แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 1084 หม่อมฉันทำไม่ได้
“เมียจ๋า ฟังผมพูดก่อนนะ ครูฝึกของคนสวยเสียไปเมื่อหลายวันก่อน คนสวยสะเทือนใจมากไม่กินไม่ดื่ม ผมไปเจอเขาตอนไปประชุมที่นั่นพอดี น่าสงสารมากเลย คนสวยปลดประจำการมาหกปีกว่าแล้ว ถึงวัยที่ต้องออกจากค่ายแล้ว แล้วผมจะปล่อยให้เพื่อนทหารของผมต้องตายทั้งเป็นได้ยังไง?”
“อวี๋เสี่ยวเฉียง นายคงไม่ได้…” เสี่ยวเชี่ยนนวดขมับ “นายคงไม่ได้พาหมากลับมาเพื่อให้ฉันบำบัดจิตใจให้มันหรอกนะ?”
ขอประทานอภัยที่ต้องพูดตามตรง หม่อมฉันไร้ความสามารถเพคะ!
ต่อให้เธอเก่งกว่านี้ก็บำบัดจิตใจให้สัตว์ไม่เป็น!
“อีกอย่าง นายดูมันก้มหน้าก้มตากินสิ เหมือนไม่กินไม่ดื่มไหม?!”
เสี่ยวเชี่ยนชี้ไปที่สุนัขที่กำลังกินอาหารอยู่ตรงมุมห้องอย่างมีความสุข ทั้งห้องได้ยินแต่เสียงมันเคี้ยวอาหาร ถ้าแบบนี้เรียกว่าไม่กินไม่ดื่ม งั้นทั้งโลกก็คงไม่มีใครหิวตายแล้ว
“ไม่ใช่นะเมียจ๋า ผมไม่ได้จะให้คุณรักษามัน พอคนสวยเห็นผมก็อยากอาหาร เมียจ๋าก็เห็นว่าผมหล่อเท่ห์ขนาดไหน ใครเห็นแล้วไม่หลงได้เหรอ? คราวก่อนคุณยังบอกว่าอยู่กับผมกินข้าวได้สองชามเลยนะ”
แบบนี้เรียกว่าถ้าไม่รนหาที่ตายก็ไม่ตายหรอก!
เสี่ยวเชี่ยนโมโหหยิบเบาะรองนั่งขึ้นมาจะฟาด ทำไมตาทึ่มนี่ถึงได้เอาเธอไปเปรียบกับหมานะ?!
“โฮ่ง!” คนสวยที่รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตรีบหันมาทันที พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนกำลังจะทำร้ายเพื่อนมันก็แยกเขี้ยวเตรียมจู่โจม
“นั่งไปเลยนะ!” เสี่ยวเชี่ยนชี้หน้า คนสวยตกใจท่าทางน่ากลัวของเสี่ยวเชี่ยนเลยนั่งลง
วินาทีต่อมามันก็นึกได้ว่าทำไมต้องเชื่อฟังคนแปลกหน้าด้วย แบบนี้มันหมิ่นเกียรติกันชัดๆ จังหวะที่มันกำลังจะลุกขึ้นยืนก็ได้ยินอวี๋หมิงหลางสั่ง
“นั่งลง!”
“หงิงๆ..” คนสวยนั่งลงอีกรอบ
“คนสวย คนนี้เป็นคนรักเป็นภรรยาของฉัน และก็เป็นว่าที่นายหญิงของคนสวยด้วยนะ คำสั่งของเขาก็เหมือนคำสั่งของฉัน คนสวยต้องเชื่อฟังเข้าใจไหม?”
“โฮ่ง…” เขาดุอ่า
พอเห็นเขาถามแล้วมันเห่าตอบเสี่ยวเชี่ยนก็รู้สึกว่าเหมือนหมาตัวนี้จะเข้าใจภาษาคนจริงๆ
“ผมไม่ได้จะให้คุณรักษามัน ผมอยากเลี้ยงคนสวย ตอนที่คนสวยยังเป็นแค่ลูกสุนัขผมเคยเลี้ยงพวกมันมาด้วย ตอนนี้ครูฝึกเสียชีวิตไปแล้ว มันผูกพันกับครูฝึกมากเลยไม่ยอมกินไม่ยอมดื่ม ถ้าผมไม่ไปเจอไม่แน่มันอาจหิวตายไปแล้ว”
“นายเคยเลี้ยงหมาเมื่อไร? นายอยู่หน่วยที่มีการศึกษาสูงไม่ใช่เหรอ? ต่อมาก็สอบเข้าหน่วยรบพิเศษไม่ใช่หรือไง?”
“ตอนที่ผมเพิ่งเข้าเป็นทหารยังไม่ได้ถูกจัดเข้าหน่วยไหนอย่างเป็นทางการ ผมทำผิดบางอย่างเลยถูกลงโทษให้ไปเลี้ยงสุนัขอยู่ระยะหนึ่ง”
ตอนนั้นอวี๋หมิงหลางเป็นพวกซ่ามาก หัวหน้าต้องการกำจัดความนักเลงในตัวเขาให้น้อยลงจึงส่งเขาไปเลี้ยงสุนัขอยู่สองอาทิตย์ เรื่องนี้คนทั่วไปไม่รู้
“ดังนั้นนี่คือหมาที่นายเลี้ยงตอนนั้น?”
“สุนัข!” เสี่ยวเชี่ยนแก้คำผิดจริงจัง เรียกสุนัขทหารถือเป็นการให้เกียรติ
มิน่าถึงได้ดูสมองทึ่ม เพราะมีคนเลี้ยงแบบนี้นี่เอง!
อยู่ๆเสี่ยวเชี่ยนก็รู้สึกเหมือนถูกหลอก หรือสาเหตุที่อวี๋หมิงหลางทำอาหารเป็นเพราะตอนนั้นถูกลงโทษให้ไปทำอาหารหมา…งั้นทุกครั้งที่เธอกินอาหารของเขาอย่างเอร็ดอร่อยก็คือ…!
“ตอนนั้นที่เลี้ยงมันเพิ่งหย่านม ไม่คิดว่าผมกลับไปครั้งนี้มันจะยังจำผมได้ คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม? มันไม่ยอมกินอาหารอยู่ตั้งหลายวัน ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ใครป้อนอาหารมันก็ไม่กิน แต่พอผมไปลูบหัวมันก็เลียมือผม นี่แหละพรหมลิขิต ดังนั้น…คุณว่าผมจะปล่อยให้มันหิวตายได้เหรอ?”
ตามหลักการแล้วไม่สามารถนำสุนัขทหารออกจากหน่วยได้ จะรับไปเลี้ยงก็ไม่ได้ทั้งนั้น
แต่นี่เป็นกรณีพิเศษ พออวี๋หมิงหลางเห็นคนสวยก็ทนไม่ไหว โทรไปขอเบื้องบน อยากรับมาเลี้ยงเอง เบื้องบนเห็นเป็นกรณีพิเศษจึงให้เขาพากลับมาได้
“อืม พูดต่อ”
อวี๋หมิงหลางแอบมองหน้าเสี่ยวเชี่ยน ดูไม่ออกว่าเธอรู้สึกยังไง เสี่ยวเชี่ยนเก็บอารมณ์เก่งมาก
สำนวนที่ว่าคนเก่งซ่อนอารมณ์ได้ดั่งเสือ บัดนี้อวี๋หมิงหลางได้เข้าใจแล้ว
อาจเพราะช่วงชีวิตก่อนหน้านี้จอมเผด็จการน้อยอวี๋ใช้ชีวิตเอาแต่ใจมากเกินไป สวรรค์ทนดูไม่ไหวก็เลยส่งเสี่ยวเชี่ยนมาให้เขาได้สัมผัสความรู้สึกหวาดกลัวเวลาโดนครูที่ปรึกษาเรียกมาคุย ทั้งที่ตอนเรียนเขาไม่เคยโดน
“ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบสัตว์เลี้ยง คุณเคยย้ำกับผมหลายรอบแล้ว ในบ้านนอกจากผมกับคุณแล้วก็ลูกของเราในอนาคตห้ามมีสิ่งมีชีวิตที่มีขนใดๆทั้งนั้นอีก”
“หึ!”
หมอนี่ก็สมองดีเหมือนกันหนิ ยังจำเรื่องนี้ได้ เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้รู้สึกโมโหเท่าเมื่อครู่แล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเคยลองถามเสี่ยวเชี่ยนอยู่หลายครั้งเรื่องขอเลี้ยงสัตว์ในบ้าน แต่ก็ถูกเสี่ยวเชี่ยนปฏิเสธหน้าหงายทุกครั้ง
ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะชอบเอาอาหารไปเลี้ยงหมาแมวจรจัดที่สวนสาธารณะบ่อยๆ แต่เธอไม่ชอบให้มีสัตว์เลี้ยงมีขนมาอยู่ในอาณาเขตของเธอ ครั้งนี้อวี๋หมิงหลางไม่มีทางเลือก คิดได้ว่ายังมีบ้านหลังนี้อยู่ อย่างไรเสียเสี่ยวเชี่ยนก็มีบ้านเยอะอยู่ในหลายเมือง ดังนั้นจึงอยากเอาคนสวยมาแอบเลี้ยงไว้ที่นี่
“มันอายุเท่าไรแล้ว?” เสี่ยวเชี่ยนถามถึงสุนัขตัวนั้นที่มีประวัติอดอาหาร ถ้าเธอไม่ได้ตาฝาด มันกินอาหารที่เทไว้เต็มจนหมด เนื้อทั้งนั้น ไม่อิ่มได้เหรอ!
“หกขวบครึ่ง” พออวี๋หมิงหลางได้ยินเธอถามเกี่ยวกับหมาก็รู้สึกมีความหวังแล้ว ดวงตาเปล่งประกาย
ใบหน้าเหมือนมีอักษรขึ้นว่า เมียจ๋า เลี้ยงมันไว้เถอะ~
“สุนัขตัวนึงมีอายุไขประมาณสิบกว่าปี ถ้าอายุยืนก็อยู่ได้ถึงยี่สิบปี นายคิดจะแอบฉันเลี้ยงสุนัขอายุหกขวบครึ่งไปกี่ปี?”
หมอนี่เส้นประสาทในสมองมีไม่ครบเหรอ?
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกอับอายขายขี้หน้าที่เมื่อครู่ตัวเองคิดว่าเขาแอบพาเมียน้อยมาซุก
ถึงทำแบบนี้จะดีกว่ามีเมียน้อยก็จริง แต่คิดอะไรตื้นไปไหม แอบเธอเลี้ยงหมาไม่โง่ไปหน่อยเหรอ?
“ผมคิดหาทางไว้หลายแบบ แบบแรกเลี้ยงไปก่อนแล้วค่อยเกลี้ยกล่อมคุณ แต่เท่าที่ผมสังเกตและรู้จักคุณมานาน ผมได้ข้อสรุปอยู่อย่าง”
“พูด!”
อวี๋หมิงหลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “คุณต้องสัญญาก่อนว่าถ้าผมพูดจบแล้วคุณจะไม่โกรธ ไม่หักเงินค่าขนมกับสวัสดิการของเสี่ยวเฉียงน้อย”
“พูดมา” ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ปกครองที่จับเด็กดื้อที่ทำผิดได้
นี่เธอเจอกับเหตุการณ์อะไรกันแน่ กะมาจับเมียน้อย แต่ทำไมเรื่องอลเวงแบบนี้?
“เท่าที่ผมสังเกตมานาน คุณเป็นผู้หญิงที่ถูกเกลี้ยกล่อมได้ยาก ถ้าคุณยื่นคำขาดเรื่องไหนแล้วก็ต้องเป็นแบบนั้น ดังนั้นผมฟันธงว่าโอกาสที่ผมจะได้เลี้ยงคนสวยมีไม่เกินสิบเปอร์เซ็นต์”
“อืม นายก็รู้จักฉันดีไม่เบานี่”
เสี่ยวเชี่ยนยอมรับว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้น
สิ่งไหนที่เธอชอบก็คือชอบ สิ่งไหนที่ไม่ชอบก็ยากที่ใครจะมาบังคับเธอได้
“ดังนั้นผมเลยเตรียมทางเลือกที่สองไว้คือการแอบเลี้ยง อย่างเช่นตอนเราอยู่เมืองนี้ผมก็เอาคนสวยมาเลี้ยงไว้ที่นี่ ถ้าเรากลับไปบ้านแม่ผมก็จะเอาคนสวยซ่อนไว้หลังรถเอากลับไปด้วย จากนั้นก็เอาไปเลี้ยงไว้ที่บ้านอีกหลังของคุณ ถ้าคุณจะไปดูบ้านผมก็จะรีบไปย้ายคนสวยออกมาก่อน”
“คิดจะเล่นเกมกับฉันเหรอ?”
กลยุทธ์รับมือข้าศึกก็เอามาใช้ด้วย? ข้าศึกถอยเราเข้า ข้าศึกล้าเราก่อกวน?