แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - ตอนที่ 42
บทที่ 42 ลี่ถิงเซิ่งได้กลิ่นหอมจากตัวของสวี่รั่วฉิง
ลี่ถิงเซิ่งมองไปยังสวี่รั่วฉิงด้วยสายตาที่ระมัดระวัง
“ผู้ช่วยแอนนา คนเราหากโลภเกินไปก็ไม่ดีนะ”น้ำเสียงของลี่ถิงเซิ่งราบเรียบ ไม่แสดงออกถึงอารมณ์ความรู้สึกพิเศษใดๆ “อย่าคิดว่าตัวเองฉลาด เพราะเดี๋ยวสุดท้ายฉลาดมากเกินไปก็อาจเสียรู้ได้”
เธอคิดไกลเกินไป ถึงขนาดจะให้เขาสัญญาว่าจะปกป้องเธอตลอดไป
ลี่ถิงเซิ่งยอมรับว่า ในด้านนี้แอนนาน่าสนใจเป็นอย่างมาก
แต่ว่าเขาคงไม่สามารถให้คำสัญญากับแอนนาตลอดไปได้
……
เดิมที่สวี่รั่วฉิงก็ไม่ใช่คนว่านอนสอนงานอยู่แล้ว
หลังจากที่เธอรับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหารของพนักงานและพูดคุยเรื่องงานกับหลี่อานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็ไม่ได้กลับมายังห้องทำงาน และกลับหิ้วกระเป๋าแล้วออกไปจากบริษัท
เธอไม่ได้โง่สักหน่อย ในเมื่อเจ้านายให้โอกาสเธอได้หยุดครึ่งวันแล้ว แล้วเธอจะมัวนั่งอยู่ที่บริษัททำไม?
เมื่อสวี่รั่วฉิงกลับมาถึงบ้าน ก็ถอดรองเท้า แล้วเปิดโน๊ตบุ๊คตอบกลับอีเมลของลูกค้า
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอก็เอนตัวพิงที่โซฟาแล้วเริ่มเคลิ้มหลับ ไม่นานโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
สวี่รั่วฉิงลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเล คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ที่แท้ลี่ถิงเซิ่งเป็นคนโทรมานี่เอง
เธอรับโทรศัพท์อย่างเกียจคร้าน “ประธานลี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ตนเองเพิ่งจะได้นอนพักผ่อนที่บ้านได้ไม่นาน ก็ถูกปลุกให้ตื่นเสียแล้ว
คงไม่กลับคำให้เธอกลับไปทำงานต่อหรอกนะ?
“คุณอยู่ที่ไหน”น้ำเสียงของชายหนุ่มเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง
สวี่รั่วฉิงนึกถึงสิ่งที่ลี่ถิงเซิ่งกำชับเมื่อเช้านี้ ดวงตาที่อิ่มเอิบของเธอกลอกไปมาเล็กน้อย และรีบเปิดละครตอนหนึ่ง
ไม่นาน เสียงจ้อกแจ้กก็ดังเข้าไปในโทรศัพท์
“ประธานลี่ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ห้างค่ะ คุณบอกฉันเองไม่ใช่เหรอคะว่าพรุ่งนี้ให้ไปงานเลี้ยงของสองสามีภรรยาสามีภรรยาฮิลล์เป็นเพื่อนคุณ?ตอนนี้ฉันกำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าLIK คุณลองฟังเสียงดูสิคะ ข้างๆฉันยังมีเสียงคนพูดคุยกันอยู่เลย!”
ลี่ถิงเซิ่งยิ้มอย่างเย็นชา
“ปกติแอนนาเธอก็ฉลาดดีหนิ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้แสดงความโง่ออกมาล่ะ ห้างสรรพสินค้าLIKเป็นห้างหรูที่อยู่ในความดูแลของลี่ซื่อกรุ๊ปหากคนของผมไปที่นั่น ผมจะไม่รู้เลยเหรอ?”
สวี่รั่วฉิง:“……”
เธอนิ่งเงียบครู่หนึ่งอย่างไร้ซึ่งทางเลือก
“ประธานลี่ ฉันไม่ได้อยากเข้าไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณสวี่จริงๆนะคะ ฉันยอมรับว่าคุณหน้าตาหล่อเหลา และฉันก็ไม่เคยเจอใครที่ถูกใจฉันเหมือนคุณ แต่ฉันรู้ดีว่า ฉันมันไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่เป็ดน้อยอย่างฉันก็ไม่อยากกลายเป็นหงส์ในชั่วข้ามคืนและเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลลี่ หากดึงฉันเข้าไปพัวพันมากเกินไป เมื่อถึงเวลานั้น คุณสวี่และแม่ของคุณเกิดอาฆาตแค้นฉัน แล้วฉันจะมีที่ยืนในเมืองหลินชวนได้ยังไง”
สวี่รั่วฉิงพูดจามีเหตุผล
ลี่ถิงเซิ่งได้ส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และพบว่าเมื่อวานนี้ผู้หญิงคนนี้ถูกเรียกเข้าไปพบที่คฤหาสน์ตระกูลลี่จริงๆ
และสวี่รั่วยีก็ทำลายข้าวของของเธอต่อหน้าเขา
มือของลี่ถิงเซิ่งกำโทรศัพท์ไว้แน่น “ขอเพียงคุณอยู่ในที่ที่ผมมองเห็นได้ ผมรับรองว่าคุณจะไม่เป็นอันตรายใดๆ”
สวี่รั่วฉิงยิ้มอ่อน:“ประธานลี่ ฉันรู้ว่าคุณมีอำนาจมากมาย เมืองหลินชวนล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ แต่หากมีสถานที่ที่คุณมองไม่เห็นล่ะ?ดูถูกดูแคลนอะไรก็ได้ แต่คุณอย่าดูแคลนความแค้นของผู้หญิงอย่างเด็ดขาด”
ลี่ถิงเซิ่งขมวดคิ้ว ไม่นานเขาก็ถามขึ้นว่า:“คุณยังมีอะไรที่จะพูดอีกไหม”
สวี่รั่วฉิงครุ่นคิด:“ฉันขอเรียกคืนคำพูดของฉันเมื่อสักครู่นี้ ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีปัญญาที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองจะเป็ดขี้เหร่ให้กลายเป็นหงส์นะคะ ……ฉัน เดิมทีฉันก็คือหงส์”
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเบาๆ คิ้วขมวดเข้าหากัน
วันนี้เธอคิดอะไรอยู่กันแน่นะ!
สวี่รั่วฉิงพับโน๊ตบุ๊คของตนเองเก็บ “ประธานลี่ คำสัญญาของคุณฉันจะจำใส่ใจไว้ อย่างน้อยระหว่างค่ำคืนงานเลี้ยงที่ฉันไปเป็นคู่ควงของคุณ ฉันหวังว่าฉันคงไม่ประสบกับเหตุการณ์ที่ฉันได้เจอเมื่อวานนี้ ฉันก็แค่ต้องการทำหน้าที่ในฐานะพนักงานคนหนึ่งของลี่ซื่อกรุ๊ปจนครบสัญญาเท่านั้น”
หลังจากวางสายลง สวี่รั่วฉิงก็ไม่ได้แต่งหน้า เธอใส่แว่นตาดำเพื่อบดบังหน้าสดของตนเอง แล้วเดินออกไปจากบ้าน
หลังจากที่เธอกลับมาถึงบ้านเธอก็ถอดชุดสูทออก
ตอนนี้เธอสอมใส่กางเกงยีนส์ทำให้เผยขาที่เรียวยาวออกมา หากมีคนผ่านมาได้เห็น ก็คงจะตื่นตะลึงกับผิวขาวเนียนของเธอ
แม้ว่าลี่ถิงเซิ่งจะไม่ได้สัญญากับเธอตลอดไป แต่ว่าด้วยนิสัยของเขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น
ขอเพียงแค่เธอสามารถแก้แค้นได้สำเร็จในช่วงระยะเวลาที่เขารับปาก ……
สวี่รั่วฉิงคิดขระที่เดินออกมาจากลิฟต์ ขณะที่ออกจากคอนโดกำลังจะไปเอารถที่โรงรถ เธอก็เห็นรถสปอร์ตสีดำคันหนึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
ในเวลานี้ชายหนุ่มควรที่จะทำงานอยู่ที่ลี่ซื่อกรุ๊ป แต่เขากลับนั่งอยู่ในรถและจอดอยู่ข้างทาง
สวี่รั่วฉิงถอดแว่นตาดำออกด้วยความประหลาดใจ เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นหน้าสดของลี่ถิงเซิ่ง
“ประธานลี่ ทำไมคุณมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ ……”
เมื่อตอนกลางวันหลังจากที่สวี่รั่วฉิงกลับมาถึงบ้านสิ่งแรกที่เธอทำก็คือล้างเครื่องสำอางค์ออก
ในเวลานี้ใบหน้ารูปไข่ผิวขาวของเธอก็เผยออกมา นอกจากเครื่องสำอางบำรุงผิวแล้ว เธอก็ไม่ได้ทาอะไรเพิ่ม
สายตาของชายหนุ่มเห็น ผิวขาวที่เผยออกมาเพาะมีเพียงแป้งฝุ่นบางๆที่ปกคลุม คิ้วที่เรียวยาว ดวงตาที่เป็นประกาย
หากไม่ได้เป็นเพราะเขาได้อ่านประวัติของเธอว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศและอายุมากกว่ายี่สิบปีจริง
มิฉะนั้นแล้วลี่ถิงเซิ่งก็คงจะไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่ดูบริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปนนี้ คือนักผสมกลิ่นน้ำหอมอันดับหนึ่งของโลก
ในวันปกติเธอมักแสร้งทำทีสุขุม แต่ผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้านี้หลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สายตาของชายหนุ่มจับจ้องไปที่สวี่รั่วฉิง มองไปยังใบหน้าที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอางศ์ และกวาดสายตามองไปยังขาที่เรียวยาว ไม่นานก็เม้มริมฝีปากและพูดขึ้นว่า :“ขึ้นรถสิ”
“ประธานลี่ ฉันจะไปเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ห้าง คุณก็จะตามไปด้วยเหรอ?”สวี่รั่วฉิงสวมแว่นอีกครั้งเพื่อปกปิดหน้าสดของเธอ
เธอรู้สึกเสียใจภายหลัง เพราะหากเธอรู้ว่าลี่ถิงเซิ่งจะมา เธอก็คงจะแต่งหน้าก่อนลงมา
คนที่เคยเห็นหน้าสดของเธอมีไม่มาก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือซูจิ่วเอ๋อร์
ซูจิ่วเอ๋อร์เคยส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า:“รั่วฉิง หากเธอต้องการให้เธอดูสุขุมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ……เพราะเธอแบ้วมาก!”
สวี่รั่วฉิงเม้มริมฝีปาก หน้าตาเป็นสิ่งที่พ่อแม่เธอให้มา เธอก็จนปัญญาจริงๆ
หากต้องการเข้ามาอยู่ในวงการนี้ เธอจำเป็นต้องปกปิดความไร้เดียงสาของเธอ เพราะคงจะให้ใครๆรู้สึกว่าเธอยังวัยรุ่นอยู่ไม่ได้
ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงแต่งหน้าเข้ม เพื่อทำให้ตนเองดูสุขุมขึ้น
ลี่ถิงเซิ่งเหลือบมองไปยังเบาะด้านข้าง “รัดเข็มขัดนิรภัยซะ”
กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของสวี่รั่วฉิง อบอวลไปทั่วรถ
การที่ลี่ถิงเซิ่งให้สวี่รั่วฉิงอยู่ข้างกายของเขา นอกจากจะเป็นเพราะว่าเธอมีพรสวรรค์ในการผสมน้ำหอมแล้ว กลิ่นหอมอ่อนๆที่ออกมาจากตัวเธอยังทำให้เขานอนหลับสบายอีกด้วย
นับตั้งแต่ที่สวี่รั่วฉิงเข้ามาทำงานที่ลี่ซื่อกรุ๊ป หลังจากที่เขากลับบ้านก็แทบไม่ต้องพึ่งพาน้ำหอมของสวี่รั่วยี เพื่อให้เขานอนหลับสบายอีกเลย
“วันนี้คุณฉีดน้ำหอมมาเหรอ เป็นกลิ่นที่คุณผสมเองเหรอ?”ลี่ถิงเซิ่งถาม
สวี่รั่วฉิงส่ายหัว“วันฉันไม่ได้ฉีดน้ำหอมค่ะ”
แม้ว่าเธอจะเป็นนักผสมกลิ่นน้ำหอม แต่เธอก็ฉีดน้ำหอมน้อยมาก
เพราะเธอกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อประสาทในการแยกกลิ่นของเธอ และสองก็เพื่อลูกค้า
หากถูกค้าที่มาให้เธอผสมน้ำหอมให้ ได้รับผลจากกลิ่นน้ำหอมที่เธอใช้ ก็จะไม่รู้ว่ากลิ่นที่ลูกค้าชอบจริงๆคือกลิ่นไหน ฉะนั้นในฐานะที่เธอเป็นนักผสมกลิ่นน้ำหอมก็เท่ากับว่าเธอบกพร่องต่อหน้าที่ !
หกปีมานี้ สวี่รั่วฉิงไม่มีความเคยชินในการใช้น้ำหอมแล้ว นอกเสียจากในโอกาสพิเศ