อนขึ้นมาทันที นึกถึงฐานะครอบครัวตัวเองแล้วก็ยิ่งไม่ยอม ครั้นแล้วเขาจึงเถียงหัวหน้ากลุ่ม
เขาเป็นถึงน้องเมียของลูกชายนายพลเลยนะ!
นี่ถ้าเป็นในอดีตเขาก็ถือเป็นญาติห่างๆของฮ่องเต้เลยไม่ใช่เหรอ?
เขาไม่ยอมที่ตัวเองต้องมาลำบากแบบนี้!
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นพี่เขยบอกเขาว่ามันสบายๆ สงบ มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น ไหนล่ะ?
เขาเชื่อพี่เขยก็เลยเลือกที่นี่ เข้ามาเป็นทหารด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตอนแม่มาส่งร้องไห้ไม่หยุด เฉินจื่อหลงยังโบกไม้โบกมืออย่างชิลด์ๆ บ๊ายบาย~ ในที่สุดก็ได้บอกลาชีวิตที่ถูกแม่วัยทองบ่นทุกวันแล้ว
แต่พอนั่งรถไฟไปนานๆเพื่อพาเขาไปยังค่ายที่เลือกไว้ เสร็จจากรถไฟก็ไปต่อรถบัส เดินทางทุลักทุเลอยู่ครึ่งวันจนเฉินจื่อหลงเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล พอรถจอดปุ๊บเขาก็สังหรณ์ใจไม่ดี
ไหนพี่เขยบอกว่าสภาพแวดล้อมดีไง…แต่นี่ดูยังไงก็ภูเขาแห้งแล้ง?
รอบๆอย่าว่าแต่สถานบันเทิงเลย แม้แต่หมู่บ้านก็ไม่มี!
ในบริเวณรัศมีรอบๆไม่มีแสงไฟจากบ้านเรือนให้เห็น นี่มันคือค่ายทหารที่ไหนกัน ทำไมมาตั้งอยู่ในภูเขา?
เวลานี้เด็กน้อยเฉินจื่อหลงก็ยังเฝ้ารอ พอเข้าไปอยู่ในค่ายแล้วถูกจัดให้ไปนั่งในออฟฟิศแอร์เย็นๆ ได้จิบชาทุกวัน ประจบเอาใจหัวหน้าไปวันๆ ใช้ชีวิตให้ผ่านไปสองปี จากนั้นพี่เขยก็จะส่งเขาไปอยู่ทีมตำรวจสืบสวนพิเศษ…และคนที่ปลุกเขาให้ตื่นจากความฝันนี้ก็คือหัวหน้ากลุ่มร่างใหญ่
ไม่มีสิทธิพิเศษ
ไม่มีสภาพแวดล้อมสวยงามอย่างที่วาดฝัน
ไม่มีอะไรเลย มีแต่หัวหน้าจอมโหดที่จ้องแต่จะฝึกเขาอยู่คนเดียว!
ความเป็นจริงแตกต่างจากสิ่งที่คิดไว้มาก เฉินจื่อหลงจึงไม่พอใจสุดๆ แถมวันนี้หัวหน้ากลุ่มยังจะฝึกเขาเพิ่มอีก ในที่สุดเฉินจื่อหลงก็ทนไม่ไหว ชี้หน้าหัวหน้ากลุ่มพร้อมพูดเสียงเข้มให้รอเขาคุยโทรศัพท์เสร็จก่อน หัวหน้ากลุ่มจึงเดินออกไป
ตอนนี้โทรเสร็จแล้ว สถานการณ์ก็ใช่ว่าจะดีขึ้น
เฉินจื่อหลงเหลือบมองหัวหน้าที่รูปร่างเหมือนหมี จากนั้นก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “ผม ผม ผมยังโทรไม่เสร็จ ผมจะโทรอีกครับ!”
“ไม่เห็นเหรอว่ามีเพื่อนต่อคิวอีกตั้งหลายคน? จะโทรอะไรนักหนา! ไปฝึกยืนตรงเดี๋ยวนี้ ถ้าทำไม่ดีเย็นนี้แม้แต่หมั่นโถวก็อย่าหวังจะได้กิน!”
“พี่เขยผมเป็น—” เฉินจื่อหลงเกือบพูดออกไปแล้วว่าพี่เขยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษที่เก่งมาก พ่อของพี่เขยมียศเป็นพลโทเลยนะ แต่คำพูดยังไม่ทันหลุดจากปาก ใบหน้ายิ้มโหดของพี่สาวก็ผุดขึ้นมาในสมอง
คล้ายกับกำลังพูดว่า ถ้ากล้าพูดออกไปนายได้พิการแน่
ต้าหลงจึงกลืนคำพูดลงไป
หัวหน้ามองเหยียดเขา “พี่เขยนายเป็นใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย? ไม่สนหรอกนะว่าพี่เขยนายจะเป็นใคร นายมาอยู่ที่ค่ายทหารช่างอันมีเกียรติของพวกเราแล้วก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของที่นี่! ต่อให้ระดับนายพลมาก็ไม่มีประโยชน์ ถ้านายมีหน้าที่ขุดดินก็ต้องไปขุดดินอยู่ดี!”
ถูกต้อง ค่ายทหารที่อวี๋หมิงหลางเลือกให้ต้าหลงก็คือทหารช่างที่เน้นใช้แรงงานเป็นหลักจนถึงขั้นอาจเหนื่อยตายได้
ไม่มีเหนื่อยที่สุด ไม่มีลำบากที่สุด มีแต่เหนื่อยยิ่งกว่า ลำบากยิ่งกว่า
เป็นกองทหารที่ไม่มีใครอยากมาแต่ต้องการคนเป็นพิเศษ ต้าหลงถูกอวี๋หมิงหลางหลอกมาที่นี่ อีกทั้งค่ายแห่งนี้ยังเป็นค่ายทหารช่างที่งานหนักที่สุด ต้องฝึกหนักอยู่ในภูเขาแทบไม่ได้เจอโลกภายนอก หน้าหนาวน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง หน้าร้อนก็ร้อนอบอ้าวเสื้อผ้าแฉะ ไม่มีใครอยากมา มีแค่เด็กน้อยเฉินจื่อหลงที่ฮัมเพลงเดินเข้ามาอย่างสมัครใจ
“นายเป็นทหารใหม่ที่วินัยแย่ที่สุดตั้งแต่ฉันเคยเจอมา เอาแต่อวดอ้างครอบครัว ฉันจะบอกให้นะ มาอยู่ที่นี่แล้วครอบครัวของนายก็คือพลั่วเหล็ก เป็นเครื่องมือของนาย!”
“…ไว้ฉันจะฆ่าแก…” เฉินจื่อหลงพึมพำ
“บ่นอะไร! ไปฝึกเดี๋ยวนี้! ถ้าวันนี้ยังยืนไม่ได้ดีก็ไม่ต้องกินข้าว!”
“ผมไม่ได้กินหัวหน้าก็ไม่ได้กิน ทำไมต้องโหดกับผมขนาดนี้ด้วย…”
เฉินจื่อหลงยังบ่นต่อ หัวหน้ากลุ่มที่รูปร่างเหมือนหมีถลึงตาใส่เขา เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก มองท้องฟ้าสีครามแล้วก็อยากร้องไห้ พี่ พี่สาวที่เก่งกาจ ทำไมพี่ไม่ช่วยผม!
พี่สาวที่แสนเก่งกาจเวลานี้กำลังได้รับการปรนนิบัติดุจนางพญา
“เบาหน่อย…”
เสียงที่ดังลอดออกมาจากห้องที่ถูกปิดสนิทชวนให้คนคิดไปไกล
“แบบนี้ได้ไหม?” อวี๋หมิงหลางถามด้วยความระมัดระวัง
“โอ๊ยเจ็บ!” เสี่ยวเชี่ยนร้องออกมาอย่างเคืองๆ
อวี๋หมิงหลางรีบผ่อนแรง ในที่สุดเธอก็ทำเสียงพอใจ
“สบาย~”
อวี๋หมิงหลางเลิกทำ สีหน้าจนใจ
“เมียจ๋า แค่นวดบ่าคุณก็ร้องแบบนี้ เดี๋ยวผมคิดเป็นอื่นนะ!”
เสี่ยวเชี่ยนทุบบ่าที่สบายขึ้นแล้วไม่น้อย “คนที่จิตใจสกปรกมองอะไรก็คิดสกปรก ฉันแค่ให้นายนวดบ่านายจะคิดลึกทำไม?”
อวี๋หมิงหลางยอมทนกับความไม่ยุติธรรมในเวลานี้เพื่อสวัสดิการคืนนี้
“จริงสินายบอกว่าค่ายที่ต้าหลงไปอยู่ลำบากมาก แล้วครูฝึกที่นั่นเขาจะเชื่อคำพูดต้าหลงอวดครอบครัวตัวเองไหม แล้วก็ให้สิทธิพิเศษ?”
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเสียงอ้อนวอนของน้องชายตัวเองในโทรศัพท์ อยู่ๆก็รู้สึกสะใจ
เธอส่งน้องชายให้ไปอยู่ที่แบบนั้นก็เพราะอยากให้ลิ้มรสชาติความลำบากบ้าง ถ้าครูฝึกยอมให้ แบบนั้นก็ไม่มีความหมาย
“วางใจได้ ผมสืบมาแล้ว ค่ายที่เขาไปอยู่หัวหน้ากองแต่ละคนโหดๆทั้งนั้น โดยเฉพาะหัวหน้ากลุ่มที่รับหน้าที่ดูแลทหารใหม่ อันที่จริงเขาก็เป็นหัวหน้ากอง แต่พอมีทหารใหม่ถูกส่งเข้าไปเขาก็จะมารับหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่มชั่วคราว เป็นคนที่จริงจังมาก ไม่ใช่แค่เข้มงวดกับลูกน้อง ยังเข้มงวดกับตัวเองด้วย ฝึกพร้อมไปกับลูกน้อง เป็นคนที่เก่งมากคนหนึ่งเลยล่ะ”
อวี๋หมิงหลางสืบสถานที่ที่น้องชายเมียจะไปอยู่มาอย่างละเอียด ศึกษานิสัยครูฝึกแต่ละคน สำหรับคนอื่นอาจคิดว่าครูฝึกที่เข้มงวดทำให้รู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษ แต่สำหรับเฉินจื่อหลงแล้วถือเป็นวาสนา
เสี่ยวเชี่ยนได้ฟังก็บันเทิง
“งั้นก็ดีนี่”
“อืม ดีจริงๆ คนนอกมองว่าทหารหน่วยรบพิเศษมีเกียรติมาก แต่กลับไม่เห็นความลำบากของทหารที่เป็นฐานให้กับกองทัพ เพราะทหารเก่งๆที่พวกเขาฝึกมาต่างหาก พวกผมถึงได้เจอคนที่เหมาะสม พวกเขาควรค่าแก่การให้ความเคารพ”
อวี๋หมิงหลางให้เกียรติทหารเหล่านี้ที่เปรียบเสมือนเป็นฐานให้กองทัพมาตลอด ตอนนี้น้องชายของเมียเขาเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่คนนอกมองว่าเหมือนนรก ไม่รู้ว่าสุขหรือทุกข์ แต่จะเห็นคุณค่าของมันไหมก็ขึ้นอยู่กับตัวเฉินจื่อหลงเองแล้ว