แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1062 นั่นไง ผู้สมรู้ร่วมคิด
เสี่ยวเชี่ยนไปส่งต้าอีที่บ้านแล้วถึงกลับบ้านตัวเอง พอไปถึงหน้าตึกก็เห็นรถพี่ใหญ่จอดรออยู่แล้ว รถว่างเปล่าไม่เห็นคนขับรถ พี่ใหญ่ก็ไม่อยู่ แสดงว่าพี่ใหญ่ขับรถมาเอง
เสี่ยวเชี่ยนดูเวลา ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน แต่พี่ใหญ่ไม่อยู่ก็แสดงว่าเสี่ยวเฉียงพาพี่ใหญ่ขึ้นบ้านไปแล้ว ถึงกับต้องให้เสี่ยวเฉียงลางานกลับมาเห็นทีพี่ใหญ่น่าจะเกิดเรื่อง
พอเข้าไปในบ้านก็เห็นพี่ใหญ่นั่งอยู่กับเสี่ยวเฉียงที่โซฟาตามคาด เสี่ยวเชี่ยนเหล่มองโต๊ะรับแขก ว่างเปล่า
แม้แต่ชาก็ไม่ชงให้พี่ใหญ่ สงสัยน่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เลยไม่มีเวลาสนเรื่องพวกนี้
พอเสี่ยวเชี่ยนกลับมาก็ไม่ได้เข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย เดินไปทางครัว พอเสี่ยวเฉียงเห็นก็รีบลุกขึ้น
“คุณจะทำอะไรน่ะ?”
“ชงชา”
“ไปนั่งเถอะ ผมทำเอง”
ใครเขาอยากจะดื่มชากลิ่นประหลาดที่ต้มจากไมโครเวฟกัน?
เสี่ยวเชี่ยนเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วเหลือบมองพี่ใหญ่ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ?”
พี่ใหญ่หยิบกระดาษออกมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เสี่ยวเชี่ยนเปิดดู ผลตรวจตั้งครรภ์?
“พี่สะใภ้ใหญ่ท้องแล้ว? กลุ้มเรื่องกฎหมายให้มีลูกคนเดียว? ก็ไปคลอดเมืองนอกสิคะ”
“ถ้าเป็นของพี่สะใภ้ใหญ่เธอพี่จะหงุดหงิดแบบนี้เหรอ?”
ไม่มั้ง?!
เสี่ยวเชี่ยนเพิ่งจะชมพี่ใหญ่ให้ต้าอีฟังไป ไม่คิดว่าจะถูกตบหน้าไวแบบนี้?
“ของใคร?”
“เฝิงม่านม่าน เทรนเนอร์ที่พี่สะใภ้ใหญ่หาให้พี่ไงล่ะ”
“!!!”
สีหน้าของเสี่ยวเชี่ยนแน่นิ่งไปสักพัก ทำหน้าสะอิดสะเอียนเหมือนกับกินแมลงวันเข้าไป
“พี่ใหญ่ พี่หิวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร? สมภารกินไก่วัด?”
อวี๋หมิงหลางยกชามาวางบนโต๊ะพลางพูดเสียงแข็ง
“ไหนว่าเปลี่ยนเทรนเนอร์นานแล้วไง? ทำไมยังถูกคนๆนี้ตื๊อได้อีก?”
สมกับเป็นพี่น้องกัน
เสี่ยวเชี่ยนก็ยังสงสัยในตัวพี่ใหญ่ เธอพูดว่าสมภารกินไก่วัดก็จริง แต่อวี๋หมิงหลางใช้คำว่า ‘ตื๊อ’ ก็แสดงว่าเขาไม่เชื่อว่าพี่ใหญ่จะมีชู้ แถมยังทำอีกฝ่ายท้องด้วย
“พอเสี่ยวเชี่ยนเตือนพี่กลับไปก็ขอเปลี่ยนคนเลย แต่วันนี้อยู่ๆเขาก็เอานี่มาให้พี่…พี่ก็งง พี่ไม่เห็นรู้เลยว่าตัวเองไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาตั้งแต่เมื่อไร?”
หลายปีมานี้พี่ใหญ่คอยระวังเรื่องแบบนี้มาตลอด มีผู้หญิงมากมายที่คิดจะเข้ามาใกล้ชิดเขา แต่นี่คนแรกที่เข้ามาบอกว่าท้องลูกของเขา
“เขาบอกว่าท้องก็ท้องเหรอ? หึหึ งั้นผมออกไปข้างนอกชี้ลูกคนอื่นแล้วบอกว่าเป็นลูกตัวเองก็ได้งั้นสิ? หลักฐานมีไหม?” อวี๋หมิงหลางพูดอย่างไม่เกรงใจ
“เขามีหลักฐานจริงๆ …หนึ่งเดือนก่อนพี่ออกไปกินข้าวข้างนอก ดื่มเยอะไปหน่อยจากนั้นก็—พี่จำไม่ได้เลยนะ แต่เขายืนยันเสียงแข็งว่าเป็นเพราะครั้งนั้น”
หลังจากพี่ใหญ่รู้เรื่องนี้ความคิดแรกคือมาหาเสี่ยวเชี่ยน
แม้แต่บ้านก็ไม่กล้ากลับ เขาไม่กล้าคิดเลยว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะมีท่าทียังไงหลังรู้เรื่อง
ไม่ต้องพูดเรื่องพี่สะใภ้ใหญ่อยู่ในตำแหน่งไหนในใจแม่อวี๋ เอาแค่เรื่องความรักความผูกพันที่มีกับพี่สะใภ้ใหญ่มาหลายปี เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเขาก็ไม่มีหน้าไปเจอภรรยาแล้ว
“เรื่องนี้ดูน่าสงสัยนะ” เสี่ยวเชี่ยนวิเคราะห์จากคำพูดของพี่ใหญ่ เรื่องนี้ขนาดพี่ใหญ่ยังไม่แน่ใจ ก็แสดงว่าอาจเป็นแผนของเฝิงม่านม่านนั่น
“พี่ถึงได้มาหาเธอไง เธอสะกดจิตเป็นไม่ใช่เหรอ? เธอช่วยพี่เรียกความทรงจำที่หายไปกลับมาได้หรือเปล่า?” พี่ใหญ่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำเรื่องที่หักหลังภรรยา แต่วันนั้นเขาเมาหนักมากจริงๆ หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย พอตื่นมาก็นอนอยู่บนเตียงที่บ้านแล้ว น้าแม่บ้านบอกว่าเฝิงม่านม่านเป็นคนพาเขามาส่งบ้าน
และวันนั้นเป็นวันที่พี่สะใภ้ใหญ่พาลูกๆกลับไปบ้านยายพอดี วันนั้นเป็นวันเกิดของแม่ยาย พี่ใหญ่มีกินเลี้ยงที่เลี่ยงไม่ได้จึงไม่ได้ไปด้วย ทำให้เขาต้องทะเลาะกับพี่สะใภ้ใหญ่
แต่เขากลับจำได้แค่ตอนกินเลี้ยง หลังจากนั้นเขาเจอเฝิงม่านม่านด้วยเหรอ ทำไมถึงจำไม่ได้
แต่ความจริงที่ไม่อาจมองข้ามก็คือ หลังจากตื่นมาเขาก็เห็นผ้าปูเตียงอยู่ในห้องน้ำ บนผ้าปูเตียงมีแต่…ไม่อาจบรรยาย
เขายังแอบคิดว่าพี่สะใภ้ใหญ่กลับมาแล้ว พอมีอะไรกับเขาเสร็จด้วยความอายจึงรีบออกไปทำงานก่อน ด้วยความดีใจเขาจึงซื้อดอกไม้ช่อใหญ่เอาไปให้เธอที่โรงพยาบาล พี่สะใภ้ใหญ่ดีใจมาก แล้วทั้งสองคนก็คืนดีกัน
ต่อมาพี่ใหญ่กลัวพี่สะใภ้ใหญ่อายจึงไม่พูดถึงเรื่องผ้าปูเตียง ทั้งสองคนรักกันหวานแหววจนมาถึงตอนนี้ เมื่อเช้าตอนที่ผู้หญิงคนนั้นเอาผลตรวจครรภ์มาให้พี่ใหญ่ถึงได้ช็อคหนัก
“เข้าไปในห้องกับฉัน ฉันจะลองสะกดจิตให้—อวี๋เสี่ยวเฉียง ต่อไปนายห้ามดื่มจนเมาหัวราน้ำเข้าใจไหม? เหล้ามีแต่จะก่อเรื่อง!”
เสี่ยวเชี่ยนค่อนข้างสนิทกับพี่สะใภ้ใหญ่ พอรู้เรื่องนี้ก็อดโมโหแทนไม่ได้ เลยไปลงกับอวี๋หมิงหลาง
เสี่ยวเฉียงทำหน้าน้อยใจ
“ผมคอแข็งจะตาย จะเมาหัวราน้ำได้ไง?”
“เดินริมน้ำทุกวันรองเท้าจะไม่เปียกเลยเหรอ? พี่ใหญ่คอไม่แข็งหรือไง?”
“เรื่องนี้มันถึงได้น่าแปลกใจไง—เดี๋ยวนะเสียวเหม่ย คุณหมายความว่า—?”
สมกับเป็นคู่รักไอคิวสูง พอเสี่ยวเชี่ยนเริ่มเปิด เสี่ยวเฉียงก็เดาทางออก
“พี่ใหญ่คอแข็งขนาดนั้นจะดื่มจนจำอะไรไม่ได้ได้ไง? ดื่มจนเมาล้มพับแล้วทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงผ่านมาพอดี? อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น? มันต้องมีคนวางยาแน่ๆ ประเด็นคือวางยาอะไร?”
ถ้าเป็นยาสลบก็จัดการง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นยาอย่างอื่นก็ยากแล้ว
พี่ใหญ่โมโห “พี่จะรีบสืบคนที่ไปกินเลี้ยงกับพี่วันนั้น”
นี่เขาถูกคนวางแผนทำเรื่องแบบนี้ใส่เหรอ? ทุเรศสิ้นดี!
“ประเด็นคือพี่ก็เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวในระดับหนึ่งแล้วนะ ทำไมแผนแค่นี้ถึงมองไม่ออก? เกิดเรื่องอย่างว่าขึ้นหรือเปล่าพี่จะไม่รู้เลยเหรอ?” อวี๋หมิงหลางยังไม่อยากเชื่อว่าพี่ใหญ่ที่แสนฉลาดจะถูกเด็กสาวที่เพิ่งเข้ามาใช้ชีวิตในสังคมปั่นหัวได้
“เรื่องวันนั้นมันวุ่นวายปนเปกันไปหมด วันนั้นพี่ก็ทะเลาะกับพี่สะใภ้ใหญ่ด้วย…ช่างเถอะ พูดยาก เสี่ยวเชี่ยน งั้นก็ฝากเธอด้วยนะ”
พี่ใหญ่เองก็รู้สึกสับสน เวลานี้มีแค่ความสามารถของน้องสะใภ้ที่พอจะพึ่งพาได้
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าแล้วพาพี่ใหญ่เข้าไปในห้อง
การสะกดจิตแบบนี้แตกต่างกับการสะกดจิตแบบแทรกซึม นี่เป็นการสะกดจิตเพื่อเรียกความทรงจำที่ขาดหายของพี่ใหญ่กลับมา การสะกดจิตไม่ได้วิเศษเลิศเลอ เสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำได้แค่พยายามอย่างสุดความสามารถ
เมื่อเทียบกับคนทั่วไปพี่ใหญ่ถูกจัดอยู่ในประเภทสะกดจิตยาก ไม่เหมือนกับสืออวี้ที่แค่เริ่มก็สลบไม่รู้เรื่องแล้ว แต่พี่ใหญ่ก็ยังสะกดจิตง่ายกว่าเสี่ยวเฉียงที่จิตใจต่อต้านการรักษาแบบนี้ ดังนั้นฝีมือการสะกดจิตของเสี่ยวเชี่ยนจึงใช้ได้ดีกับพี่ใหญ่ด้วยเหมือนกัน
กว่าเสี่ยวเชี่ยนจะสะกดจิตพี่ใหญ่ได้ใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าคนทั่วไป แต่ก็สำเร็จแล้ว
“วันนั้นพี่ใส่ชุดสีอะไร?”
“สูทสีเทาอ่อน”
“มีใครบ้างที่นั่งดื่มกับพี่?”
…
พี่ใหญ่ตอบคำถามทีละข้อ เสี่ยวเชี่ยนค่อยๆยิงคำถาม ในที่สุดก็มาถึงช่วงสำคัญ
“พอดื่มจนเมาแล้วพี่ทำอะไรต่อ?”
“มึนหัว แล้วก็นอนลง…มีคนมาลากพี่ไป”
“กี่คน”
“สองคน”
นั่นไง ผู้สมรู้ร่วมคิด!