แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 156
หลี่อานเบ้ปาก คำพูดของประธานลี่ประโยคนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าแอนนาเป็นผู้หญิงดุหรือ…..
ประธานลี่ไปทำอะไรให้แอนนา ทำไมแอนนาถึงต้องโกรธขนาดนี้?
แต่แอนนาก็กล้ามากนะ กล้าที่จะไปกัดประธานลี่
“ยังมีเรื่องอะไรอีกมั้ย?” เสียงที่จืดชืดออกมาจากปาก ของลี่ถิงเซิ่ง สายตาเขาไม่ได้ดูที่คอมพิวเตอร์ แต่เขาเอาเอกสารอสังหาริมทรัพย์ที่ยังตรวจอ่านไม่เสร็จออกมา และเริ่มดูเอกสาร
“ประธานลี่ เครื่องหอมที่แอนนาจอง ตามกำหนดการน่าจะมาถึงคืนนี้”
นิ้วของลี่ถิงเซิ่งเปิดเอกสารอ่านอยู่เรื่อยๆ เขาตอบแค่ว่า “อืม” “เรื่องนี้ฝากนายดูแลด้วย” พูดจบ เขาจบการวิดีโอคอลและหรี่ตาดูเอกสารอยู่ เขารู้สึกคอแห้ง ออกจากห้องสมุดและลงไปดื่มน้ำที่ชั้นล่าง
“ซี๊ด……” เมื่อน้ำไปโดนบริเวณที่แอนนากัด ความเจ็บปวดก็ที่บาดใจก็ผุดขึ้นมา
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาทนเจ็บดื่มน้ำเพื่อทำให้ชุ่มชื้นคอแล้วกลับไปที่ห้องสมุดอีกครั้ง ไปส่องกระจก
“ช่างโหดร้ายจริงๆ” ลี่ถิงเซิ่งพูดอยู่คนเดียว เขาหยุดเดิน เอามือไปจับที่ริมฝีปากของตัวเอง
ภาพที่ผู้หญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้และทำท่ามองมาข้างล่างได้ปรากฏขึ้นในสมองของเขา
ลี่ถิงเซิ่งอดไม่ได้ที่จะขำแล้วส่ายหัวอย่างหมดหนทาง
เป็นคนที่ร้ายกาจไม่เบานะ ปกติกลับแสดงเป็นเด็กที่ไร้เดียงสา
แต่ครั้งนี้ทนไม่ไหว ท่าทางที่คลื่นโหมทำให้คนชอบ
แต่อรรถรสของการจูบก็ยังแย่เหมือนเดิม
……
ตอนเที่ยงผ่านไป ซูจิ่วเอ๋อร์ได้รับข้อความจากสวี่รั่วฉิง ก็ขับรถพาสวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานกลับไปที่บ้าน
ตอนที่สวี่รั่วฉิงเปิดประตู ซูจิ่วเอ๋อร์ได้สังเกตเห็นริมฝีปากของเธอบวมแดงเล็กน้อย
ซูจิ่วเอ๋อร์เข้าไปใกล้เธอมากและหรี่ตามอง: “พูดความจริงมานะ ระหว่างเธอกับลี่ถิงเซิ่งเกิดอะไรขึ้น?”
สวี่รั่วฉิงมองบนเธอคิดว่าการจูบกับลี่ถิงเซิ่งจะไม่รุนแรง แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อล้างเครื่องสำอางแล้ว ริมฝีปากก็มีอาการบวมแดงเล็กน้อย
เธอเปิดประตูให้กว้างขึ้นและเรียกสวี่อี้ฝานและสวี่อี้หานเข้ามา
เจ้าสองคนนี้เปลี่ยนรองเท้าเสร็จก็ได้เข้าห้องน้ำไป
ห้องโถงเหลือเพียงซูจิ่วเอ๋อร์และสวี่รั่วสองคน
ซูจิ่วเอ๋อร์สองแขนกอดอกไว้และจ้องหน้าเพื่อนรักของเธออย่างไม่ละสายตา
ดีเลย นับเวลาแล้ว พวกเขาพึ่งออกจากสนามบินได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็ไม่รู้ว่าที่นั่นงดงามแล้วด้วย
สวี่รั่วฉิงมองไปที่สีหน้าท่าทางของซูจิ่วเอ๋อร์ก็รู้เลยว่าซูจิ่วเอ๋อร์ต้องคิดอะไรที่ไม่ดีอยู่แน่เลย เธอได้ตบไปที่หน้าผากของซูจิ่วเอ๋อร์: “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เธออย่าคิดไปเอง!”
“อ้อ? เธอไปกินหมาล่าเครย์ฟิชจนริมฝีปากบวมแดงหรือ?” ซูจิ่วเอ๋อร์ถามกลับ
สวี่รั่วฉิง: “…..งั้นเธอก็ถือว่าฉันกินหมาล่าเครย์ฟิชจนริมฝีปากบวมก็แล้วกัน”
ซูจิ่วเอ๋อร์ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา: “การกระทำกับคำพูดไม่ตรงกัน”
ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ที่เมืองหลินชวนนาน คืนนี้เธอได้จ้องตั๋วเครื่องบินเสร็จเรียบร้อย พรุ่งนี้เตรียมที่จะออกจากเมืองหลินชวน
สวี่รั่วฉิงพาซูจิ่วเอ๋อร์ไปที่สนามบินก่อนที่จะเช็คอินซูจิ่วเอ๋อร์กระซิบไปข้างหูของสวี่รั่วฉิง: “เรื่องของป้าหวังฉันจะจับตาดู แต่ฉันแนะนำให้เธอบอกเป็นนัยๆให้ลี่ถิงเซิ่งหน่อย ในเมืองหลินชวนไม่มีเครือข่ายสารสนเทศไหนจะสู้ของลี่ซื่อกรุ๊ปได้ แต่ฉันก็แค่แนะนำก็อยู่ที่เธอแล้วว่าจะยอมหรือไม่”
สวี่รั่วฉิงตอบด้วยเสียงเบาๆ
ซูจิ่วเอ๋อร์พูดก็มีเหตุผล เพราะในเมืองหลินชวนไม่มีเครือข่ายสารสนเทศของตระกูลคนรวยไหนจะสู้ของลี่ซื่อกรุ๊ปได้ ถ้าใช้เครือข่ายสารสนเทศของลี่ซื่อกรุ๊ปในการสืบหาเบาะแสของป้าหวังจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่า
“โธ่…..” สวี่รั่วฉิงถอนหายใจเสียงดัง
แบบนั้นไม่เหมือนเป็นการหลอกใช้ลี่ถิงเซิ่งหรือ?
สวี่รั่วฉิงปวดหัวพัวพันกันอุตลุด
วันจันทร์เมื่อสวี่รั่วฉิงพึ่งถึงสำนักงาน ก็เห็นลี่ถิงเซิ่งเตรียมที่จะออกจากสำนักงาน
รอยแผลที่ถูกเธอกัดอยู่ปรากฏอยู่บนริมฝีปากลี่ถิงเซิ่ง รอยแผลนั้นยังเห็นได้ชัดเลย
คนที่สายตาดีมองเพียงแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นรอยอะไร
สวี่รั่วฉิงเงียบไปและไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะตอนนั้นที่เธอทำลงไปเพราะอารมณ์ล้วนๆ เธอทำโดยไม่ได้คิดก็เลยกัดไปที่ริมฝีปากเขา
ตอนนี้มาคิดอย่างละเอียดแล้วที่เธอไม่ถูกไล่ออก อาจจะเป็นเพราะว่าฝีมือการปรุงน้ำหอมของเธอมีความสำคัญต่อลี่ถิงเซิ่งมาก
ลี่ถิงเซิ่งมองไปหาเธอแว๊บเดียวก็รู้แล้วว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ริมฝีปากของผู้ชายคนนี้เปิดออก เสียงดูจืดชืดไร้ความรู้สึกอย่างบอกไม่ถูก: “หลังยี่สิบนาที มาประชุมที่ห้องประชุม127B”
พูดแล้วเขาไม่ได้หันมามองและเดินออกจากสำนักงานไป
หลี่อานได้รออยู่หน้าประตูเมื่อเห็นลี่ถิงเซิ่งออกมา เขารีบตามไป: “ทั้งหมดได้ตรวจเช็คเรียบร้อยแล้วครับ เครื่องหอมที่แอนนาเจรจามาได้เป็นเครื่องหอมที่คุณภาพดีมาก ถึงขั้นที่คนในสายการผลิตยังพูดอะไรไม่ออกเลย”
“นอกจากเครื่องหอมของซูซื่อกรุ๊ปแล้ว ยังมีของใครอีกบ้าง?”
“ยังมีของตระกูลโทมัส”หลี่อานตอบ
” หลี่อานตอบ
แววตาของลี่ถิงเซิ่งปรากฏครุ่นคิด วิธีการและสังคมของผู้หญิงกว้างใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้เยอะ
หลี่อานเห็นลี่ถิงเซิ่งเงียบไปอดไม่ได้และถามไปว่า: “มีปัญหากับตระกูลโทมัสหรือ?”
ลี่ถิงเซิ่งพูดออกมาเบาๆ : “ตระกูลสูงศักดิ์ก่อนหน้าของฝรั่งเศส ผู้ผลิตเครื่องหอมชื่อดังระดับโลก”
เมื่อสิ้นเสียง ลี่ถิงเซิ่งเดินเข้าลิฟต์ไป
คนที่รอเขาอยู่ก็คือผู้รับผิดชอบของสายการผลิตและสายการจำหน่าย และผู้บริหารชั้นสูงของบริษัทที่เคยสงสัยในตัวสวี่รั่วฉิงมาถึงก่อน
นอกจากลี่ถิงเซิ่งแล้ว ในบริษัทไม่มีใครเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ผู้หญิงอายุน้อยและสวยคนนี้ กลับทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ และหาเครื่องหอมที่ทางบริษัทต้องการอย่างเร่งด่วนมาได้
คนในสายการผลิต ผู้ชายที่ทำงานในลี่ซื่อกรุ๊ปเป็นเวลานานอดไม่ได้ที่จะยกย่อง: “สายการผลิตที่ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนหลังจากนี้ถึงจะเริ่มการผลิตได้ อาทิตย์นี้ก็สามารถที่จะเปิดสายผลิตใหม่ได้แล้ว โดยผู้สนับสนุนเครื่องหอมคือซูซื่อกรุ๊ปและโทมัส แอนนาเธอเป็นใครกันแน่?”
“อย่างที่เขาว่ากันเครื่องหอมที่ดีแบบนี้ไม่ควรนำไปผลิตในสายการผลิตแบบนี้!ประธานลี่ เครื่องหอมที่ดีแบบนี้ ไม่ควรนำมาผลิตน้ำหอมโดยผ่านกระบวนการแบบนี้นะ”
ลี่ถิงเซิ่งหลับตาขี้เกียจฟังคนพวกนี้คุยกัน
ลี่ถิงเซิ่งพูดออกมาเบาๆว่า: “เครื่องหอมที่ใครเจรจามาได้ ใครก็เป็นคนตัดสินใจ”
คำพูดประโยคเดียวทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบไปเลย
“ประธานลี่อยากให้แอนนาเป็นคนตัดสินใจ”
“เธอที่พึ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทได้ไม่นาน สิทธิ์การตัดสินใจกลับไปอยู่ที่เธอหรือ?”
“แล้วคุณไม่พอใจอะไร เธอสามารถเจรจาให้ผู้ขายชื่อดังในยุโรปขายเครื่องหอมให้กับบริษัทเรานะ คุณสามารถทำได้มั้ยละ? คุณคงไม่มีความสามารถนั้นหรอก”
“จุ๊ๆ พวกคุณเงียบกันก่อน สังเกตรอยบริเวณริมฝีปากของประธานลี่สิ”
เวลานี้ทุกคนเงียบไปแล้วจ้องมองไปที่ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะที่กำลังหลับตาพักสายตาอยู่นั่น
เยี่ยมมากรอยจูบที่ชัดเจนแบบนี้คงเป็นรอยจูบที่ตั้งใจทำให้หลงเหลือไว้
ผู้บริหารชั้นสูงมองกันไปมองกันมา
และค่อยๆคุยกระซิบกันไปมา
“รอยนั้นคงไม่ใช่แอนนาที่เป็นคนกัดหรอกนะ…..”
“คงไม่ใช่สวี่รั่วยี ได้ข่าวมาประธานลี่ไม่ได้กลับไปบ้านของสวี่รั่วยีและเขานานแล้ว ตอนนี้เขาอยู่กับเฉินซานตลอด”
“ผมทำงานที่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมานาน เป็นครั้งแรกที่ประธานลี่มาทำงานพร้อมรอยจูบที่ริมฝีปากนะ…..แผลดูชัดเจนมากเห็นแล้วเจ็บแทนเลย”
สวี่รั่วฉิงพึ่งถึงที่ห้องประชุมก็ได้ยินประโยคนี้ขึ้นมา
สวี่รั่วฉิง: “……