แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ - บทที่240 สายตาแสดงความรักของฉินซวี่ที่มีต่อเธอนั้นยากที่จะปิดบัง
- Home
- แฝดชายหญิง:แด๊ดดี้ต้องชนะใจหม่ามี๊นะ
- บทที่240 สายตาแสดงความรักของฉินซวี่ที่มีต่อเธอนั้นยากที่จะปิดบัง
ซูจิ่วเอ๋อร์วางโทรศัพท์ลงข้างๆ กำลังจะสั่งกำชับกับพยาบาลให้เตรียมอาหารกลางวันให้สวี่รั่วฉิง เผื่อหลังจากเธอตื่นมาจะได้ทาน
แต่ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกรอบ
ก๊อก ก๊อกก๊อก ก๊อกก๊อกก๊อก
คนที่มาเยือนคล้ายกับว่าไม่มีความอดทน เมื่อเห็นว่าไม่มีคนตอบรับ ก็รีบเคาะประตูอย่างรีบร้อนอีกครั้ง
ซูจิ่วเอ๋อร์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เธอจำได้ว่าเธอเคยสั่งกำชับบอดี้การ์ดที่อยู่หน้าห้องไว้แล้ว ถ้าหากว่าไม่ใช่หมอหรือพยาบาล คนแปลกหน้าคนอื่นๆหน้าไหนก็ห้ามเข้ามาเด็ดขาดเลย
“คุณน้าพยาบาลคะ รบกวนคุณน้าเปิดประตูดูให้หน่อยค่ะว่าใครมา ถ้าหากไม่ใช่หมอหรือพยาบาลก็เรียกบอดี้การ์ดให้มาเอาตัวไปได้เลยค่ะ” ซูจิ่วเอ๋อร์พูด
หลังจากนั้นหนึ่งนาที ก็มีเสียงเอะอะโวยวายเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าประตู “เอ๋? พี่ลี่ของพวกเราไม่อยู่หรอกเหรอ?”
ซูจิ่วเอ๋อร์ “…”
ชายคนที่สร้างความรำคาญให้เธอเมื่อวานคนนั้นมาได้ยังไง?
เส้นเลือดข้างขมับซูจิ่วเอ๋อร์นั้นเต้นตุบๆขึ้นมาเล็กน้อย
เธอเงยหน้ามองไปทางเสิ่นเชียนอย่างไม่เกรงใจ “คุณมาได้ยังไง?”
เสิ่นเชียนเดินเข้ามาในห้องอย่างรู้สึกเหมือนคนคุ้นเคย เพราะว่าเป็นเพื่อนของลี่ถิงเซิ่ง บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าประตูนั้นล้วนรู้จักเขาจึงปล่อยให้เขาเข้ามาได้
ถึงยังไงก็เป็นเพื่อนสนิทของประธานลี่ บอดี้การ์ดที่ไหนจะกล้ามาขวาง?
“ผมคิดว่าพี่ลี่จะอยู่ที่นี่เหมือนกันซะอีก วันนี้ไม่ใช่วันพักผ่อนหรอกเหรอ? ก็เลยมาดูสักหน่อยว่าพี่สะใภ้ฟื้นหรือยัง” เสิ่นเชียนพูด เขาวางของบำรุงที่ซื้อติดมือมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงผู้ป่วย “ในเมื่อพี่สะใภ้เกิดอุบัติเหตุ ก็ควรจะบำรุงเสียหน่อย ที่ผมซื้อมาล้วนเป็นของบำรุงที่ดีที่สุดทั้งนั้น รอหลังจากพี่สะใภ้ตื่นขึ้นมาต้องได้ใช้แน่ๆ!”
หลังจากเสิ่นเชียนพูดจบ สีหน้าก็ดูผิดหวังเล็กน้อย
ที่เขามาหลักๆคือต้องการมาหาพี่ลี่ ไม่คาดคิดว่าพี่ลี่จะไม่อยู่
คาดไม่ถึงว่าแอนนาก็ยังไม่ฟื้น เสิ่นเชียนมองสวี่รั่วฉิงอย่างละเอียดพร้อมคิดในใจเงียบๆ พี่ลี่นี่ก็จริงๆเลยนะ ไม่คิดว่าจะปล่อยให้พี่สะใภ้อยู่ในโรงพยาบาลนี้คนเดียว!
เวลาแบบนี้ ไม่ใช่ว่าควรจะมาอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนพี่สะใภ้หรอกเหรอ!
ซูจิ่วเอ๋อร์อาจจะไม่รู้ว่าเสิ่นเชียนเป็นคนหนึ่งที่มีอารมณ์ความรู้สึกลึกซึ้ง เธอแค่รู้สึกว่าเขานั้นช่างเอะอะโวยวายซะเกินจะทน
แล้วพี่สะใภ้น่ะ? รั่วฉิงไปแต่งงานกับลี่ถิงเซิ่งตอนไหนกัน!
ซูจิ่วเอ๋อร์เหลือกตามองบนอย่างเงียบๆ จากนั้นเธอก็กวาดตามองพวกของบำรุงที่เสิ่นเชียนวางไว้บนชั้นวางของข้างเตียง
ทันทีหลังจากนั้น เส้นเลือดข้างขมับของซูจิ่วเอ๋อร์ก็เต้นตุบๆขึ้นมา
นายคนนี้ซื้อของมาเล่นอะไร! นี่มันเป็นของบำรุงของผู้ชายทั้งหมดเลยไม่ใช่หรือไง!
อีกนิดซูจิ่วเอ๋อร์ก็แทบจะเอาพวกของบำรุงบนโต๊ะนั้นโยนใส่หน้าเสิ่นเชียนแล้ว ถ้าหากไม่เห็นว่าสวี่รั่วฉิงนั้นยังไม่ฟื้น ไม่สามารถที่จะเสียงดังได้ ไม่เช่นนั้นเธอต้องตะโกนด่าเสิ่นเชียนให้กลับไปแล้วแน่ๆ!
ลักษณะของซูจิ่วเอ๋อร์เป็นคนตรงไปตรงมา ในใจคิดอะไรก็พูดออกมาแบบนั้น
เพียงแค่เพราะเวลานี้สวี่รั่วฉิงยังไม่ฟื้น เธอจึงไม่สามารถทำอะไรเสิ่นเชียนได้
ซูจิ่วเอ๋อร์ทำได้เพียงแค่กดอารมณ์ร้อนใจที่อยากจะเอาของที่เขาซื้อมาโยนใส่หน้าเขาเอาไว้ พร้อมพูดอย่างไม่เกรงใจ “งั้นคุณก็เลือกมาผิดเวลาแล้วล่ะ ลี่ถิงเซิ่งไม่อยู่ อีกอย่าง ของพวกนี้ที่คุณซื้อมา แอนนาใช้ไม่ได้!”
ซูจิ่วเอ๋อร์มองเสิ่นเชียนอย่างเยือกเย็น ขี้เกียจจะสนใจเขา
เดาว่าถ้าเกิดเสิ่นเชียนรู้สึกไม่มีอะไรทำแล้วก็คงจะกลับไปเอง
ตอนที่ซูจิ่วเอ๋อร์กับเสิ่นเชียนมองหน้ากันโดยไม่พูดอะไร ก็มีน้ำเสียงของชายที่ค่อนข้างอ่อนโยนดังขึ้นขัดจังหวะการเผชิญหน้ากันระหว่างพวกเขา “สถานการณ์ของแอนนาเป็นยังไงบ้างแล้วครับ?”
น้ำเสียงของผู้ชายคนนั้นไม่ได้หยิ่งและไม่ได้รีบร้อน ทำให้คนที่ฟังนั้นรู้สึกดีกับเขาได้ง่ายๆ
ซูจิ่วเอ๋อร์และเสิ่นเชียนหันไปทางคนคนนั้นพร้อมกัน
คนที่มานั้นไม่ใช่ใครคนอื่นไกล คาดไม่ถึงว่าจะเป็นฉินซวี่
เขาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว รวมถึงเนกไทที่ผูกก็ยังเป็นสีเข้ม
อีกทั้งหัวเข็มขัดนั้น ที่แสดงถึงตัวตนของเจ้าของได้อย่างชัดเจน
กระบอกแขนเสื้อสีดำที่ตัดเย็บด้วยมือนั้น บรรจงเย็บติดกระดุมแยกกันอย่างประณีต
ซูจิ่วเอ๋อร์ไม่รู้จักฉินซวี่ เมื่อพบเจอรอยยิ้มอ่อนโยนตรงหน้า ในสายตานั้นกลับกังวลใจกับชายคนนี้ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
คนคนนี้เป็นใครอีก? หรือว่าเกี่ยวข้องกับสวี่รั่วฉิง? ถ้าไม่เช่นนั้นจะเข้ามาถามตรงๆแบบนี้ได้ยังไงว่าสถานการณ์ของสวี่รั่วฉิงเป็นยังไงบ้างแล้ว
แต่ว่าอุบัติเหตุของสวี่รั่วฉิง จนกระทั่งถึงตอนนี้ ทุกคนต่างก็ทำได้เพียงแค่คาดเดา?
มีใครที่รู้ข่าวอุบัติเหตุรถชนของสวี่รั่วฉิงอย่างละเอียดจริงๆบ้าง? ลี่ถิงเซิ่งบอกเขาเหรอ? แต่ดูจากลักษณะของเขาแล้ว สายตานั้นคล้ายกับว่ามีความห่วงใยสวี่รั่วฉิงและก็ความรู้สึกรักที่ยากจะปกปิดนั่นอีก
หรือว่าผู้ชายคนตรงหน้านี้ชอบสวี่รั่วฉิง?
ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ลี่ถิงเซิ่งจะเอาข่าวอุบัติเหตุรถยนต์ของสวี่รั่วฉิงไปบอกเขาเหรอ?
ซูจิ่วเอ๋อร์เม้มปากเบาๆ พร้อมลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เงียบๆ ดูตั้งใจจะมายืนเพื่อกั้นสวี่รั่วฉิงจากข้างหน้าเตียง หลังจากนั้นก็เลื่อนปิดม่านรอบเตียง เพื่อกีดกันสายตาของฉินซวี่
“คุณเป็นใครอีก?” ซูจิ่วเอ๋อร์ถามอย่างไม่ค่อยเกรงใจ “คุณรู้ได้ยังไงว่าแอนนาเกิดอุบัติเหตุ”
น้ำเสียงของซูจิ่วเอ๋อร์เยือกเย็น แม้ว่าสายตาของผู้ชายตรงหน้าจะซ่อนความเป็นห่วงและอ่อนโยน แต่ก็ไม่มีใครเคยพูดบอกได้ชัดเจนว่าคนที่สั่งให้หวังซานขับรถพุ่งชนสวี่รั่วฉิงนั้นเป็นผู้หญิง
ถ้าหากว่าเกิดเป็นผู้ชายล่ะ?
ถ้าหากว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ตามจีบสวี่รั่วยี และเพื่อสวี่รั่วยี เขาอาจจะตั้งใจเสแสร้งแกล้งทำเป็นห่วงใยสวี่รั่วฉิง และตั้งใจเข้ามาใกล้ชิด…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สายตาซูจิ่วเอ๋อร์ก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง
ฉินซวี่ดูออกว่าสายตาของซูจิ่วเอ๋อร์นั้นเตรียมป้องกัน
เขารู้จักซูจิ่วเอ๋อร์ หลังจากที่เขามีปมกับสวี่รั่วฉิงตอนอยู่ที่ปารีส เขาก็ส่งคนให้ไปสืบค้นเรื่องราวของสวี่รั่วฉิง
เพราะเหตุนี้เขาจึงรู้จักคนที่มีความเกี่ยวข้องกับสวี่รั่วฉิงเป็นอย่างดี
สวี่รั่วฉิงกับคุณหนูใหญ่ตระกูลซูอย่างซูจิ่วเอ๋อร์เป็นเพื่อนสนิทกัน ถึงขนาดที่ว่าสามารถเข้าออกคฤหาสน์ตระกูลซูได้อย่างตามอำเภอใจ
เฉินซวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนสักพัก “คุณซู ผมกับคุณแอนรู้จักกันมานาน เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนอยู่ที่ปารีสแล้ว ครั้งนี้แค่ใช้วิธีการเล็กน้อยก็รู้แล้วว่าคุณแอนนั้นเกิดอุบัติเหตุ บังเอิญว่าก็ได้มาผ่าตัดที่โรงพยาบาลของตระกูลผมด้วย หลังจากได้ยินข่าว ผมก็เลยมาเยี่ยม”
ฉินซวี่พูดพร้อมหยิบนามบัตรออกมา ส่งนามบัตรของตัวเองให้ซูจิ่วเอ๋อร์
ซูจิ่วเอ๋อร์รับมาอย่างไม่เชื่อใจ พร้อมก้มลงมอง บนนามบัตรสีขาวนั้นประทับไว้ชัดเจน : ประธานฉินซื่อกรุ๊ป ฉินซวี่
ฉินซื่อกรุ๊ป? ชื่อนี้ค่อนข้างฟังดูคุ้นหู
แต่ซูจิ่วเอ๋อร์ก็ยังไม่ไว้ใจและยังคงไม่ได้ละทิ้งความคิดเดิม
“อย่างนี้นี่เอง ดังนั้นโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ก็เป็นอสังหาริมทรัพย์ของวงศ์ตระกูลคุณฉินเหรอคะ?” ซูจิ่วเอ๋อร์จ้องเขม็งที่ฉินซวี่ ต้องการหาความผิดปกติในสีหน้าท่าทางอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเขา
ฉิวซวี่พูดนิ่งๆ “อสังหาริมทรัพย์ของคุณพ่อครับ ปกติผมไม่ค่อยสนใจพวกธุรกิจเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล แค่เพียงเพราะว่าเกี่ยวกับแอนนาเท่านั้นเอง จึงมีใจมาก็เท่านั้น”
พูดถึงตรงนี้ ฉินซวี่ก็มองไปที่เสิ่นเชียนที่ยืนอยู่ข้างซูจิ่วเอ๋อร์ ความอ่อนโยนในดวงตาก็ค่อยๆลดลง
“จะว่าไปแล้ว ผมจำได้ว่าโรงพยาบาลนี้ ก็คล้ายกับว่าประธานลี่จะมีหุ้นส่วนอยู่ด้วยเหมือนกัน ในเมื่อคุณชายเสิ่นก็อยู่ที่นี่ด้วย ดูท่าแล้วก็คงจะยืนยันได้ว่าลี่ถิงเซิ่งเป็นคนส่งแอนนามาที่นี่ใช่ไหม? ถ้าหากว่าคุณซูยังสงสัยในตัวผมล่ะก็ สู้ไปถามลี่ถิงเซิ่งจะไม่ดีกว่าเหรอ?”
ซูจิ่วเอ๋อร์พูด “ฉันกับลี่ถิงเซิ่งไม่ได้สนิทกัน”
เสิ่นเชียนมองไปที่ฉินซวี่ด้วยแววตาอยากรู้อยากเห็น แค่เขาเห็นฉินซวี่เดินเข้ามาก็จำได้ทันที
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
ที่แรกเขาคิดว่าฉินซวี่มาที่โรงพยาบาลก็เพราะซูจิ่วเอ๋อร์ ถึงอย่างไรเขาก็ยังรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลซูคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ และกับคู่แข่งที่แฝงตัวอยู่นั้นก็ต้องทำให้เขาต้องระมัดระวังตัวขึ้นมามากหน่อยเป็นธรรมดา
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…