แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 857
บทที่ 857 จับสาวน้อยได้หนึ่งตัว
Ink Stone_Fantasy
“นี่ ตื่นๆ”
ท่ามกลางเสียงตะโกนเรียกที่คล้ายใกล้คล้ายไกล หัวหน้าใหญ่ค่อยๆ ลืมตา
“เจ็บจัง…หืม? มีคนกำลังเรียกฉัน? ใครกัน…ใช่สิ เมื่อกี้ฉัน…เป็นอะไรไป?”
หัวหน้าใหญ่พูดอย่างติดๆ ขัดๆ
ดูเหมือนเขายังไม่ได้สติดี ขณะที่เปลือกตาก็ยังเปิดแค่ครึ่งเดียว
แต่ในวินาทีถัดมา…
“อื้อ!”
น้ำเย็นๆ แก้วหนึ่งถูกสาดใส่หน้าเขา หัวหน้าใหญ่ตะโกนลั่น
ทว่าจนกระทั่งตอนที่เสียงร้องเขาติดอยู่แค่ในปาก เขาถึงได้รู้ว่าปากของตัวเองถูกเทปกาวปิดไว้…
“ทีนี้ตื่นแล้วสินะ?” เสียงแข็งแกระด้างหนึ่งดังมาจากบนศีรษะ
“ซวยแล้ว ไม่ให้โอกาสฉันเลย…”
หัวหน้าทีมใหญ่หัวใจเต้นตึกตัก พลางลอบกัดฟันกรอด
แกล้งโง่…นี่คือความคิดแรกที่เขาคิดได้หลังจากลืมตาตื่น
แกล้งทำเป็นว่าตัวเองยังไม่ได้สติดี และยื้อเวลาไว้ให้นานที่สุด เพื่อที่จะได้รู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อนจะพูดคุยกันตรงๆ…
มีแค่วิธีนี้ ถึงจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบในวินาทีที่ลืมตาขึ้นมา!
อีกฝ่ายแค่ตีเขาจนสลบ แต่กลับไม่ได้ฆ่าเขา นั่นหมายความว่าเขายังมีประโยชน์อยู่…
แต่…อีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือเลยซักนิด!”
“เป็นแค่หัวหน้าทีมย่อยตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”
ขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างของหัวหน้าทีมใหญ่ลืมเต็มที่ ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า คือหลิงม่อที่กำลังยกน้ำแก้วหนึ่งขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก…
“สถานการณ์ไม่ค่อยดีเลย…” หัวหน้าทีมใหญ่ฉายแววตาหวาดกลัวเล็กน้อย
หลิงม่อยืนก้มหน้าจ้องอีกฝ่ายเขม็ง ในใจกลับมีประโยคที่คล้ายกันผุดขึ้นมาว่า “จัดการไม่ง่ายเลย…”
เวลานี้ ในจุดที่สายตาของอีกฝ่ายมองไม่เห็น เนื้อบนแผ่นหลังของหลิงม่อกำลังดิ้นขลุกขลัก
เพื่อคว้าโอกาสในเสี้ยววินาทีนั้นไว้ให้ได้ เขาฝืนรวบรวมเชื้อไวรัสไว้ที่ร่างกายท่อนบน…และผลลัพธ์จากการทำอย่างนี้ คือทำให้แผ่นหลังเกิดการกลายพันธุ์ ถ้าหากอยู่ข้างนอก หลิงม่อคงไม่กังวลกับเรื่องนี้ แต่พอต้องมาอยู่ที่นี่ สิ่งผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อย ล้วนอาจทำให้สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดสูญเปล่า…
และหัวหน้าทีมใหญ่ตรงหน้าเขาที่ถูกจับสำเร็จ…ก็เห็นชัดว่าไม่ใช่คนที่ตรงไปตรงมาหรือเล่นงานได้ง่ายๆ
ถึงแม้ถูกลอบโจมตีอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่ในเสี้ยววินาทีที่ได้สติ เขากลับตัดสินเรื่องที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง…ความใจเย็นนี้ ไม่ใช่ว่าใครก็มีกันได้…
“ตอนแรกนึกว่าทำเป็นเข้มเป็นอย่างเดียว แต่ดูจากตอนนี้ เขามีดีให้ทำเป็นเข้มจริงๆ…อีกอย่าง…” หลิงม่อเหลือบไปมองนาฬิกาที่ห้อยอยู่บนผนัง “ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีหรอ…ถูกศีรษะซอมบี้ที่กลายพันธุ์ไปแล้วโจมตีเต็มๆ ขนาดนั้น แต่กลับหมดสติไปแค่ไม่นาน” เขาหันไปมองหัวหน้าทีมใหญ่อีกครั้ง “เป็นผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกายสินะ? น่าเสียดาย ฉันไม่เปิดโอกาสให้นายได้แสดงฝีมือหรอกนะ ร่างกายร่างนี้ไม่เหมาะกับการชกต่อย ใครจะไปรู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไประหว่างที่กำลังสู้กันหรือไม่…”
หลังครุ่นคิด หลิงม่อก็ชักกริชเล่มหนึ่งออกมาอย่างไม่ลังเล
“มาคุยกันหน่อย” เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เร็วขนาดนี้เลยหรอ!” หัวหน้าทีมใหญ่เหงื่อแตกพลั่ก
เขายังไม่ทันได้คิดให้ดี…ในสถานการณ์อย่างนี้ การไม่รู้อะไรเลยเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
จะถามอะไรอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้น เขาคงจะตัดสินความเป็นตายของฉันจากคำตอบสินะ…
“ถูกฐานทัพที่ 2 ซื้อตัวไปแล้วงั้นหรอ? แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาน่าจะได้รับคำสั่งให้แฝงตัวเข้ามาเพื่อมองหาจังหวะลงมือถึงจะถูกสิ การวิ่งเข้ามาจับฉันมัดไว้แบบนี้ไม่เป็นการกระทำที่บ้าบิ่นเกินไปหรอ?! ไม่ว่าจะขังฉันไว้ต่อไป หรือฆ่าปิดปาก ล้วนทำให้เขาถูกจับได้ทั้งนั้น! ถ้าอย่างนั้น จุดประสงค์ของเขาคืออย่างที่สาม?”
“ข้อสาม ซื้อตัวฉัน!”
险……”
“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นก็พอเข้าใจได้…แสดงว่าฉันจะไม่มีอันตรายมากนักสินะ…
สวบ!
ทันใดนั้นปลายมีดพลันจ่อมาที่กลางหน้าผากของเขา ความรู้สึกหวาดเสียวและตกใจทำให้หัวหน้าทีมใหญ่ตะลึงค้าง
สัมผัสถึงอันตรายรุนแรงทำให้ร่างกายเขาแข็งทื่อ เหงื่อเย็นๆ เริ่มไหลอย่างต่อเนื่อง
“ต่อไปฉันจะถามอะไรหน่อย ถ้าตอบผิด ตาย โกหก ตาย คิดเกินหนึ่งวินาที ตาย เข้าใจหรือยัง?” หลิงม่อเปิดปากพูดอย่างแช่มช้า
เขาไม่มีเวลามาอ้อมค้อมกับคนคนนี้แล้ว…
“ฉันรีบ” หลิงม่อพูดเสริม
หัวหน้าทีมใหญ่ม่านตาหดเล็กลง ภาพตรงมืดมนลงทันใดหน้าราวกับมีหมอกปกคลุมหนึ่งชั้น
“ทายผิดแล้ว! ดูจากสีหน้าของเขา ไม่เหมือนกำลังล้อเล่นซะด้วย! เขาจะลงมือจริงๆ…เขาจะฆ่าฉันจริงๆ!”
การกลัวตายเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่นั่งอยู่ในตำแหน่งของเขา…
“ถูกมัดตัวไว้แน่น…อาวุธบนตัวก็ถูกยึดไปหมด…”
ปลายมีดค่อยๆ ทิ่มแทงเข้าเนื้อ ความหวาดกลัวแผ่ปกคลุมจิตใจของหัวหน้าทีมใหญ่อย่างรวดเร็ว
“ไม่พูด? ตาย…พูด? ก็ไม่แน่ว่าจะรักษาชีวิตไว้ได้…”
“ก๊อกๆ”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูอย่างอ่อนโยนดังขึ้น ทำให้บรรยากาศตึงเครียดในห้องพลันย่ำแย่ลงกว่าเดิม
หัวหน้าทีมใหญ่และหลิงม่อตกใจพร้อมกัน แต่ไม่นาน การตอบสนองของทั้งสองก็แตกต่างกันทันที
“เวลาอย่างนี้…ใครมากันวะ!” หลิงม่อลุกพรวด
หัวหน้าทีมใหญ่เนื้อเต้น แต่ไม่นานก็เริ่มโอดครวญอย่างไม่รู้ตัว “ไม่มีทาง เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้เราร้องขอความช่วยเหลือแน่นอน! ถ้าหากมีอะไรผิดปกติ เขาต้องฆ่าฉันทันทีแน่ๆ!”
สัญญาณที่บ่งบอกชัดเจนที่สุดก็คือ…ถึงแม้หลิงม่อจะลุกขึ้นยืน แต่ปลายมีดยังคงจ่ออยู่ตรงหว่างคิ้วเขาเหมือนเดิม แถมยังค่อยๆ ดันปลายมีดเข้ามาอีก!
“ก๊อกๆ!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกสองครั้ง แล้วเสียงหนึ่งก็ดังเข้ามา
“หัวหน้าเฉา อยู่ไหมคะ?”
พอได้ยินเสียงนี้ หลิงม่อก็ชะงักไปทันที
นั่นมันเลขาหยางคนนั้นนี่!
“ตามหลอกหลอนไม่เลิกเลยจริงๆ!”
ถึงแม้เมื่อกี้เขาเพิ่งจะใช้ผู้หญิงคนนี้เป็นเหยื่อล่อ แต่ก็ไม่ต้องมาหากันเร็วปานนี้ก็ได้มั้ง…
สะกดรอยตามก็ต้องมีขีดจำกัดกันบ้างสิ!
“ดูเหมือนความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของวันนี้ คือเจอผู้หญิงคนนี้ตอนที่แฝงตัวเข้ามา…” หลิงม่อคิดอย่างหงุดหงิดสุดๆ
แผนการไม่มีวันตามการเปลี่ยนแปลงทัน…แต่ก่อนหน้านี้ หลิงม่อไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอเหตุการณ์อย่างนี้
“เธอไม่มีทางมาที่นี่โดยไม่มีสาเหตุ อีกอย่างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนข้างนอกนั่นก็ต้องบอกเรื่องที่เราอยู่ในนี้ให้เธอรู้แล้วด้วย…เธอมาหาฉัน!”
หลิงม่อหันไปมองหัวหน้าทีมใหญ่ แล้วหันไปมองประตูอีกครั้ง
“เอาแต่หลบไปตลอดไม่ใช่ทางออก ถ้ายังไง…”
นอกประตู หยางเหมยกำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสายตาวาววับ
“หัวหน้าทีมลาดตระเวน เย่จ้าว…ปกติเป็นคนตั้งใจทำงานดี ไม่มีอะไรผิดสังเกต…แต่กลิ่นอายที่เราสัมผัสได้จากตัวเขา…แล้วก็พฤติกรรมเมื่อกี้ของเขาก็ดูไม่ปกติด้วย ถ้าหากไม่มีอะไร คงไม่ต้องหนีออกมาจากห้องน้ำอย่างนั้น…น่าเสียดายที่ถูกเขาใช้อุบายประหลาดสลัดหลุดเสียก่อน แต่ตอนนี้ปัญหาคือเขามาทำอะไรที่นี่?”
เธอเพิ่งจะคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ เสียงหนึ่งกลับดังออกมาจากในห้อง
“เชิญ”
ขณะเดียวกัน เสียง “แกร๊ก” ก็ดัง แล้วประตูก็ค่อยๆ เปิดออก
หยางเหมยกระดกคิ้ว นี่มัน มีบางอย่างผิดปกติ แต่ว่า…
เมื่อหยางเหมยยื่นมือไปจับกลอนประตู บานประตูก็ถูกเธอผลักออกจนสุด
“แล้วคนล่ะ!”
หัวใจเธอกระตุกวูบ พลันก้าวเท้าไปข้างหน้าทันที
เห็นแล้ว!
ตรงประตูของห้องข้างใน หัวหน้าทีมใหญ่ถูกมัดติดอยู่บนเก้าอี้
สภาพตัวสั่นไม่หยุดและสีหน้าซีดเผือดของเขา ทำให้หยางเหมยชะงักไปชั่วขณะ
ทว่าอาศัยการตอบสนองอันรวดเร็วของเธอ ไม่นานสายตาเธอก็จับจ้องไปยังจุดที่ผิดปกติที่สุดบนร่างกายของหัวหน้าทีมใหญ่
บนหัวของเขามีปืนกระบอกหนึ่งห้อยลงมา โดยที่ปลายอีกด้านเชื่อมติดกับ…
แต๊ก!
ทันใดนั้น จู่ๆ ไฟก็ดับ ประตูห้องก็ถูกปิดด้วย
“อยู่ไหน! เชือกที่เชื่อมต่อกับปืนอยู่ที่ไหน!”
หยางเหมยตกใจพึมพำกับตัวเอง
“อย่าขยับ”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งพลันดังมาจากข้างหลังเธอ “ถ้าหากขยับตัวส่งเดช เธออาจทำเขาตาย”
“เมื่อกี้…ซ่อนอยู่ข้างบนประตู?” หยางเหมยตะลึง
ถึงแม้เธอจะมีความเร็วในการเคลื่อนไหวอันน่ากลัว แต่ในสถานที่คับแคบและมืดมิดอย่างนี้ เธอไม่สามารถขยับตัวส่งเดชได้จริงๆ…
เธอยังไม่รู้ว่าเชือกเส้นนั้นอยู่ตรงไหน แต่ดูจากหลักการเหตุผลและท่าทีของอีกฝ่าย เกรงว่าหากเธอสัมผัสถูกเชือกเส้นนั้น หัวหน้าทีมใหญ่ท่านนั้นก็จะตายทันที
“ทำได้เพียงทำตามที่เขาบอก…”
หยางเหมยกัดริมฝีปาก ขณะที่สมองกำลังคิดหาทางรับมืออย่างเร่งด่วน
แต่ในตอนนั้นเอง สัมผัสที่ทำให้หัวใจเต้นแรงพลันแผ่มาจากด้านหลัง
หยางเหมยเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นประกายแสงสีแดงที่แวบผ่านบนหัวไป
“จิ๊บ!”
เมื่อแสงสีแดงมุดเข้าไปในเส้นผม หยางเหมยรู้สึกเหมือนร่างกายตื้อไปชั่วขณะ
เหมือนการเคลื่อนไหวเชื่องช้าลง ในสมองก็ราวกับมีความคิดที่ไม่ใช่ของตัวเองแทรกขึ้นมา…
โหดร้าย ป่าเถื่อน ไร้ความปรานี…อารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้สร้างความสะเทือนใจให้กับเธออย่างรุนแรงในชั่วพริบตา และเมื่อเธอได้สติอีกครั้ง ร่างกายกลับถูกคนกดทับไว้กับพื้น
อีกฝ่ายใช้เข่ากดท้องน้อยของเธออย่างไม่ออมมือ มือทั้งสองข้างจับข้อมือเธอแน่น
ขณะที่เธอได้สติ สายตาคู่หนึ่งก็จ้องมองมา “คราวนี้ขยับไม่ได้จริงๆ แล้ว…”
—————————————————————————–