แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - บทที่203 เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมคว้าเธอเข้ามาในอ้อมแขน
- Home
- แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ
- บทที่203 เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ พร้อมคว้าเธอเข้ามาในอ้อมแขน
ชายหนุ่มนั้นคิดว่าตนเองค้นพบสาเหตุที่ทำให้ลี่ถิงเซิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีแล้ว
เขามองไปที่สวี่รั่วฉิงที่นั่งอยู่บนโซฟาท่าทางดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พร้อมมองไปที่ลี่ถิงเซิ่งที่พยายามเก็บอาการและอารมณ์ของตนเองอยู่ข้างๆนั่น จู่ๆแววตาของเขาก็เปลี่ยนมีความหมายลึกซึ้งขึ้นมา
ถ้าให้เขาพูด แม้ว่าพี่ลี่ของเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นจะมีเสน่ห์จนสามารถดึงดูดสายตาผู้คนได้ แต่ว่าพี่สะใภ้นั้นก็ไม่ต่างกันกับเขานัก! การแข่งรถบนถนนใหญ่ชายหาดครั้งนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะทุกคนรู้ว่าพี่สะใภ้นั้นเป็นคนของพี่ลี่ ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักที่คนที่รุมจีบพี่สะใภ้
…ฮึ และก็ไม่รู้ว่าพี่ลี่นั้นไปเจอพี่สะใภ้จากไหน เขานั้นอิจฉาจริงๆ
วันนี้ใบหน้าอ่อนช้อยน่ารักของสวี่รั่วฉิง ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องเครื่องสำอางอย่างละเอียดและงดงาม บางครั้งที่เงยหน้าขึ้นมองไปที่ลี่ถิงเซิ่ง สายตานั้นก็มีความแวววาวประกายออกมา
นี่ทำให้เพื่อนของลี่ถิงเซิ่งเข้าใจผิดไป ทำไมเขาถึงรู้สึกราวกับว่าพี่ลี่กับพี่สะใภ้นั้นแต่งงานกันแล้ว
พอคิดถึงเช่นนี้ เขาถึงพูด “พี่ลี่ วันนี้คงจะไม่มีใครในงานเลี้ยงราตรีนั้นรังแกพี่สะใภ้หรอกใช่ไหม? ใครมันไม่มีตามองบ้างเหรอ ใครมันกล้ารังแกพี่สะใภ้ของฉัน? พี่สะใภ้ เพียงแค่พี่บอกผม ผมจะไปสั่งสอนมันให้เอง!”
สวี่รั่วฉิง “…” เงียบ
หรือว่าเธอควรจะบอกชายตรงหน้าเธอ ว่าไม่ใช่คนอื่นที่ทำเธอ แต่เป็นแม่ของพี่ลี่ของพวกเขาเองต่างหาก?
สีหน้าของลี่ถิงเซิ่งเปลี่ยนเป็นมัวหมองขึ้นมาเล็กน้อย เขาค่อยๆเงยหน้ามองไปที่เพื่อนของตน แล้วพูด “เสิ่นเชียน”
เสิ่นเชียนได้ยินคำเตือนที่ออกมาจากคำพูดของลี่ถิงเซิ่ง
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนที่อยู่ในแวดวงตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล พอจะเดาออกว่าเรื่องของพี่สะใภ้นั้นไม่ใช่คนรุ่นเดียวกันที่เป็นคนทำ
ลี่ถิงเซิ่งค่อยๆหันหน้าไปมอง กวักมือเรียกคนรับใช้มารินชาแดงเติมให้สวี่รั่วฉิงอีกครั้ง พร้อมหันไปทางสวี่รั่วฉิงแล้วพูด “เธอพักอยู่ที่นี่ก่อนสักพักเถอะ”
“ค่ะ” สองมือของสวี่รั่วฉิงนั้นถือแก้วชาไว้ พร้อมมองลี่ถิงเซิ่งอย่างถี่ถ้วน
วันนี้เธอทำเรื่องพังแล้ว
ผลกระทบที่ตระกูลสวี่ทำกับเธอ ยังอยู่จนถึงทุกวันนี้
ปากบางของลี่ถิงเซิ่งนั้นเม้มเบาๆ มือนั้นลูบผมของสวี่รั่วฉิงเบาๆราวกับกำลังปลอบโยนและเหมือนกับหยอกล้อเด็กน้อยยังไงยังงั้น “เดี๋ยวฉันกลับมานะ”
ลี่ถิงเซิ่งรีบหมุนตัวกลับไป พร้อมกับส่งสัญญาณไปที่เสิ่นเชียน
เสิ่นเชียนเหลือบมองสวี่รั่วฉิง ร่างกายของหญิงสาวนั้นดูผอมซูบไปเล็กน้อย อารมณ์ก็ดูหดหู่เล็กน้อย
“พี่ลี่ พี่ไม่อยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้เหรอ? ถ้าหากมีคนมารังแกพี่สะใภ้เข้าจริงๆ…” เสิ่นเชียนอดที่จะถามไม่ได้
ลี่ถิงเซิ่งชำเลืองมองไปที่เขา แต่ไม่ตอบคำถามใดๆ
เขาเดินห่างจากสวี่รั่วฉิงมาประมาณสิบเมตร แม้จะยังสามารถมองเห็นหญิงสาวอยู่ในสายตาได้ แต่ก็ไม่ให้เธอได้ยินเนื้อหาที่เขาเตรียมจะพูดกับเสิ่นเชียน
ลี่ถิงเซิ่งไม่ได้ตอบคำถามเพื่อคลายความสงสัยของเสิ่นเชียน แต่กลับถามคำถามที่ทำให้เสิ่นเชียนไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ “ตอนนี้ภายใต้ตลาดที่ทำธุรกิจร่วมกันมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม?”
ตระกูลเสิ่นกับตระกูลลี่นั้นค่อนข้างแตกต่างกัน
ในตอนเริ่มนั้นเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจใต้ดิน พอถึงรุ่นของคุณพ่อเสิ่นก็จึงเริ่มทำให้อุตสาหกรรมของวงศ์ตระกูลนั้นเปลี่ยนมาเป็นแบบถูกกฎหมาย
ฉะนั้น ในฐานะที่เป็นลูกชายของตระกูลเสิ่น แน่นอนว่าเสิ่นเชียนต้องรู้และเข้าใจสถานการณ์ของธุรกิจใต้ดินของเมืองหลินชวนเป็นธรรมดา
“ตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ ก็ยังคงเป็นแบบนั้น ก็ยังคงมีเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่เข้ามาทำการค้าซื้อขายในตลาดใต้ดิน ทำไม พี่ลี่คงจะไม่ได้ต้องการที่จะมาเข้าร่วมวงการธุรกิจสกปรกนี้หรอกใช่ไหม? หรือพี่ต้องการหาคนแบบไหน? เพียงแค่บอกพวกน้องมาตรงๆคำเดียว พวกน้องจะสั่งคนไปทำให้”
ลี่ถิงเซิ่งนั้นชำเลืองปรายตามองไปยังร่างของหญิงสาวที่ทิ้งตัวอยู่บนโซฟาที่อยู่ไม่ไกลนั้น
เธอก้มลงดื่มชาแดง สีแดงบนปากสวยๆนั้นคล้ายกับโดนลบออกไปจนใกล้หมดแล้ว บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นไม่รู้ว่ามองไปทางไหนบ้าง สีหน้าและแววตานั้นดูสับสนและไม่รับรู้อะไร
ลี่ถิงเซิ่งคิดไปคิดมา ก็ละสายตากลับมา
“พี่ลี่? พี่ลี่?” เสิ่นเชียนพบว่าจู่ๆลี่ถิงเซิ่งก็ไม่ตอบคำถามเขา จึงตะโกนเรียก
ทันทีที่เขาตะโกนเรียก ก็ทำให้ลี่ถิงเซิ่งได้สติขึ้นมาทันที
ลี่ถิงเซิ่งหยุดนิ่งไป เริ่มเบนสายตามาที่เสิ่นเชียนอีกครั้ง หลังจากมองอยู่พักหนึ่ง ก็บอกเขา “ช่วยฉันตรวจสอบหน่อยว่าช่วงนี้ตระกูลสวี่ได้ติดต่อกับตลาดธุรกิจใต้ดินหรือเปล่า”
ลี่ถิงเซิ่งเม้มปาก ค่อยๆคิดอยู่สักพัก แล้วก็พูดเพิ่มเติมขึ้นมา “ยิ่งเร็วยิ่งดี”
“ไม่มีปัญหาครับ วางใจในตัวผมได้เลย” เสิ่นเชียนตอบอย่างง่ายๆ “แต่ว่าพี่ลี่ เรื่องแบบนี้ให้คนของลี่ซื่อจัดการตรวจสอบก็ได้แล้ว ทำไมถึงจะต้องวนมาหาผมล่ะ? ในเมืองหลินชวนยังมีสายสืบของใครที่แข็งแกร่งกว่าลี่ซื่ออีกเหรอ? หรือว่าจะเป็น…”
เสิ่นเชียนเริ่มจมกับความคิด ในใจนั้นเริ่มเดาว่าเพื่อนและพี่ของตนเองนั้นเจอเรื่องลำบากเข้าแล้วหรือเปล่า
ลี่ถิงเซิ่งยิ้มมุมปากเบาๆ “นายไม่ต้องคิดมากหรอก”
“จะไม่ให้คิดมากได้ยังไงล่ะ! คนในวงการนี้ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าพี่ลี่กับคุณหนูใหญ่ตระกูลสวี่คนนั้นจะช้าหรือเร็วก็ต้องหมั้นกัน ถ้าพี่นั้นชอบพี่สะใภ้จริงๆ งั้นก็คงต้องรีบจัดการเรื่องวุ่นวายของตระกูลสวี่นั่นสักที”
เสิ่นเชียนพูด พร้อมคิดถึงสวี่รั่วยีที่เขาเคยเจอเพียงไม่กี่ครั้ง พร้อมม้วนปากอย่างไม่สบายใจ “พี่สะใภ้เทียบกับเธอได้สบายเลย ในเรื่องการแข่งรถนี้ ไม่รู้ว่าจะสะบัดคุณหนูใหญ่ตระกูลสวี่ที่ถูกโอ๋คนนั้นออกไปได้แค่ไหน อีกทั้งรูปร่างหน้าตาของพี่สะใภ้นั้น…จุ๊จุ๊ ผมอยู่เมืองหลินชวนมาก็หลายปี เจอสาวงามมาก็ไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พบเจอผู้หญิงที่ทั้งมีเกียรติและสง่างามเช่นนี้”
ลี่ถิงเซิ่งชำเลืองมองเสิ่นเชียน
เสิ่นเชียนรีบชูมือขึ้นสาบาน “พี่ลี่ พี่วางใจเถอะ ผมคงไม่กล้าคิดอะไรกับพี่สะใภ้แน่นอน! ผมเพียงแค่เป็นแฟนคลับของพวกพี่เท่านั้น!”
ลี่ถิงเซิ่งเงียบไปหลายวินาที ขี้เกียจจะสนใจเสียงเอะอะโวยวายของเพื่อนคนนี้ของตัวเองแล้ว แล้วเริ่มเดินย้อนกลับไปที่ห้องพักผ่อน
สวี่รั่วฉิงกำลังนั่งอยู่ที่บนโซฟา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไม่รู้ว่ากำลังดูอะไรอยู่
แก้วชาที่วางอยู่ตรงหน้าเธอนั้นเหลืออยู่เกินครึ่งแก้ว ตอนนี้ถูกทิ้งให้เย็นเสียแล้ว
สวี่รั่วฉิงได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจึงเงยหน้าขึ้น แล้วพบว่าเสิ่นเชียนไม่ได้ตามลี่ถิงเซิ่งเข้ามาก็แปลกใจเล็กน้อย
เธอคิดอยู่พักใหญ่ “เสิ่นเชียนล่ะ?”
ลี่ถิงเซิ่งอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น
หลังจากเขากลับมา เธอกลับไม่ถามถึงเขา แต่กลับถามถึงเด็กเสิ่นเชียนนั่นก่อนเป็นอันดับแรกเหรอ?
เส้นเลือดข้างขมับของลี่ถิงเซิ่งนั้นเต้นตุบๆ รู้สึกว่าหัวสมองของตนเองนั้นหนักอึ้ง
สวี่รั่วฉิงไม่ทันได้สังเกตเห็นอาการของลี่ถิงเซิ่ง พร้อมกะพริบตาอย่างงงๆ
ลี่ถิงเซิ่งชำเลืองมองไปที่สวี่รั่วฉิง พร้อมพูดนิ่งๆ “เขาไปหาหญิงสาวเพื่อเต้นรำกันแล้ว”
สวี่รั่วฉิง “อ่อ” พูดออกมาเพียงเท่านั้น ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมามากนัก เธอเด้งตัวลุกขึ้นมาจากโซฟา พร้อมพูดเตือน “ประธานลี่ งานเลี้ยงราตรียังไม่จบ พวกเราควรกลับเข้าไปได้แล้วหรือเปล่า”
ลี่ถิงเซิ่งสังเกตสวี่รั่วฉิงอย่างถี่ถ้วน
บนใบหน้าขาวใสนิ่มนวลเวลานี้ไม่มีท่าทีเสียสติลืมตัวเหมือนเมื่อครู่แล้ว เหลือเพียงความสุขุมและสงบเสงี่ยม
ปากแดงๆนั้นเป็นเพราะดื่มชาแดง สีหน้านั้นดูอ่อนลงมากแล้ว
ลี่ถิงเซิ่งนั้นปรายตาลงมองไปที่เธอ พร้อมยกมือขึ้นบีบจมูกเล็กนั้นของเธอเบาๆ “ยังจะเป็นแบบเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่อีกไหม?”
สวี่รั่วฉิงนั้นเข้าใจว่าลี่ถิงเซิ่งหมายถึงที่เธอลืมตัวเสียกิริยาต่อหน้าคุณนายลี่ ในใจนั้นก็ยังไม่ค่อยสบายใจ
เธอพูดอย่างไม่สบายใจ “ไม่เป็นแล้วค่ะ”
ตอนที่สวี่รั่วฉิงหดหู่ใจอยู่นั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พร้อมคว้าเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตน