แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 650
แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 650 น้ำปุ๋ยไม่ไหลไปนาคนนอก
“ใช่ พอเขาเห็นของพวกนั้นก็อาการแปลกๆ รู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง ท่าทางเชื่องช้า ถึงขนาดที่เขาบอกกับฉันว่ามีเสียงอะไรไม่รู้ดังอยู่ข้างหู แต่ฉันไม่ได้ยินนะ”
“เป็นอาการปกติของโรคซึมเศร้าเวลาอาการกำเริบ ท่าทางเชื่องช้า มีเสียงแว่วๆดังข้างหู…” เสี่ยวเชี่ยนได้ข้อสรุปทันที
เย่เสียวอวี่โมโหเอามือไปผลักเสี่ยวเชี่ยน “เหม่ยเหวยเธอรักษายังไงเนี่ย! ทำไมยิ่งรักษาอาการยิ่งหนัก!”
“ทำไมต้องทำพี่สะใภ้ด้วย! พี่สะใภ้ฉันพยายามเต็มที่แล้วไม่รู้หรือไง?” หลิวเหมยผลักกลับ แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับมองเวยเวยที่อาการแปลกไปพลางครุ่นคิด
เมื่อกี้เย่เสียวอวี่พูดถึงเคเอฟซี ส่วนหลิวเหมยบอกว่าเวยเวยอาการเป็นหนักตอนอยู่ร้านไก่ทอด ร้านไก่ทอดกับเคเอฟซีก็คล้ายกัน เสี่ยวเชี่ยนเริ่มแน่ใจในการตั้งข้อสันนิษฐานของตัวเองแล้ว
แม่งเอ๊ย ไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่น ช้าเร็วเธอต้องแก้แค้นให้ได้ เสี่ยวเชี่ยนมองเวยเวยแล้วก็ปวดใจ เธอคิดว่าเธอเข้าใจแล้วว่าทำไมเวยเวยถึงได้วางงูพิษในตำแหน่งพ่อ
เด็กคนนี้น่าสงสารเหลือเกิน…
“เลิกทะเลาะกันได้แล้ว…หยุดเถอะน่ารำคาญ!” เวยเวยที่เมื่อครู่ยังสีหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ๆก็หงุดหงิดขึ้นมา เธอคว้าแก้วน้ำบนโต๊ะปาไปที่กำแพง เสียงดังเพล้งตามมาด้วยเศษแก้วแตกกระจาย
เย่เสียวอวี่หยุดการลงไม้ลงมือกับหลิวเหมย มองเวยเวยด้วยสีหน้าตกใจ เวลานี้เวยเวยเหมือนคนป่วยจริงๆ สีหน้าและอาการของเวยเวยทำให้เย่เสียวอวี่เป็นกังวล
เวยเวยหลังจากที่ปาแก้วไปแล้วดูเหมือนจะไม่เข้าใจที่อยู่ๆตัวเองก็อารมณ์ร้อนขึ้นมา เธอเอามือกุมหัวทำอะไรไม่ถูกแล้วร้องไห้ออกมา
ควบคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้ ประสิทธิภาพในการใช้ความคิดลดลง ล้วนเป็นการแสดงออกของโรคซึมเศร้า เสี่ยวเชี่ยนทำมือไล่ให้เย่เสียวอวี่กับอวี๋หลิวเหมยออกไป จากนั้นก็เดินเข้าไปหาเวยเวย
เธออยากช่วยให้เวยเวยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้
ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนทำการรักษา เย่เสียวอวี่ก็เดินไปเดินมาด้วยอาการร้อนรนอยู่ในบ้านตัวเอง หลิวเหมยจึงพูดปลอบ
“ใจเย็นๆน่า เชื่อใจพี่สะใภ้ฉันได้ คุณร้อนใจไปก็ไม่มีประโยชน์”
“เหม่ยเหวยรักษาได้จริงๆเหรอ? ฉันเห็นเวยเวยเป็นแบบนั้นฉันเป็นห่วงเขามากเลย…” เย่เสียวอวี่รู้สึกเหมือนมีไฟสุมอยู่ในอก
“ได้สิ พี่สะใภ้ฉันเป็นจิตแพทย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด พี่หลางบอกกับฉันเองเลยนะ” หลิวเหมยเป็นคนคิดอะไรไม่ซับซ้อน คนไหนที่อวี๋หมิงหลางพี่ชายเธอเอ่ยปากชมเธอก็เชื่อแบบนั้น ง่ายๆแบบนี้แหละ
พอเห็นเย่เสียวอวี่ร้อนใจ หลิวเหมยจึงพูดชม
“อันที่จริงตอนแรกฉันเกลียดคุณมาก เพราะคุณเอาแต่หมายตาในสิ่งที่ไม่ใช่ของคุณ แต่ต่อมาฉันพบว่าคุณดีกับน้องสาวตัวเองมาก ถ้าจะใช้คำพูดของพี่สะใภ้ก็ คนดีมีมุมที่เลว คนเลวก็มีมุมที่ดี คิดได้อย่างนั้นฉันก็ไม่ได้เกลียดคุณเท่าไรแล้ว”
อาการโรคย้ำคิดย้ำทำของเย่เสียวอวี่กำลังจะกำเริบเนื่องจากเป็นห่วงน้องสาว เดิมจะไปเอาแป้งมาเติมหน้า แต่พอได้ยินอวี๋หลิวเหมยชมดูเหมือนอาการร้อนใจจะสงบลง สมองเหมือนมีคำพูดของเสี่ยวเชี่ยนลอยมา
ได้ความมั่นใจจากคำชมที่จริงใจของคนอื่น…
เย่เสียวอวี่รู้สึกว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยากแต่งหน้าเท่าไรแล้ว แถมมั่นใจในตัวเสี่ยวเชี่ยนที่อยู่อีกด้านของกำแพงมากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์ ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้
เสี่ยวเชี่ยนคุมอาการของเวยเวยได้แล้ว เดิมเธอคิดจะสะกดจิตเวยเวยเพื่อดูว่าเคยเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะเดาได้บางส่วน แต่เธอก็อยากจะฟังจากปากของเวยเวยเอง
แต่พอนึกถึงอาการเวยเวยที่ตอนนี้ไม่แน่ไม่นอน การสะกดจิตไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร เสี่ยวเชี่ยนจึงต้องพอก่อน แล้วใช้วิธีรักษาที่ปลอดภัยที่สุด
ระงับอาการของเวยเวยให้คงที่ก่อน จากนั้นก็ไปจัดการสัตว์เดรัจฉานตัวนั้น
ชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ อาการของเวยเวยดีขึ้นหลังจากที่กินยาและรับการรักษาจากเสี่ยวเชี่ยน ส่วนอวี๋หลิวเหมยก็ได้มีการค้นพบอันยิ่งใหญ่ เย่เสียวอวี่ไม่แต่งหน้านอนแล้ว!
ถึงจะยังคงขยันเขียนตาเขียนคิ้ว แต่ไปออกกำลังตอนเช้าไปด้วยสภาพหน้าสด แค่นี้ก็ทำให้หลิวเหมยอึ้งได้แล้ว ส่วนเสี่ยวเชี่ยนที่เป็นผู้มีอิทธิพลในเรื่องนี้อย่างเงียบๆได้ใช้ชีวิตและทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ เย่เสียวอวี่พอจะเดาได้ว่าที่พฤติกรรมของตัวเองเปลี่ยนไปช่วงนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับเสี่ยวเชี่ยน เพราะมาคิดดูดีๆ หลังจากที่เธอนอนหลับบนโซฟาบ้านเสี่ยวเชี่ยนไป หลังจากนั้นชีวิตเธอก็ค่อยๆเปลี่ยน เพียงแต่เธอไม่อยากยอมรับก็เท่านั้น
ถึงแม้ปากเย่เสียวอวี่ยังคงพูดว่าไม่ชอบเสี่ยวเชี่ยน แต่แม้แต่หลิวเหมยยังรู้สึกได้ว่า เย่เสียวอวี่มีท่าทีเคารพยำเกรงเสี่ยวเชี่ยนมากขึ้น งานบ้านทำให้อย่างดี มีแค่บางครั้งที่ชอบเถียงเสี่ยวเชี่ยน
ปากอย่างประธานเชี่ยนใช่ว่าเย่เสียวอวี่จะเอาชนะได้ง่ายๆ เย่เสียวอวี่ถูกประธานเชี่ยนทรมานเสียมากกว่า แต่หลิวเหมยรู้สึกว่ายิ่งเย่เสียวอวี่ถูกประธานเชี่ยนทรมานก็ยิ่งมีท่าทีที่ดีขึ้น ทุกวันนี้เวลาที่ประธานเชี่ยนกลับมาบ้านก็จะมีกาแฟที่เย่เสียวอวี่เตรียมไว้ให้ รู้ทั้งรู้ว่าในบ้านมีแค่ประธานเชี่ยนที่ดื่มกาแฟ แต่เย่เสียวอวี่ไม่ยอมรับว่าเตรียมให้ประธานเชี่ยน แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
วันสุดสัปดาห์ประธานเชี่ยนไม่ต้องไปจัดรายการ อยู่บ้านมาร์คหน้าฟังเพลง เสี่ยวเฉียงของเธอหายไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว ประธานเชี่ยนเริ่มหงุดหงิด
มีคนมากดออดประตู เสี่ยวเชี่ยนจึงเดินไปเปิด ฉิวฉิวที่อยู่ในสภาพซังกะตายยืนอยู่พร้อมแบกเบียร์มาหนึ่งลัง
“ประธานเชี่ยน ขอคำปลอบใจ! ปลอบใจหน่อย!” ฉิวฉิววางลังเบียร์ลง แล้วกอดเสี่ยวเชี่ยนด้วยอาการเศร้าสร้อย
และภาพนี้ได้ถูกเย่เสียวอวี่ที่เพิ่งไปจ่ายตลาดกับเวยเวยกลับมาเห็นเข้าพอดี เธอรีบล้วงสมุดออกมาจดลงไปว่า
‘วันเดือนปีไม่ปรากฏ หน้าบ้านเหม่ยเหวยมีหนุ่มผมทรงโมฮอคมาหา เขาพูดว่าขอคำปลอบใจ ปลอบ—’ เดิมคิดจะเขียนปลอบใจลงไปอีกรอบ แต่นึกถึงคำชมของเสี่ยวเชี่ยนวันนี้ที่บอกว่าเธอทำอาหารอร่อย เย่เสียวอวี่จึงหยุดเขียน แล้วขีดคำข้างหลังออก พลางพูดพึมพำ
“ฉันไม่ทำดีด้วยหรอกนะ สมุดเล่มนี้ฉันจะเอาไปให้หมิงหลางดู”
เย่เสียวอวี่ค่อยๆเปลี่ยนไปทีละนิดภายใต้อิทธิพลแฝงของประธานเชี่ยน เพียงแต่ตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแม้แต่ตัวเองยังไม่ยอมรับ
“พี่สะใภ้ มีแขกเหรอ—อ๊า นายนี่เอง!” หลิวเหมยที่มาร์คหน้าแบบเดียวกับเสี่ยวเชี่ยนเดินออกมา พอเห็นฉิวฉิวก็ชี้หน้าด้วยความตกใจ
“คุณคือ—?” ฉิวฉิวไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงต้องเอาของแบบนั้นมาโปะหน้า ถึงเขาจะมีร่างกายเป็นผู้หญิง แต่ความคิดและจิตใจเป็นโหมดของผู้ชายหมด
“ฉันน่ะเหรอ ก็คนดวงซวยที่นายเขี่ยตกรอบสัมภาษณ์ไง!” หลิวเหมยดึงแผ่นมาร์คหน้าออก เอาหน้าที่แท้จริงให้ฉิวฉิวดู
ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเคยแย่งชิงงานกัน แต่หลิวเหมยถูกปัดตก
“อ๋า เธอนี่เอง!” ฉิวฉิวจำหลิวเหมยได้แล้ว
“ฉันชอบโรงเรียนนั้นจริงๆนะ ฉันว่าสภาพแวดล้อมโอเค แต่นายมาเขี่ยฉันตกก็ยังดีกว่าคนอื่น พี่สะใภ้บอกว่า น้ำปุ๋ยไม่ไหลไปนาคนนอก” หลิวเหมยพูดอย่างใจกว้าง
ฉิวฉิวถอนหายใจ “ครั้งนี้ไหลไปนาคนนอกจริงๆแล้ว เพราะฉันถูกไล่ออก ประธานเชี่ยน! ปลอบใจหน่อย กอดหน่อยสิ!”
เสี่ยวเชี่ยนไม่เข้าใจ แต่หลิวเหมยชิงถามก่อน
“ทำไมโดนไล่ออกล่ะ? พวกเราสองคนไปถึงรอบสุดท้ายแล้วนะ ฉันถูกเขี่ยทิ้งแบบงงๆ แต่ทำไมนายก็ด้วยล่ะ?”