แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย - ตอนที่ 867 ถึงเวลาแสดงออกแล้ว
ฟู่กุ้ยดูใจเย็นมาก หลังจากที่ผ่านนาทีเฉียดตายมาได้ เดิมเขาคิดว่าตัวเองจะไม่รอดแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังมีชีวิตอยู่ แถมยังแค่กระดูกร้าว
แต่หลิวเหมยเป็นห่วง พอเห็นเขากระดูกร้าวก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย
ตอนที่อวี๋หมิงหลางโทรมาเป็นตอนที่หลิวเหมยกำลังร้องไห้เสียใจสุดๆ แม้แต่แรงรับโทรศัพท์ก็ไม่มี ฟู่กุ้ยจึงต้องโกหกอวี๋หมิงหลางไป
“ตกใจหมดเลย ถ้าพี่เป็นอะไรไปฉันจะทำยังไง…” ตอนนี้หลิวเหมยยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย พอได้ยินว่าเขาเกิดอุบัติเหตุก็ช็อควิญญาณแทบหลุดจากร่าง
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ก็แค่บาดเจ็บนิดหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่” ขาของฟู่กุ้ยถูกพันไว้ เขาเช่ารถเข็นจากทางโรงพยาบาลมาใช้
“ทำไมพี่ไม่บอกพี่หลางล่ะ ป้าฉันก็อยู่ เขาเป็นหมอกระดูก ให้เขาดูจะได้วางใจ” หลิวเหมยรู้ว่าแม่อวี๋เป็นหมอกระดูกที่มีชื่อเสียงมาก และดูเหมือนจะมีวิธีรักษาแบบลับเฉพาะด้วย จะกระดูกหักหรือกระดูกร้าวถ้าได้ยาของแม่อวี๋มาทาจะยิ่งหายไวขึ้น
“รอเสี่ยวเชี่ยนแข่งเสร็จก่อนค่อยให้คุณป้าดูก็ยังทัน”
ฟู่กุ้ยเป็นคนใส่ใจ รู้ว่าวันนี้ครอบครัวอวี๋กำลังมีเรื่องดีๆ เชี่ยนเอ๋อทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในรอบแรก ทุกคนกำลังกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ถ้าเขาบอกเชี่ยนเอ๋อว่าตัวเองเกิดอุบัติเหตุบ้านนั้นก็คงยกโขยงมาเยี่ยมเขา ทำลายบรรยากาศงานฉลองคงไม่เหมาะเท่าไร
“แต่ว่า…” หลิวเหมยมองฟู่กุ้ยที่นั่งอยู่บนรถเข็น ในใจรู้สึกสงสาร
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วงสองวันนี้พี่คงค้างที่นี่ กลับบ้านก็ไม่ได้ รอเสี่ยวเชี่ยนแข่งเสร็จก่อนพี่ค่อยกลับบ้าน”
ฟู่กุ้ยคิดทุกอย่างรอบคอบมาก
ถ้าตอนนี้เขากลับบ้านไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ต้าหลงกำลังเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เชี่ยนเอ๋อเองก็กำลังแข่ง ถ้าแม่เสี่ยวเชี่ยนต้องแบ่งเวลามาดูแลเขา ฟู่กุ้ยกลัวจะไปรบกวนเรื่องของน้องสาวน้องชาย
หลิวเหมยสงสารฟู่กุ้ยมาก เขาเอาใจใส่ทุกคน ทำไมไม่นึกถึงตัวเองบ้างนะ?
“เดี๋ยวพี่จะหาโรงแรมค้างคืน คงต้องวานให้เธอช่วยโทรบอกน้าเจี่ยด้วยว่าเราสองคนไปเที่ยวที่อื่นสองสามวัน”
“จะหาโรงแรมทำไมคะ พี่สะใภ้ย้ายออกไปแล้ว ที่บ้านว่างอยู่ห้องหนึ่ง พี่ไปอยู่สิคะฉันจะได้ดูแลพี่ด้วย”
“สะดวกเหรอ?” ฟู่กุ้ยแอบจุดพลุในใจ
“ทำไมจะไม่สะดวกล่ะคะ สภาพแบบนี้พี่จะทำอะไรได้?”
หลิวเหมยไม่ได้คิดอะไรซับซ้อน แต่ฟู่กุ้ยเหมือนถูกสบประมาทเล็กๆ ขาเขาใช้การไม่ได้ชั่วคราวแต่อย่างอื่นปกตินะ
แต่พอเห็นท่าทางหลิวเหมยเป็นห่วงเขามากฟู่กุ้ยกลับรู้สึกพอใจ นี่ถือเป็นผลพลอยได้เล็กๆสินะ ถึงขาจะบาดเจ็บ แต่เขาได้ขอแต่งงานไปแล้วแถมยังได้หลิวเหมยดูแลเขาด้วย
พอนึกถึงว่าช่วงเวลาสองสามวันนี้จะได้อยู่บ้านเดียวกันหัวใจของฟู่กุ้ยก็เบิกบาน
พวกเสี่ยวเชี่ยนยังไม่รู้ว่าฟู่กุ้ยเกิดอุบัติเหตุ ทุกคนในบ้านนั่งกินข้าวกันอย่างสนุกสนาน
อวี๋หมิงอี้มาถึงดึกหน่อย สองครอบครัวบวกแม่อวี๋นั่งเบียดกันรอบโต๊ะ
แม่อวี๋เห็นลูกชายสองคนมีครอบครัวกันหมดแล้ว แถมยังรักใคร่ปรองดองกันดี เธอรู้สึกอิ่มเอมใจ
“อะ เสี่ยวเชี่ยนกินขาหมูผัดเผ็ดนะ เฮงๆรวยๆ ทำอะไรก็ราบรื่นมีชัย” แม่อวี๋คีบขาหมูให้เสี่ยวเชี่ยน เพื่อแสดงออกว่าเธอไม่ลำเอียงจึงคีบให้ต้าอีด้วย
“ต้าอีก็กินหน่อยนะ หนูน่ะผอมเกินไปแล้ว” ถึงช่วงนี้ต้าอีจะอวบขึ้นมานิดหน่อย แต่ในสายตาของแม่อวี๋ก็ยังดูผอมอยู่ดี
“ช่วงนี้เขากินเก่งครับ แต่ก็ยังไม่อ้วน” พี่รองพูด
เสี่ยวเชี่ยนนิ่งเงียบ สองคนนี้พูดโกหกได้หน้าตาเฉย ช่วงนี้ต้าอีดูมีน้ำมีนวลขึ้นเยอะจะตาย
ต้าอีคีบขึ้นมาจะกิน แต่ปรากฏว่าพอได้กลิ่นขาหมูเธอกลับรู้สึกอยากอาเจียน จึงคีบไปให้พี่รอง
“คุณกินเยอะๆนะ”
เสี่ยวเฉียงเห็นต้าอีคีบหมูให้พี่รองก็เกิดอาการอิจฉาเล็กน้อย ครั้นแล้วจึงส่งสายตาไปหาเมียตัวเอง
ถึงเวลาแสดงความรักของคู่เหม่ยเฉียงแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นไม่เห็นสายตาของเขาที่จ้องมาแทบตาถลน เธอเอาแต่กิน กินไปชมไป
“ฝีมือแม่อร่อยขึ้นทุกวันเลยนะคะ อร่อยมากเลยค่ะ หอมแต่ไม่เลี่ยน เผ็ดกำลังดี อร่อยจัง”
แม่อวี๋ได้ยินลูกสะใภ้ชมก็เขินใหญ่ เสี่ยวเฉียงแอบหมั่นเขี้ยวเธอ ยัยตัวแสบนี่ทำไมเอาแต่กินลูกเดียว
“ชอบก็กินเยอะๆนะจ๊ะ อะ ลองกินซี่โครงทอดกรอบนี่สิจ๊ะ” แม่อวี๋คีบให้ลูกสะใภ้คนละชิ้นรวมถึงหลานตัวน้อยด้วย
ต้าอีพอเห็นซี่โครงทอดความรู้สึกอยากอาเจียนก็ยิ่งออกชัด แต่เมื่อครู่เธอเอาอาหารที่แม่สามีคีบให้ยกให้พี่รองไปแล้ว จึงเกรงใจไม่กล้าคีบออกอีก กลัวแม่สามีจะคิดว่าเธอรังเกียจ เธอจึงพยายามฝืนกินเข้าไป
สะอิดสะเอียนจัง…
“แม่ฮะผมอยากกิน” เด็กน้อยพ่านพ่านที่รู้สึกได้ว่าต้าอีดูแปลกไปจึงช่วยแก้ปัญหาให้ ต้าอีรีบคีบให้พ่านพ่านประหนึ่งได้ยกภูเขาออกจากอก
แถมเหตุการณ์นี้ยังได้ใจแม่อวี๋ ต้าอีเป็นแม่เลี้ยงที่ใช้ได้ เอาใจใส่พ่านพ่าน เอ็นดูพ่านพ่านเหมือนเป็นลูกของตัวเอง
แต่ในใจของแม่อวี๋ก็ยังแอบหวังอยู่เล็กๆ
อย่างไรเสียพ่านพ่านก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆของต้าอี เธออยากให้อวี๋หมิงอี้กับต้าอีกมีลูกของตัวเองสักคน เพื่อผูกมัดความสัมพันธ์เอาไว้
ในสายตาของแม่อวี๋ลูกชายคนรองของเธอเป็นพ่อม่ายที่มีลูกติด ลูกสะใภ้คนใหม่อายุยังน้อย ถ้ามีลูกสักคนครอบครัวจะได้มั่นคง
แต่พอนึกถึงต้าอีที่ยังเด็ก เปิดเทอมครั้งนี้ยังต้องเรียนปริญญาโทอีกสามปี ความหวังเรื่องมีหลานคงต้องไปอีกสักระยะ
ครั้นแล้วแม่อวี๋จึงเบนสายตาไปที่ประธานเชี่ยนที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย รวมถึงเสี่ยวเฉียงที่กำลังเซ็งเพราะเมียไม่ยอมคีบอาหารให้
“เสี่ยวเชี่ยนจ๊ะ ปีหน้าเรียนดอกเตอร์แล้วใช่ไหมจ๊ะ?”
“ใช่ค่ะ”
“คือว่า น้าได้ยินป้าหลิวที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันบอกว่าลูกสาวเขาก็เรียนดอกเตอร์ ดูเหมือนสองปีแรกจะสบายๆหน่อย”
เสี่ยวเชี่ยนวางซี่โครงลง นี่เธอฉลาดขนาดไหนกัน ได้ยินแม่สามีพูดแบบนี้ก็รู้แล้วว่าเรื่องอะไร
อวี๋หมิงหลางเองก็เข้าใจ ลูกสาวป้าหลิวน่าจะเพิ่งอยู่ไฟไปมั้ง? แม่ของเขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมกัน
“แม่ กินนี่ไหม อร่อยนะ” อวี๋หมิงหลางรีบคีบน่องไก่จะใส่ชามให้แม่อวี๋พลางพูดในใจ ดูซิว่าไก่น่องใหญ่ขนาดนี้จะทำให้หยุดพูดได้ไหม
แต่ยังไม่ทันที่น่องไก่จะถึงชาม เสี่ยวเชี่ยนก็พูดขึ้นมาก่อน
“ไม่ยุ่งค่ะ หนูเลยคิดไว้ว่าปีนี้จะดูแลสุขภาพให้ดี ปีหน้าแพลนจะมีลูก ช่วงแรกที่เรียนไม่หนักจะได้เลี้ยงลูกได้ พอถึงตอนที่หนูเริ่มยุ่งต้องเขียนรายงานลูกก็คงไม่ติดมือเท่าไรแล้ว ถึงตอนนั้นคงต้องรบกวนคุณแม่ให้หาพี่เลี้ยงมาช่วยหน่อยนะคะ”
โวะ
น่องไก่ของอวี๋หมิงหลางตกลงในชามซุปน้ำกระเด็นออกมาโดนใบหน้าที่เหมือนเป็นตะคริวของอวี๋หมิงอี้
อวี๋หมิงอี้เอากระดาษทิชชู่มาเช็ดหน้าอย่างใจเย็น สีหน้าอึ้งๆของน้องชายเขาตอนนี้ตลกเป็นบ้า
“ลูก ลูกเชี่ยน?” เสี่ยวเฉียงเสียงสั่น
เขายังแอบคิดว่าช่วงหลายปีนี้เสี่ยวเชี่ยนคงยังไม่อยากมีลูก ถึงเขาจะเริ่มอยากเป็นพ่อคน แต่ก็ไม่กล้าบอกเธอ ช่วงสองปีนี้ลูกเชี่ยนกำลังเรียนไปได้สวย เขาเองก็รู้ว่าถ้าบอกอยากมีลูกคงจะเร็วไป แต่ตอนนี้มันกะทันหันมาก
แม่อวี๋เองก็นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะพูดออกมาโท่งๆแบบนี้ เธออึ้งไปสักพัก