แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - บทที่214 ภายในหนึ่งอาทิตย์ ต้องให้คำตอบกับฉัน
- Home
- แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ
- บทที่214 ภายในหนึ่งอาทิตย์ ต้องให้คำตอบกับฉัน
สวี่รั่วฉิงเก็บโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ในซองเอกสาร จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพร้อมยิ้มอย่างปกติ “ประธานลี่ แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ไม่ดีเลยนะคะ!”
ลี่ถิงเซิ่งเดินมาหยุดตรงหน้าสวี่รั่วฉิงแบบเฉื่อยๆ เขาก้มหน้าลงมาพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเซ็กซี่จนดูน่ากลัว “ฟังผู้หญิงของตัวเองคุยโทรศัพท์ ถือว่าแอบฟังไหม?”
ริมฝีปากของลี่ถิงเซิ่งนั้นแทบจะวางอยู่ข้างหูของสวี่รั่วฉิง ไหล่อันผอมเพรียวของเธอนั้น สั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย
ตอนที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ ลมหายใจร้อนแรงนั้นสาดเทลงที่ข้างหูเธอ จั๊กจี้ที่สุด
ปกติหูของเธอนั้นบอบบาง แล้วยิ่งมีคนมาตั้งใจยั่วยุ ใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
แต่สีหน้าของสวี่รั่วฉิงนั้นยังดูนิ่งขรึมเช่นเดิม สายตาที่เธอแสดงออกมา ค่อยๆเปิดเผยเล็กน้อย ปากแดงนั้นค่อยๆพูด “ประธานลี่ นี่คือคุณยอมรับ ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคนแล้วหรือคะ?”
เธอมองไปที่ลี่ถิงเซิ่งอย่างยั่วยุเล็กน้อย
ตรงระเบียงทางเดินนั้นไม่มีคน มีเพียงแค่พวกเขาสองคนที่อยู่ที่นี่
ลี่ถิงเซิ่งมองไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าที่ดูท่าทางอยากเผยแพร่ข่าวยิ่งนัก เขายื่นตัวไปข้างหน้าพร้อมกับหลับตาลง ริมฝีปากเร่าร้อนนั้นหยุดประกบลงบนริมฝีปากที่ชอบพูดให้เขาค่อนข้างมีอารมณ์โมโห
สวี่รั่วฉิงนิ่งสงบไปหลายวินาที ก็ยื่นมือไปทุบตีเขา
ที่นี่คือที่ทำงานนะ! อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่ในห้องทำงานอีกด้วย! ถ้าเขาคิดอยากจะจูบก็ควรจะกลับไปที่ห้องทำงานก่อนไหม อยู่ที่นี่ถ้าโดนคนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไง!
รวดเร็วมาก สวี่รั่วฉิงก็ไม่ได้คิดถึงสิ่งนี้
จูบของเขา ทั้งเร็วทั้งรุนแรง เธอไม่มีแรงที่จะต้านทาน
ขาเรียวเล็กนั้นสั่นเล็กน้อย โชคดีที่เขานั้นโอบเอวเธอไว้แน่น ไม่เช่นนั้นเธอคงล้มลงไปแล้วแน่ๆ
สวี่รั่วฉิงรับรู้ได้ถึงความรักผ่านจูบนั้น เธอคิดเงียบในใจ : โชคดีที่วันนี้ใส่รองเท้าส้นสูงธรรมดาๆ ไม่ได้ใส่รองเท้าส้นสูงสิบนิ้วเหมือนวันนั้น ถ้าไม่เช่นนั้นที่ลี่ถิงเซิ่งโอบเอวเธอเหมือนเช่นตอนนี้ เธอเกรงว่าตัวเองคงจะตัวอ่อนปวกเปียกล้มไปแน่ๆ…
ลี่ถิงเซิ่งลืมตาขึ้น ใบหน้าเคลิบเคลิ้มของเธอนั้นปรากฏในสายตาเขา
แต่ราวกับว่าเธอนั้นจิตใจล่องลอย นั่นทำให้ลี่ถิงเซิ่งรู้สึกไม่สบายใจ
เขาปลีกตัวออกเพื่อจบการจูบอันสั้นนี้ พร้อมพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ยังมีกะจิตกะใจคิดถึงอย่างอื่นอีกเหรอ หืม?”
หลังจากลี่ถิงเซิ่งพูดเตือนสติสวี่รั่วฉิงแล้ว ก็ก้มหน้าลงมาจูบสวี่รั่วฉิงอีกครั้ง รอบนี้รุนแรงกว่าเมื่อครู่ และค่อยๆเจาะลึกผ่านกำแพงริมฝีปากนั้นเข้าไป ไม่ปล่อยให้สวี่รั่วฉิงได้มีโอกาสหลบหลีกได้เลย
สองมือเล็กของสวี่รั่วฉิงคว้ากำชุดสูทที่อกของลี่ถิงเซิ่งไว้แน่น กำแน่นถึงขนาดที่ว่าสูทที่รีดมาอย่างเรียบนั้นเกิดรอยยับขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากจูบเสร็จเรียบร้อย ลิปสติกบนริมฝีปากของสวี่รั่วฉิงนั้นก็ถูกกินไปจนเกือบจะไม่เหลือแล้ว
เธอหายใจหอบเล็กน้อย ดวงตาสวยมีเสน่ห์คู่นั้นเปล่งประกายปกคลุมไปด้วยความชุ่มชื่นแวววาวจนทำให้คนใจสั่นได้
“ประธานลี่ คุณนี่ช่างกล้าจริงๆ ขนาดตรงนี้ยังจะกล้าทำ…ถ้าโดนคนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไง? บริษัทของพวกเราไม่ได้อนุญาตให้พลอดรักกันในที่ทำงานนะ ถ้าประธานฝ่าฝืนกฎของบริษัทซะเอง แล้วจะทำยังไง?”
ใบหน้าหล่อเหลาของลี่ถิงเซิ่งนั้นเยือกเย็นขึ้นมาเพราะคำพูดของสวี่รั่วฉิง
ผู้หญิงคนนี้ จะพูดให้เข้าหูสักนิดไม่ได้เชียวหรือ?
เขายื่นมือออกไปเช็ดลิปสติกบนริมฝีปากของสวี่รั่วฉิง พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงแหบ “เธอเอาเวลากังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ไปคิดกังวลดีกว่าว่าฤดูหนาวปีนี้จะออกน้ำหอมกลิ่นอะไรดี การพลาดท่าพ่ายแพ้ของสวี่ซื่อกรุ๊ปครั้งนี้ ต้องเลือกทรัพยากรทั้งหมดของปีนี้มาอัดแน่นอยู่ในงานนิทรรศการจัดแสดงน้ำหอมฤดูหนาวแน่ๆ
ถึงเวลานั้นไม่ว่าประธานนักปรุงน้ำหอมของพวกนั้นจะเป็นสวี่รั่วยีหรือมู่ชิง ทั้งหมดก็นับเป็นคู่แข่งของเธอทั้งนั้น”
สวี่รั้วฉิงที่ยังไม่ได้สติกับจูบเมื่อครู่นั้น สีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเข้มงวดขึ้นมาทันที
สวี่รั้วฉิงรู้จักระดับฝีมือการปรุงน้ำหอมของสวี่รั่วยีดี
สวี่รั่วยีไม่ได้มีความสามารถหรือพรสวรรค์อะไร ถ้าต้องแข่งปรุงน้ำหอมกันจริงๆแล้วล่ะก็ ยังไงสวี่รั่วยีก็ไม่ใช่คู่แข่งของเธออย่างแน่นอน
แต่มู่ชิงอีกคนนั้น ไม่เหมือนกัน
มู่ชิงนั้นเป็นนักปรุงน้ำหอมอายุน้อยที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปยุโรปเช่นเดียวกันกับเธอ ฝีมือของมู่ชิงนั้น นอกจากว่าสวี่รั่วฉิงจะต้องยกเอากำลังและความสามารถของเธอออกมาต่อสู้120% สวี่รั่วฉิงก็ยังไม่กล้ายืนยันกับตัวเองว่าน้ำหอมของเธอนั้นจะดีกว่ามู่ชิง
สวี่รั่วฉิงเงยหน้าขึ้นมองลี่ถิงเซิ่ง มุมปากของเขานั้นมีรอยแดงเด่นชัด
สวี่รั่วฉิงเม้มปาก ยื่นมือออกไปช่วยเช็ดคราบลิปสติกออกจากมุมปากให้ลี่ถิงเซิ่ง
จากนั้นเธอก็พูดตามมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ประธานลี่ เรื่องของคุณหนูสวี่ฉันไม่ได้กังวลใจ คนที่ต้องใส่ใจคือนักปรุงน้ำหอมที่ชื่อมู่ชิงคนนั้นต่างหาก เธอนั้นไม่ใช่นักปรุงน้ำหอมธรรมดาที่จะสามารถต่อสู้ได้ง่ายๆ”
สวี่รั่วฉิงพูดไปแล้วก็หยุดสักพัก เธอคิดถึงงานเลี้ยงในวันเสาร์ที่ผ่านมา คิดถึงคำถามที่ลี่ถิงเซิ่งถามเธอขณะส่งเธอกลับบ้าน ถามว่าเธอนั้นมีเรื่องบาดหมางอะไรกับตระกูลสวี่หรือเปล่า
สวี่รั่วฉิงเคยตอบไปแล้ว : เธอนั้นมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลสวี่
แต่แท้จริงแล้วบาดหมางกันเรื่องอะไร เธอนั้นไม่ได้บอกลี่ถิงเซิ่ง หรือว่าลี่ถิงเซิ่งถือโอกาสนี้ยกเรื่องสวี่รั่วยีมาทดสอบความคิดเห็นเธอเหรอ?
สวี่รั่วฉิงคิดมาถึงตรงนี้เหงื่อก็ออกชุ่มเต็มหลัง เธอนั้นฝืนความกลัวในจิตใจอย่างที่สุด “ประธานลี่ คุณคงไม่ได้คิดว่าความบาดหมางระหว่างฉันกับตระกูลสวี่นั้นจะส่งผลกระทบต่อความเป็นมืออาชีพของฉันหรอกใช่ไหม? ฉันไม่มีทางยอมแพ้การแข่งขันธุรกิจการค้านี้ให้กับสวี่รั่วยีเด็ดขาด ไม่ทำให้ลี่ซื่อกรุ๊ปต้องล้มเหลวแน่นอน”
ใบหน้าของสวี่รั่วฉิงยังคงแดงระเรื่อจากการจูบเมื่อครู่อยู่ ปรายตานั้นแดงเล็กน้อย แต่ใบหน้านั้นดูเด็ดเดี่ยวขึ้นมา แววตาคู่นั้นเป็นประกาย เป็นประกายที่น่ากลัว
เธอจ้องเขม็งไปที่ลี่ถิงเซิ่ง พูดทีละคำ ราวกับว่ากำลังพูดปฏิญาณตน “ฉันสามารถแพ้ให้กับหลายๆคนได้ แต่ฉันจะไม่มีวันแพ้ให้กับเธอเด็ดขาด”
หลังจากสวี่รั่วฉิงพูดจบ ปรับอารมณ์ของตัวเองได้เรียบร้อย ก็ก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือ
“ประธานลี่ ตอนบ่ายในส่วนของแผนกน้ำหอมนั้นยังมีประชุมอื่นอีก งั้นฉันไม่รบกวนเวลาของคุณแล้ว แล้วเจอกันนะคะ”
สวี่รั่วฉิงคว้ากระเป๋าเอกสารและโทรศัพท์ไว้ในมือ พร้อมย่ำส้นสูงเดินออกจากระเบียงทางเดินไป
ลี่ถิงเซิ่งมองร่างของสวี่รั่วฉิง แล้วก็ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา
เหมือนกับตัวเม่นเลย หนามรอบตัวนั้นตั้งชันขึ้นมาหมด
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ไม่เข้าใจว่าต้องรอถึงตอนไหนถึงจะแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น เพียงแค่เธอแสดงความอ่อนแอ แสดงออกว่าเธอนั้นมีความแค้นความบาดหมางกับตระกูลสวี่ เขานั้นก็พร้อมจะปกป้องดูแลเธอให้ดีเอง
ท่าทางของสวี่รั่วฉิงนั้นอ่อนไหวต่อตระกูลสวี่เกินไป เพียงแค่พูดถึงก็กังวลจนเกินไปจนหนามรอบตัวเธอนั้นตั้งชันขึ้นมา
ลี่ฉิงเซิ่งคิด ขายาวนั้นก็ก้าวเดินกลับไปทางห้องทำงานของตัวเอง
เรื่องแรกหลังจากที่เขากลับมาถึงห้องทำงาน ก็คือรีบสั่งกำชับให้หลี่อานไปสืบหาว่าระหว่างสวี่รั่วฉิงกับตระกูลสวี่นั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ “ภายในหนึ่งอาทิตย์ ต้องให้คำตอบกับฉัน!”
หลี่อานรู้สึกแปลกใจ แม้เมื่อก่อนประธานลี่จะเคยสั่งให้เขาสืบค้นเรื่องอะไรต่างๆ แต่เขาก็ยืดหยุ่นเวลาให้ตลอด แต่วันนี้กลับพูดย้ำอีกครั้งเรื่องเดิม หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับแอนนาแล้วหรือเปล่า?
หลี่อันรวบรวมความกล้าที่จะถามออกไป “ประธานลี่ ทำไมครั้งนี้คุณรีบร้อนจัง ให้ฉันสืบค้นให้ละเอียดแบบกะทันหันแบบนี้ หรือว่าระหว่างแอนนากับตระกูลสวี่นั้นมีความแค้นอะไรที่ใหญ่หลวงหรือเปล่า?”