แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 679
บทที่ 679 พวกแกเป็นพวกเดียวกัน!
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง…”
หลิงม่อเกี่ยวเศษผ้าเก่าๆ ที่เพิ่งทิ้งลงพื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็หมุนกายเดินไปทางหลุม แล้วก็กระโดดลงไปอย่างไม่ลังเล
พื้นดินเลื่อนใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เสียงลมพัดผ่านดังหวีดหวิวข้างหู ในอาคารที่ถูกทิ้งให้อยู่ข้างหลังมีเสียงโครมครามดังอย่างต่อเนื่อง
หลิงม่อทิ้งตัวลงบนพื้นถนนอย่างเบาเท้า แต่เขาไม่ได้รีบเคลื่อนไหวทันที กลับยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วก่อน
ซอมบี้ตัวหนึ่งที่บังเอิญถูกเสียงดังดึงดูดความสนใจหันมาเห็นหลิงม่อเข้า มันทำท่าจะพุ่งเข้ามา แต่ก็ทำท่าลังเลอีก
“กรร?”
มันเบิกตากว้าง พลางชะงักหยุดในจุดที่ห่างออกไป 10 เมตร แล้วจ้องพิจารณาหลิงม่อที่กำลังก้มหน้านวดหว่างคิ้ว ขณะเดียวกันก็จ้องมองเศษผ้าเก่าๆ ที่ลอยไปลอยมาอยู่ข้างตัวหลิงม่ออย่างงุนงง
ยิ่งจ้องยิ่งสับสน ดูจากภายนอก เจ้าคนตรงหน้าเป็นมนุษย์แน่นอน!
แต่กลิ่นอายรอบตัวเขา กลับเหมือนกลิ่นของศพแห้งกรังที่ทำลายต่อมความอยากอาหารจนสิ้น
แล้วยังไอ้สิ่งที่ลอยไปลอยมาอยู่กลางอากาศนั่นอีก ดูแล้วไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแน่ๆ…
สิ่งที่ซอมบี้สนใจมากที่สุดก็คือเลือดเนื้อสดใหม่ แต่ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวย สินค้าเก่าเก็บอย่างศพแห้งเนื้อเน่าก็ไม่ใช่ว่าจะยอมรับไม่ได้
แต่ศพที่สูญเสียน้ำในร่างกายไปจนหมด เหลือเพียงผิวหนังแห้งติดกระดูกแค่ชั้นเดียว ถึงแม้เป็นซอมบี้ก็รู้สึกแขยงเหมือนกัน
ความคิดที่ว่า “ซอมบี้ไม่เลือกกิน” ผิดตั้งแต่ต้นแล้ว…
ซอมบี้ก็มีศักดิ์ศรีและการสงวนท่าทีของพวกมันเองเหมือนกัน…
หลิงม่อรับรู้ถึงตัวตนของซอมบี้ตัวนี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เนื่องจากการเผาผลาญพลังจิตจำนวนมากในระหว่างกระโดดลงมาจากชั้นบน ทำให้เขารู้สึกมึนหัวอย่างรุนแรง จึงไม่มีเวลาหันไปสนใจอีกฝ่าย
เขานวดหว่างคิ้วหลายครั้ง แล้วยกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบขวดยาออกมาหลายขวด
“ไม่ใช่ขวดนี้ นี่มันของหมายเลข 0…ใช่แล้ว อันนี้แหละ”
หลิงม่อเลือกขวดยาออกมาหนึ่งขวดทั้งที่ยังมีอาการหน้ามืดตาลาย จากนั้นก็บิดฝาเปิดออกเทใส่ปากอย่างไม่รอช้าอีก
เมื่อกี้เขาไม่สามารถเจียดเวลามากินยาเลย ในที่สุดตอนนี้ก็หาโอกาสได้ซักที
“หมดแล้ว?”
หลิงม่อเทยาหยดสุดท้ายที่เหลืออยู่ในขวดใส่ปาก จากนั้นก็ยกขวดเปล่าขึ้นแกว่งไปแกว่งมา
“หัวเชื้อก็หมดแล้ว…”
ตัวยาของเหลวที่นำมาละลายเชื้อไวรัส ก็ไม่เหลือแล้ว
หากเป็นอย่างนี้ เขาก็ไม่สามารถทำขึ้นมาเองได้อีก เชื้อไวรัสเขามีพร้อมอยู่แล้ว แต่หัวเชื้อชนิดนั้นน่ะสิ เขาไม่รู้เลยว่ามันมีส่วนผสมและวิธีการทำอย่างไรบ้าง
เชื้อไวรัสที่หมายเลข 0 เหลือทิ้งไว้ก็มีประสิทธิภาพไม่สูงมาก ดังนั้นเวลาเพียงชั่วพริบตา เสบียงยาฟื้นฟูกำลังของหลิงม่อก็ขาดแคลนเสียแล้ว
“เฮ้อ…” หลิงม่อถอนหายใจ ในมือยังคงถือขวดเปล่าไว้
ไอเย็นๆ สายหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากท้องน้อยของเขา จากนั้นก็แผ่ซ่านขึ้นไปถึงศีรษะเขาอย่างรวดเร็ว
หลิงม่อกระพริบตาถี่ๆ ไม่นานอาการมึนหัวของเขาก็ดีขึ้นมาก
ตอนที่เขาดื่มยา ซอมบี้ตัวนั้นก็ยืนเอียงคอจ้องเขาอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา
โดยเฉพาะตอนที่หลิงม่อเงยหน้ากลืนยาลงคอดัง “อึกๆๆ” ซอมบี้ตัวนั้นอ้าปากเล็กน้อย พร้อมกับจ้องลูกกระเดือกของหลิงม่อที่เกลือกกลิ้งขึ้นลงอย่างงุนงง
กระทั่งเมื่อหลิงม่อแกว่งขวดในมือไปมา ซอมบี้ตัวนี้ก็สูดจมูกฟุดฟิด
มันทำท่าลังเลเล็กน้อย แต่ไม่นานก็เบิกตากว้างทันที
“กรร!”
กลิ่นของเชื้อไวรัสกระตุ้นซอมบี้ตัวนี้เข้าให้แล้ว มันสาวเท้าออกวิ่งไปทางหลิงม่ออย่างรวดเร็วทันที
“ฮู่ว!”
หลิงม่อพยายามลืมตากว้างๆ เขาเงยหน้าขึ้น แล้วยกฝ่ามือหันไปยังทิศทางที่ซอมบี้ตัวนั้นวิ่งเข้ามา
ทันใดนั้น ซอมบี้ที่กำลังวิ่งแหวกลมด้วยความเร็วสูงก็ล้มลงไปกับพื้นนอนหันหน้าขึ้นฟ้า ราวกับว่ามันเพิ่งวิ่งชนราวกั้นรถอย่างแรง
ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน ร่างกายของซอมบี้ตัวนี้ก็เหยียดเกร็ง สายตาเหม่อลอยมองขึ้นฟ้า
หลายวินาทีต่อมา ซอมบี้ตัวนี้ก็บิดร่างกายไปมาเหมือนเครื่องยนต์ที่ติดขัด จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
“ใกล้แล้ว…ถึงแม้จะฟื้นพลังจิตกลับมาได้ไม่มาก แต่อาการเหนื่อยล้าก็ทุเลาลงมาก…” หลิงม่อสะบัดศีรษะไปมา จากนั้นเขาก็มองไปทางหุ่นซอมบี้ตัวใหม่
หลังจากมองตากัน 2 วินาที หลิงม่อก็หันไปมองรอบกายอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พาหุ่นซอมบี้วิ่งไปฝั่งตรงข้ามของถนน
หนึ่งคนหนึ่งซอมบี้แนบตัวชิดกำแพง แล้วเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“เย่เลี่ยนหมายถึงที่ไหนกันนะ…” หลิงม่อวิ่งไปพลาง กวาดมองซ้ายขวาอย่างร้อนใจไปพลาง เขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว…
“น่าชังนัก! พวกขยะไร้น้ำยา! รำคาญจริงๆ!”
ซอมบี้นกโวยวายลั่น มันหมุนกายอย่างรวดเร็ว แล้วยกแขนที่แข็งแรงดั่งเหล็กเส้นเหวี่ยงขวางออกไป
“โครม!”
ขาโต๊ะครึ่งท่อนและเศษเนื้อไม้กระเด็นลอยออกไป ขณะเดียวกันสิ่งที่ลอยออกไปพร้อมๆ กัน ก็ยังมีหุ่นซอมบี้ตัวนั้นที่หลิงม่อควบคุมอยู่
สภาพของหุ่นซอมบี้ตัวนี้ดูอนาถเต็มทน ไม่เพียงถูกย้อมด้วยเลือดไปทั้งตัว บนใบหน้าก็ยังมีรอยยุบเหวอะหวะไปหมด ตาข้างหนึ่งเลอะเลือดเหนียวข้น ดวงตาสีแดงดูหม่นหมองลงกว่าเก่ามาก เหมือนลูกแก้วสีขุ่นอย่างไรอย่างนั้น
ท่าเหวี่ยงของซอมบี้นก ทำให้ไหล่ของหุ่นซอมบี้เลือดพุ่งออกมาเป็นสาย
หลิงม่อก้มหน้ามองฝ่ามือและแขนที่เต็มไปด้วยรอยเหวอะหวะ แล้วฝืนยกขาโต๊ะครึ่งท่อนในมือสั่นๆ ขว้างออกไป
ซอมบี้นกแค่เอียงหัวหลบสบายๆ แต่ตอนนี้ประกายเพลิงโทสะกลับลุกโชนในดวงตาสีม่วงคู่นั้น “น่ารำคาญโว้ย! เป็นแค่สวะชั้นต่ำที่สุดยังกล้า…”
ยังด่าไม่ทันจบ ชั้นวางของก็ถูกขว้างเข้ามาดัง “ฟิ้ว” อีกครั้ง
ครั้งนี้ซอมบี้นกไม่หลบ ในขณะที่มันลอยเข้ามาใกล้ในระยะ 3 เมตร ชั้นวางของชั้นนั้นกลับตกกระแทกพื้น และแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
เศษเล็กเศษน้อยกระเด็นโดนตัวซอมบี้นก แต่ก็ไม่สามารถทำให้มันถลอกได้แม้แต่นิดเดียว
“วะฮ่าฮ่าฮ่า!” ซอมบี้นกหัวเราะก้องด้วยเสียงที่คล้ายนกยักษ์มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อนร่วมสายพันธุ์ตัวนี้ไม่อาจสร้างความรู้สึกอันตรายให้มันได้ แต่กลับสามารถทำให้มันโมโหที่สุดในประวัติศาสตร์
อาหารมื้อค่ำเลิศรสรออยู่ชั้นล่างนี้แล้วแท้ๆ แต่มันกลับถูกผักกาดขาวเน่าๆ หัวหนึ่งที่มีค่าพอแค่ให้ยัดใส่ถังขยะรังควานไม่เลิก
ปกติแล้วเพื่อนร่วมสายพันธุ์ระดับธรรมดาเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากมดเลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าตัวนี้จะสร้างความยุ่งยากให้กับมันได้มากถึงขนาดนี้
สิ่งที่ทำให้ซอมบี้นกเดือดมากที่สุดก็คือ เหมือนมันจะสัมผัสถึงกลิ่นอายเจ้ามนุษย์น่าชังนั่นผ่านเจ้าปลาโง่ตัวนี้ได้รางๆ!
“พวกเดียวกัน! เป็นพวกเดียวกัน!”
ซอมบี้นกระเบิดความโกรธ พลันพุ่งตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าหุ่นซอมบี้กลับวิ่งหนีไปอย่างเจ้าเล่ห์ โดยการเลือกวิ่งเข้าไปในมุมเลี้ยวของร้านค้าที่กั้นโดยตะแกรงเหล่านั้น
สภาพแวดล้อมอย่างนี้เหมาะแก่การยืดการต่อสู้ออกไปมาก ขอเพียงเร็วพอ ไม่ว่าวิ่งไปทางไหนก็มีที่ให้ซ่อนตัวทั้งนั้น
ระหว่างทางยังมีสิ่งของให้คว้าขึ้นมาขว้างปา เพื่อป้องกันไม่ให้ระยะห่างสั้นลง
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป เรี่ยวแรงของหุ่นซอมบี้ตัวนี้ก็ลดฮวบลงจนถึงระดับที่อันตราย
บาดแผลที่แผ่นหลังก็ไม่มีการสมานตัวแต่อย่างใด แล้วยังมีความรู้สึกที่เหมือนเนื้อฉีกขาดออกเรื่อยๆ อีก
เรี่ยวแรงใกล้หมดเต็มที เชื้อไวรัสที่ติดมาก็พร้อมจะออกฤทธิ์ได้ทุกเมื่อ
แต่ในระยะเวลาที่มีจำกัดนี้ ภายใต้การควบคุมอย่างชำนาญของหลิงม่อ หุ่นซอมบี้ได้ถ่วงเวลาพาเจ้าซอมบี้นกวิ่งเข้านั่นออกนี่อยู่ในตัวห้างฯ อย่างสุดความสามารถ
แต่ความต่างของพลังมีให้เห็นชัดเกินไป หุ่นซอมบี้เพิ่งจะหักเลี้ยว ก็รู้สึกเหมือนแขนถูกดึงอย่างแรงทันที
“แกร๊ก!”
เลือดสีแดงสดกระจายไปทั่ว ร่างกายของหุ่นซอมบี้สั่นคลอนตามแรงดึงชั่วขณะ
เห็นหุ่นซอมบี้ยังคงวิ่งหนีต่ออย่างไม่ลดละ เจ้าซอมบี้นกขว้างแขนข้างที่มันดึงหลุดลงพื้นอย่างโกรธจัด “แกไม่คู่ควรเป็นซอมบี้จริงๆ!”
“แน่นอนสิ ก็ฉันเป็นคนนี่…” หลิงม่อคิดในใจ
เย่เลี่ยนรับหน้าที่เฝ้าประตูหน้าต่อไป ดูเธอรูปร่างอ้อนแอ้นอรชร แต่กลับสามารถทำหน้าที่ “หนึ่งคนเฝ้าด่าน ซอมบี้หมื่นตัวมิอาจกล้ำกราย” ได้เป็นอย่างดี
มีเทพเจ้าสายฟ้าอยู่ในมือ บวกกับดวงตาที่สามารถจับจุดโฟกัสอัตโนมัติได้อย่างต่อเนื่อง ซอมบี้ที่หมายจะเข้าใกล้ล้วนถูกระเบิดกระจุยเป็นผุยผงถ้วนหน้า
ถึงแม้มีซอมบี้โชคดีหลุดไปได้ แต่สุดท้ายก็ถูกเย่เลี่ยนจัดการอย่างง่ายดายอยู่ดี
หลังก้าวข้ามเข้าสู่ระดับเจ้าเมือง เธอไม่เพียงได้รับการเปลี่ยนแปลงด้านดีเกี่ยวกับสายตาเท่านั้น แต่ศักยภาพร่างกายของเธอพัฒนาขึ้นในทุกด้านอีกด้วย
ถึงแม้จะยังไม่มั่นคง แต่สำหรับเพื่อนร่วมสายพันธุ์ระดับต่ำเหล่านี้ถือว่ามากเกินพอแล้ว
เธอลดเทพเจ้าสายฟ้าลง พลิกมือล้วงระเบิดออกมาจากกระเป๋าเป้หนึ่งลูก
“เข้ามา…อีกสิ” สายตาเหม่อๆ ของเย่เลี่ยนจับจ้องไปยังด้านในของห้างฯ มองดูเหล่าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ที่พากันกระโดดข้ามราวแล้ววิ่งกรูเข้ามา
พวกซอมบี้ที่ถูกยิงบ้างก็หล่นจากที่สูงกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนร่างแหลก บ้างก็ห้อยอยู่บนราวกัน บ้างก็ตัวปลิวเข้าไปในร้านรวงข้างทาง และถูกเพื่อนร่วมสายพันธุ์ตัวอื่นกินแก้หิว
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาเย่เลี่ยนกลับยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้า
กลิ่นอายของซอมบี้เจ้าเมืองรอบกายเธอ กำลังพลุ่งพล่านมากขึ้นทุกขณะ…
“วะฮ่าฮ่าฮ่า!” ซอมบี้นกหัวเราะดังกึกก้อง พลางไล่โจมตีหุ่นซอมบี้ไปติดๆ อย่างไม่ยอมปล่อย
หุ่นซอมบี้แขนขาดหนึ่งข้าง แต่ที่ร้ายแรงกว่าคือเรี่ยวแรงที่กำลังถดถอยอย่างหนัก ความเร็วของมันจึงช้าลงเรื่อยๆ
วิ่งไปได้ไม่ไกล แขนของมันก็ถูกดึงขาดไปอีกข้าง
เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นเต็มทางเดิน กลิ่นคาวเลือดฉุนลอยคลุ้งไปทั่วด้านในของห้างฯ
กลิ่นเลือดจากร่างหุ่นซอมบี้เริ่มดึงดูดความกระหายจากซอมบี้บางส่วน พวกมันเหมือนอีแร้งที่กำลังเดินวนเวียนไปมาอยู่ในซอกหลืบ พร้อมทอดสายตาเย็นชาไปยังทิศทางที่หุ่นซอมบี้อยู่
แต่เพราะมีซอมบี้ราชาอยู่ตรงนั้นด้วย พวกมันจึงไม่กล้าเข้าใกล้
“ปุบ!”
ซอมบี้นกขว้างแขนอีกข้างของหุ่นซอมบี้ออกไป จากนั้นก็กระโดดสูง เล็บแหลมคมจิกเกี่ยวกับเพดาน และทิ้งตัวลงบนศีรษะหุ่นซอมบี้อย่างรวดเร็ว
กรงเล็บที่เหมือนนกของมันจิกเข้าที่ไหล่ของหุ่นซอมบี้ และถีบร่างของหุ่นซอมบี้ให้ล้มลงกับพื้นดัง “โครม”
“ฉันจะฉีกแกเป็นชิ้นๆ!”
ซอมบี้นกแสยะยิ้มคำรามลั่น มันไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นกับการจับเหยื่อเท่าครั้งนี้มาก่อน
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากที่สุดคือ อีกฝ่ายที่ทำให้มันตื่นเต้นกลับเป็นแค่ซอมบี้ธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น
ไม่สิ เจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์นี่จะธรรมดาได้อย่างไร? มันต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้ามนุษย์นั่นแน่!
“ขึกๆๆๆๆๆ! แกเละแน่!”
ซอมบี้นกออกแรงเหยียบร่างหุ่นซอมบี้ที่พยายามขัดขืนไว้ใต้ฝ่าเท้า จากนั้นก็โค้งตัวลงไปกระชากผมของมัน
มันอยากเห็นสภาพเจ้าหนอนเน่าตัวนี้ถูกตัวเองกระชากหัวหลุดจนแทบอดใจรอไม่ไหว การมองดูความตาย และเลือดสดๆ คือสิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับซอมบี้แล้ว
“ขึกๆๆๆๆๆ!” ซอมบี้นกหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เหมือนว่าตอนนี้มันลืมเรื่องของเย่เลี่ยนไปเสียสนิทแล้ว
แต่เพิ่งจะโน้มตัวลงไป ซอมบี้นกก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง
ไม่รอให้มันหันมอง หุ่นซอมบี้ที่ถูกมันเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าก็พยายามเอี้ยวตัว ท่ามกลางเสียงกระดูกหักดัง “กร๊อบแกร๊บๆๆ” แล้วทันใดนั้นมันก็งับเข้าที่แข้งซอมบี้นกอย่างแรงในมุมองศาที่พิสดารสุดๆ
กัดไม่เจ็บ แต่แน่นมาก ซอมบี้นกยกเท้าอีกข้างเตะมันเต็มแรง แต่ขนาดเลือดแดงๆ ไหลออกจากซอกฟันของมันลงมาเป็นสาย มันก็ยังไม่ยอมปล่อย
—————————————————————————–