แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 103
สถานการณ์ในตอนนี้เหมือนกับฝนที่ตกหนักเมื่อคืนนั้นในหกปีก่อนมาก
สวี่รั่วฉิงจ้องมองชายหนุ่มที่เห็นได้ชัดว่าน้ำหนักเกินกว่าที่ตัวเองจะรับไหว แล้วถอนหายใจทีหนึ่ง ด้วยเรี่ยวแรงของตัวเอง ไม่มีทางย้ายตัวชายหนุ่มไปไว้ในห้องนอนข้างในได้แน่
“ประธานลี่?” แล้วสวี่รั่วฉิงก็ลองร้องเรียกลี่ถิงเซิ่งขึ้นอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีผลอะไรเลย
บนใบหน้าหล่อเหลาในตอนปกติของชายหนุ่มนั้น ตอนนี้ได้มีสีแดงเปื้อนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว และลมหายใจที่ร้อนผ่าวก็พ่นลงบนหลังมือของสวี่รั่วฉิง
สวบ ทีหนึ่ง แล้วมือก็หดกลับเข้ามา
เฮ้อ เมื่อไม่มีทางอื่นแล้ว จึงได้แต่ต้องให้เธอพาทั้งคนทั้งเก้าอี้เข้าไปในห้องนอนด้วยแล้ว
สวี่รั่วฉิงใช้รีโมตเปิดประตูห้องที่ซ่อนอยู่ออก “ประธานลี่ ถ้าคุณตื่นมาแล้ว จะมาว่าฉันไม่ได้นะ”
จากนั้น เธอก็เข็นเก้าอี้ แล้วพาทั้งคนทั้งเก้าอี้เข้าไปในห้องนอน และเปิดเครื่องปรับอากาศขึ้น แล้วปรับให้เป็นระบบลมร้อน
หลังจากที่ทำเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว สวี่รั่วฉิงก็โทรไปที่เบอร์โทรศัพท์ของหลี่อาน หลังจากที่ดังสองสามทีแล้ว หลี่อานก็รับสาย
“ผู้ช่วยหลี่ ประธานลี่เป็นไข้หมดสติไปแล้ว” สวี่รั่วฉิงพูดตามความจริง
หลี่อานกำลังช่วยประธานลี่จัดการธุระอยู่ที่ศาลากลางจังหวัดในเมืองหลินชวนอยู่
พอเขาได้ยินคำพูดของสวี่รั่วฉิง ใจก็กระตุกขึ้นทีหนึ่ง แล้วก็รีบแจ้งเลขหมายโทรศัพท์ออกมาให้สวี่รั่วฉิงพรวนหนึ่ง “นี่เป็นเบอร์โทรศัพท์หมอส่วนตัวของประธานลี่ คุณรีบโทรหาเขา! ตอนนี้ผมยังกลับไปทันทีไม่ได้ คงต้องพึ่งคุณแล้ว!”
ว่าแล้วว่าช่วงนี้ประธานลี่ทำงานยุ่งมาก จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ ๆ!
แล้วดูนี่ ถึงกับเป็นไข้หมดสติไปในบริษัทเลย!
สวี่รั่วฉิงจดเบอร์โทรศัพท์ที่หลี่อานบอกกับเธอไว้ จากนั้นก็รีบกดหมายเลขโทรศัพท์แล้วกดโทรออกไปอย่างรวดเร็วราวกับน้ำไหล
หนึ่งนาทีให้หลัง โทรศัพท์โทรติดแล้ว และมีเสียงผู้ชายที่ฟังดูอายุยังน้อยเสียงหนึ่งลอยมา
น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจอยู่เสี้ยวหนึ่ง “ใครครับ?”
สวี่รั่วฉิงอึ้งไปหนึ่งวินาที หมอส่วนตัวของประธานลี่อายุน้อยเกินไปหรือเปล่า?
แต่ว่าไม่นานสวี่รั่วฉิงก็ตั้งสติกลับมาได้ แล้วก็รักษาท่าทีที่เป็นมืออาชีพไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งขึ้นว่า “สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของประธานลี่ ตอนนี้ประธานลี่เป็นไข้สูงค่ะ ต้องรบกวนคุณหมอมาที่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปสักเที่ยวนะคะ ขอบคุณค่ะ”
ชายหนุ่มที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เงียบไปหลายวินาที แล้วก็หัวเราะพรืดขึ้นมาคำหนึ่ง
ความสงสัยในใจของสวี่รั่วฉิงก็ยิ่งลึกเข้าไปอีก
จากนิสัยของลี่ถิงเซิ่งนั้น สามารถอดทนกับหมอส่วนตัวที่นิสัยแปลกประหลาดคนหนึ่งแบบนี้ได้ยังไงกัน?
“คุณหมอคะ?” สวี่รั่วฉิงถามขึ้น
หมอหนุ่มที่ลึกลับและน่าแปลกคนนั้นถามกลับขึ้นว่า “ทำไมผมถึงไม่รู้ว่าข้างกายของลี่ถิงเซิ่งยังมีผู้ช่วยสาวอยู่ด้วย? คุณเป็นผู้ช่วยสาวของเขาจริง ๆ เหรอ?”
สวี่รั่วฉิง “……”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าลี่ถิงเซิ่งเป็นไข้สูง และผู้ชายคนนี้เป็นหมอส่วนตัวของลี่ถิงเซิ่งละก็
จากนิสัยของสวี่รั่วฉิงแล้ว จะต้องหลังจากที่พูดคุยกันอย่างแปลก ๆ แล้วก็จะต้องวางสายไปแน่
สวี่รั่วฉิงหน้ายิ้มแต่ในใจไม่ยิ้ม “ใช่ ฉันเป็นผู้ช่วยใหม่ของประธานลี่ ในเมื่อก็ได้แจ้งคุณหมอให้ทราบแล้ว หวังว่าคุณจะรีบมาให้ถึงนะคะ”
หลังจากที่พูดจบ สวี่รั่วฉิงก็วางสายไปก่อนอย่างมีมารยาท
เธอรู้สึกว่าถ้าตัวเองยังพูดต่อไป จะต้องโดนผู้ชายคนนั้นทำให้โมโหจนตายแน่
“……เสียงดัง”
หลังจากที่สวี่รั่วฉิงวางสายไปแล้ว ริมฝีปากที่แห้งผากของผู้ชายที่นั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ก็พูดเสียงที่แหบแห้งออกมาคำหนึ่ง
“ประธานลี่ คุณตื่นแล้วเหรอคะ?” ดวงตาของสวี่รั่วฉิงค่อย ๆ กะพริบขึ้น แล้วก็เอาโทรศัพท์ใส่เข้าไปในกระเป๋าเล็ก ๆ ของเสื้อสูท
บนใบหน้าของลี่ถิงเซิ่งยังมีสีแดงระเรื่อบาง ๆ อยู่ชั้นหนึ่ง
ไม่เพียงแค่ใบหน้า ใบหูก็ยังแดงอยู่บ้าง
แค่ดูก็รู้ว่าต้องตัวร้อน
ลี่ถิ่งเซิ่งไม่มีเรี่ยวแรงทั้งตัว หนังตาก็หนักอึ้ง
วันนั้นระหว่างทางที่กลับมาจากคฤหาสน์คุณนายใหญ่ตระกูลลี่ แล้วโดนลมเย็นก็เลยไม่สบายเข้า
หลายวันมานี้เขาก็กินยาแก้หวัดมาตลอด หลี่อานเกลี้ยกล่อมให้เขาพักผ่อนอยู่บ้านดี ๆ แต่เขาไม่ฟัง
คิดไม่ถึงว่าวันนี้ กลับเป็นไข้สูงในเวลาทำงานไปได้
เมื่อกี้เสียงที่หญิงสาวพูดคุยโทรศัพท์กับคนอื่น มีความดังหนวกหูอยู่บ้าง ลี่ถิงเซิ่งจึงลืมตาขึ้นอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย หลังจากที่กวาดมองรอบข้างรอบหนึ่ง ก็พบว่าตัวเองได้มาถึงห้องนอนข้างในแล้ว
“……อืม” ลี่ถิงเซิ่งรู้สึกว่าหัวของตัวเองหนักมาก
เขาลุกขึ้น แล้วความวิงเวียนก็เกิดขึ้นมาระลอกหนึ่ง
สวี่รั่วฉิงรีบประคองมือของเขาไว้ทันที
“ประธานลี่ คุณระวังหน่อยซิ” สวี่รั่วฉิงตกใจแทบตาย
คิดไม่ถึงว่าเวลาเป็นไข้ ลี่ถิงเซิ่งจะมีท่าทางที่น่ารักแบบเด็กไปได้
มือของเขาร้อนมาก
สวี่รั่วฉิงกำลังอยากจะชักมือของตัวเองกลับมา แต่กลับโดนชายหนุ่มกดเอาไว้ซะก่อน
ฮือ? นี่มันจะทำอะไรกันเนี่ย?
สวี่รั่วฉิงลืมตาโตแล้วมองไปที่ชายหนุ่ม
“ประธานลี่? ในเมื่อคุณก็ยืนได้มั่นคงแล้ว งั้นก็……”
“ประคองผมไปที่เตียงหน่อย”
สวี่รั่วฉิง “……”
ประธานลี่ คุณเป็นไข้นะ ไม่ได้เดินไม่ได้สักหน่อย สวี่รั่วฉิงพร่ำบ่นอย่างหมดเรี่ยวแรงอยู่ในใจ
แต่แน่นอนว่าต่อหน้านั้นเธอไม่กล้าพูดแบบนี้อยู่แล้ว
สวี่รั่วฉิงใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มแล้วตอบว่า “ได้ค่ะ ประธานลี่”
มือของเธอที่โดนลี่ถิงเซิ่งจับไว้อยู่ตลอด ตอนแรกนั้นเย็นเฉียบ แต่ในตอนที่ชายหนุ่มปล่อยออกนั้น กลับเปลี่ยนเป็นร้อนระอุแล้ว
สวี่รั่วฉิงยังไม่รู้อีกว่า หูของเธอก็ได้เปลี่ยนเป็นแดงไปด้วยแล้วอย่างไม่รู้ตัว
ดวงตาที่เหนื่อยล้าและหนักอึ้งของลี่ถิงเซิ่ง ค่อย ๆ หรี่มองทีหนึ่ง แล้วเก็บเอาภาพใบหูที่แดงของสวี่รั่วฉิงเข้าสู่สายตา จากนั้นก็หัวเราะเสียงต่ำอย่างน่าขำขึ้น
เขาค่อย ๆ ถอดเสื้อสูทออกอย่างเชื่องช้า แล้วยื่นให้กับสวี่รั่วฉิง
สวี่รั่วฉิงอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วรับมาอย่างอัตโนมัติ
“ประธานลี่ เมื่อกี้ฉันได้โทรติดต่อกับหมอส่วนตัวของคุณแล้ว อีกเดี๋ยวเขาก็น่าจะมาถึงแล้ว”
ลี่ถิงเซิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ปฏิกิริยาบนใบหน้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
นิ้วมือที่เห็นกระดูกได้อย่างชัดเจน ค่อย ๆ แกะเนกไทออก แล้ววางไว้บนตู้หัวเตียง
จากนั้น นิ้วมือที่ขาวซีดก็แกะกระดุมคอเสื้อเชิ้ตออกหนึ่งเม็ด และผิวหนังผืนหนึ่งก็โผล่ออกมา
สวี่รั่วฉิงหันสายตาไปอย่างอัตโนมัติ
ลี่ถิงเซิ่งที่กำลังเป็นไข้อยู่แผ่เสน่ห์ของเพศชายออกมา จนทำให้จังหวะหัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น
“คุณลางานไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” ลี่ถิงเซิ่งพิงหัวเตียงอยู่ แล้วก็หยิบแท็บเล็ตที่อยู่บนตู้หัวเตียงมาเปิดออก แล้วก็เริ่มดูการเคลื่อนไหลของหุ้นของบริษัทขึ้นมา
แล้วสวี่รั่วฉิงก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนแรกเธอลางานบ่ายวันนี้เพื่อที่จะไปส่งซูจิ่วเอ๋อร์นี่
“ประธานลี่ คุณเป็นอย่างนี้แล้วฉันจะลางานออกไปได้ยังไงกัน ผู้ช่วยหลี่ก็ไม่อยู่ ก่อนที่หมอส่วนตัวของคุณจะมาถึง ถ้าเกิดคุณหมดสติไปอีกจะทำยังไงล่ะ? ในห้องทำงานไม่ได้มีฉันคนที่สองหรอกนะ” สวี่รั่วฉิงพูดขึ้น แล้วเอาโทรศัพท์ออกมา และส่งข้อความให้ซูจิ่วเอ๋อร์ข้อความหนึ่ง
“จิ่วเอ๋อร์ ที่บริษัทมีเรื่องกะทันหัน คงจะไปส่งเธอไม่ได้แล้ว”
กดส่ง
ลี่ถิงเซิ่งเหล่มองทีหนึ่ง แล้วดื่มน้ำคำหนึ่ง และก็ไม่ได้พูดอะไร
ช่วงนี้เขาเหนื่อยเกินไปแล้วจริง ๆ
แต่ว่าเสียงที่แอนนาเรียกชื่อของเขาเมื่อกี้นั้น กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยมากขึ้น
ราวกับว่าเมื่อหกปีก่อน ได้มีคนเคยใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดคุยอยู่ข้างหูเขายังไงอย่างงั้น
ลี่ถิงเซิ่งหลับตาลง เอาความคิดที่อยู่ในหัวสมองสลัดทิ้งไป แล้วรวบรวมความสนใจมาอยู่บนหน้าจอแท็บเล็ต
สวี่รั่วฉิงเทน้ำเย็นออกมาจากห้องน้ำกะละมังหนึ่ง หลังจากที่จุ่มให้ผ้าขนหนูจนเปียกหมดแล้ว ก็ยื่นให้กับลี่ถิงเซิ่ง
“ประธานลี่ ในห้องทำงานไม่มีถุงน้ำแข็ง ใช้อันนี้ไปก่อนละกันนะคะ”
มือของหญิงสาวเย็นเฉียบ ทาบลงบนหน้าผากที่ร้อนผ่าวของชายหนุ่ม
แล้วอยู่ ๆ มือใหญ่ที่ร้อนผ่าว ก็คว้าข้อมือของเธอเอาไว้
เรี่ยวแรงที่มากมาย ทำให้สวี่รั่วฉิงไม่มีทางที่จะขัดขืนออกได้เลย
“ประธานลี่ นี่คุณ……?”
“ให้ผมพักผ่อนครู่หนึ่ง” ในน้ำเสียงที่แหบแห้งของลี่ถิงเซิ่งแฝงอารมณ์บางอย่างที่ทำให้สวี่รั่วฉิงรู้สึกกลัวและไม่เข้าใจอยู่อีกเล็กน้อย
มือของสวี่รั่วฉิงนั้นเย็นมาก จึงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถผ่อนคลายหัวที่ปวดจนจะระเบิดอยู่ของลี่ถิงเซิ่งในตอนนี้
สวี่รั่วฉิงอ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง
“อ๋อ……ได้ค่ะ”
แล้วในตอนที่ชายหนุ่มกุมมือของเธออยู่นั้น อยู่ ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกผลักออก
“เฮ้ ได้ยินว่าคุณเป็นไข้แล้วเหรอ?”