แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 884
“ตึง! ตึง!”
เจ้าก้อนเนื้อยักษ์ขยับแล้ว นับตั้งแต่วินาทีที่มันก้าวเท้ากะทันหัน หลิงม่อก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบนพื้นทันที
“ไม่ใช่แล้วมั้ง อยู่ห่างขนาดนั้นเนี่ยนะ!” หลิงม่อพูดอย่างหงุดหงิด
โชคดีที่เจ้าก้อนเนื้อยักษ์ไม่ได้หมายหัวเขา แต่เป็น…
“มันจะไปบริษัทลอว์สันหรอ?
ผลลัพธ์นี้ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ เพราะที่นั่นเป็นเป้าหมายของพวกหลิงม่อเหมือนกัน…
หุ่นซอมบี้น่ะไม่เท่าไหร่ แต่หลิงม่อไม่อยากให้พวกเย่เลี่ยนปะทะกับเจ้าก้อนเนื้อยักษ์ตัวนี้ซึ่งๆ หน้า
ไม่ต้องเดาก็รู้ ทันทีที่ต่อสู้กัน ต้องเกิดเสียงอึกทึกครึกโครมไปทั่วแน่นอน…
ขณะที่หลิงม่อกำลังนึกปวดหัว เจ้าก้อนเนื้อยักษ์ก็ได้เดินมาถึงบริเวณหน้าประตูบริษัทแล้ว
มันหยุดชะงักอยู่หน้าประตูชั่วขณะ จากนั้นก็เปล่งเสียงคำรามก้อง และพุ่งเข้าไปในตัวอาคาร
ไม่รู้ว่าเพราะพลังของมันน่าเกรงขามมาก หรือเป็นเพราะมันพุ่งเข้าไปด้วยความเร็วสูง ตั้งแต่ที่มันก้าวเข้าไปในประตูใหญ่จนถึงวิ่งเข้าไปในตัวอาคาร หลิงม่อยังไม่เห็นซอมบี้วิ่งหนีออกมาซักตัว
พอเห็นว่ามันหายตัวเข้าไปในประตูห้องโถงมืดๆ บานนั้นแล้ว หลิงม่อก็ทำได้เพียงต้องฝืนตัดสินใจ
ความจริงเขาไม่มีเวลาให้คิดมากแล้ว หลังจากที่ซอมบี้หัวหน้าฝูงปลีกตัวออกไปชั่วขณะ ซอมบี้ที่อยู่รอบกายก็เริ่มมีท่าทางพร้อมโจมตีทุกเมื่ออีกครั้ง ถ้าสมมติว่าสายตาของพวกมันสามารถกัดกินคนได้ล่ะก็ ป่านนี้พวกหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อคงถูกย่อยสลายไปถึงห้าหกครั้งไปแล้ว…
หากอยู่อย่างนี้ต่อไปยากรับประกันได้ว่าจะไม่ถูกซอมบี้พวกนี้เข้ามารุม แล้วตอนนี้หลิงม่อก็ไม่อยากเสียเวลามาสู้รบตบมือกับเจ้าพวกนี้อยู่ที่นี่…ดังนั้นก่อนที่พวกมันจะก่อความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง หลิงม่อจะควบคุมให้หุ่นซอมบี้เดินตามซอมบี้หัวหน้าฝูงเข้าไปในอาคาร
“ดูจากความแน่นหนาของซอมบี้พวกนี้ ไม่สามารถเดินเลี่ยงได้ตามคาด…” ระหว่างทางหลิงม่อได้สังเกตการณ์ไปด้วย กระทั่งลอบพิจารณาซอยเล็กๆ ที่อยู่รอบๆ ด้วย แต่สิ่งที่ทำให้เขาพูดไม่ออกคือ แม้แต่ในมุมที่ไม่สะดุดตาก็ยังมีดวงตาสีแดงมากมายคอยจ้องมองเขาอยู่
ทว่ายิ่งเข้าใกล้บริษัทลอว์สัน จำนวนของซอมบี้ก็ยิ่งลดน้อยลง ขณะเดียวกันระดับของซอมบี้ก็สูงขึ้นตามไปด้วย
พวกซอมบี้ระดับต่ำเหมือนไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้ที่นี่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบริษัทลอว์สัน หรือเป็นเพราะซอมบี้ระดับสูงพวกนี้กันแน่…หุ่นซอมบี้สามตัวที่หลิงม่อกำลังควบคุมอยู่ถือว่ามีระดับวิวัฒนาการที่ไม่เลว ดังนั้นพอพวกมันเข้าไปใกล้จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจจากซอมบี้ระดับสูงพวกนั้นมากนัก
แต่ยังไงก็ยังหลบไม่พ้นการถูกรุมจ้องอยู่ดี และหลิงม่อก็รู้สึกได้รางๆ ยิ่งเขาเข้าใกล้บริษัทลอว์สันเท่าไหร่ สายตาของซอมบี้พวกนั้นก็ยิ่งพุ่งเป้ามาที่เขาเป็นจุดเดียว…
“ไม่เข้าใจเลย…”
หลิงม่อลอบถอนหายใจ เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าเจ้าพวกนั้นกำลังคิดอะไรอยู่…
ทว่าเมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูบริษัทลอว์สัน อยู่ๆ เขาก็เข้าใจทันที
ที่นี่…ประหลาดมากจริงๆ
อย่างเช่นบนถนนที่อยู่ห่างออกไปห้าสิบเมตรนั่น ถึงแม้ว่าตรงนั้นจะเงียบมากเหมือนกัน แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนมีกลิ่นอายชีวิตอยู่แถวๆ นั้น
ส่วนตรงนี้…ทั้งประตูใหญ่ผุพัง ป้อมยามหน้าประตูอันว่างเปล่า ลานจอดรถที่เต็มไปด้วยรถเบนซ์ รวมถึงตัวอาคารที่ตั้งอยู่ตรงกับประตูใหญ่…สรรพสิ่งทั้งหมดราวกับกำลังสะท้อนความเงียบงันออกมา เหมือนไม่เคยมีใครเหยียบย่างเข้ามาในที่แห่งนี้มาก่อน แม้แต่เจ้าซอมบี้หัวหน้าฝูงที่เพิ่งวิ่งเข้าไปเมื่อกี้ก็ราวกับถูกกลืนหายไป เพราะมันไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีกเลย
“ไม่ใช่สิ…ดูจากพฤติกรรมของมัน นี่อาจเป็นความเคยชินของมันก็ได้ การที่มันเงยหน้ามองท้องฟ้าอาจเพราะกำลังดูเวลาอยู่ หรือไม่ก็เป็นเพราะสภาพอากาศ ภายใต้เวลาหรือสถานการณ์พิเศษบางอย่าง มันจะเข้าไปในอาคารหลังนั้น…แต่ทำไมมันต้องทำอย่างนั้นล่ะ?” หลิงม่อขมวดคิ้วคิด
สิ่งที่แย่ที่สุดคือสัญชาตญาณ “ซอมบี้ของเขา” แทบจะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย หรือพูดอีกอย่างก็คือ บริษัทแห่งนี้ถือเป็นเขตอับสำหรับเขา
“ในเมื่อมีสิ่งผิดปกติมากขนาดนี้ ก็แสดงว่าถึงที่นี่จะไม่ใช่รังกบดาน แต่ก็ต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ…เฮ้อ นี่มันไม่ใช่ข่าวดีเลยนะเนี่ย…” หลิงม่อถอนหายใจอีกครั้ง
“มีความคืบหน้าบ้างไหม มนุษย์?” จู่ๆ เสียงของเฮยซือก็ดังขึ้นในสมอง
“ฉันกำลังจะเข้าไป” หลิงม่อตอบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์
เฮยซือหัวเราะหึหึ บอกว่า “นายก็เคยคบค้าสมาคมกับซอมบี้มาไม่น้อยแล้ว ยังจะต้องกลัวอะไรอีก”
“ข้อแรก ฉันไม่ได้กลัว ข้อสอง ฉันก็แค่อยากทำให้ดี…แล้วทำไมฉันต้องมาอธิบายให้หมาตัวเมียอย่างเธอฟังด้วยเนี่ย?” หลิงม่อบอก
“พูดอีกครั้งซิ…”
“ไว้ค่อยคุยกัน”
หลิงม่อบล็อกเฮยซือทิ้งไปดื้อๆ…ที่บอกว่าบล็อก ความจริงเขาแค่หันเหสมาธิไปจดจ่อที่หุ่นซอมบี้ และไม่สนใจเฮยซืออีกก็เท่านั้น…เขาเล่นไม้นี้ได้ลื่นไหลทีเดียว กระทั่งยิ่งเล่นก็ยิ่งชำนาญขึ้นเรื่อยๆ …
หลังจากได้รับสัญญษณเร่งจากพวกเย่เลี่ยน หลิงม่อก็ไม่เสียเวลาอีก เขารีบควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ก้าวเข้าไปในประตูใหญ่
ในเสี้ยววินาทีที่ก้าวข้ามไม่กั้นรถ หลิงม่อรู้สึกเย็นสะท้านไปทั้งตัวตามสัญชาตญาณทันที
เหมือนกับมีบางอย่าง…กำลังจ้องเขาเดินเข้าไป…
“นึกว่าเจ้านั่นพังไปนานแล้วซะอีก” หลิงม่อเหลือบมองกล้องวงจรปิดที่อยู่บนหัวเล็กน้อย พลางคิดในใจ
กล้องวงจรปิดตัวนั้นไม่ทำงานแล้ว แต่ที่นี่กลับยังคงตกอยู่ในสภาวะถูกจับตามอง…และสิ่งที่น่าแปลกก็คือ หุ่นซอมบี้ของเขาไม่รู้สึกอะไรเลย…นั่นหมายความว่า อีกฝ่ายอาจใช้วิธีการแอบมองบางอย่างโดยใช้พลังจิต…
“พลังจิต…ถ้าหากเป็นประเภทพลังจิตจริงๆ ก็ดีน่ะสิ…”
หลิงม่อต่างกับเจ้าซอมบี้หัวหน้าฝูงที่วิ่งพุ่งเข้าไปโดยตรง เขาในฐานะผู้สำรวจเส้นทางเดินเข้าอย่างเชื่องช้า พร้อมกับสำรวจอย่างละเอียดทุกซอกมุม
ความคืบหน้าของหุ่นซอมบี้สามตัวนั้นไม่เหมือนกัน ทิศทางในการเดินก็แตกต่างเช่นกัน
สองในสามตัวสำรวจเส้นทางด้านซ้ายหนึ่งตัว ด้านขวาหนึ่งตัว ตัวสุดท้ายคอยเฝ้าระวังข้างหลังและรอบตัวอยู่ตลอดเวลา
ขณะที่กำลังเดินผ่านประตูป้อมยาม เจ้าหุ่นซอมบี้ตัวนี้ก็ชะโงกหน้าเข้าไปดูในป้อม
แต่นอกจากพื้นที่ค่อนข้างชื้น รวมถึงคราบเลือดกระดำกระด่างที่กระจายไปทั่วและกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มไปนานแล้ว ในนี้ก็ไม่มีอะไรผิดสังเกตอีก
“เป็นพลังจิตอย่างที่คิดจริงๆ งั้นหรอ?” หลิงม่อคิด
ทว่าเขาไม่เพียงต้องตรวจสอบแค่นี้ แต่ยังต้องตรวจสอบรายละเอียดบางอย่างอีกด้วย…
“ดูเหมือนไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตเข้ามาในนี้” หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ผลักประตูนิรภัยที่กระท่อนกระแท่นออกเบาๆ จากนั้นก็ไล่สายตามองไปตามพื้น
“เดี๋ยวก่อน…”
อยู่ๆ เขาก็สูดจมูก จากนั้นก็นั่งยองๆ ลงไปใช้นิ้วปาดไปในช่องแคบๆ
ผงสีน้ำตาลเข้ม กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ…ดูจากกลิ่น น่าจะยังไม่นาน…
“หรือก็คือ อย่างน้อยก็สองเดือนก่อนหน้านี้ ที่นี่เคยมีซอมบี้เข้ามา”
“หยุดทำไม?” เสียงของเฮยซือดังขึ้น
หลิงม่อหมดคำพูด นี่เขาเพิ่งจะปลดบล็อกเองนะ…พลังต่อสู้ของคนช่างจ้อไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้จริงๆ
“แค่กำลังตรวจสอบจุดที่น่าสนใจ โดยอ้างอิงกฎการเคลื่อนไหวของซอมบี้เท่านั้นเอง” หลิงม่อตอบ
“หมายความว่าไง?” เฮยซือถามอย่างสงสัย จากนั้นก็พูดอีกว่า “ซือหรานถามน่ะ”
“ซอมบี้ชอบบุกเข้ามาในห้อง แล้วก็ชอบที่มืดๆ เรื่องแค่นี้เธอไม่รู้หรือไง?” หลิงม่อจ้องมองบริเวณใกล้ๆ อีกครั้ง ปากก็พูดว่า “ถ้าหากหาร่องรอยการต่อสู้ หรือกลิ่นเชื้อไวรัสฉุนๆ เจอในนี้ อย่างน้อยมันก็ยืนยันเรื่องบางอย่างได้…แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันเจอ กลับไม่ใช่ข่าวดี”
“ไหนลองบอกมาสิ” เฮยซือพูดอย่างสนอกสนใจ
“กลิ่นของคราบเลือดนี้อย่างน้อยก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว แสดงว่าที่นี่ถูกกวาดล้างมานานมาแล้ว ในเวลานานขนาดนั้น ทั้งไม่มีซอมบี้เคยเข้ามาที่นี่ และไม่มีซอมบี้กล้าเข้าใกล้ที่นี่ด้วย…อย่างน้อยนอกจากเจ้าซอมบี้หัวหน้าฝูง ตัวอื่นๆ ล้วนไม่กล้าเข้ามาในนี้
“อย่างงั้นหรอ…”
“ในฐานะสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ เธอจะไม่เสนอความเห็นอะไรหน่อยหรอ? อวี๋ซือหรานล่ะ?” หลิงม่อถามกลับ
เฮยซือครุ่นคิด บอกว่า “จะใช่สัตว์กลายพันธุ์หรือสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์หรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ…แต่นายก็รู้ดี ว่าสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์กับซอมบี้มีความเกี่ยวข้องแบบล่าซึ่งกันและกัน นอกเสียจากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่ในสภาวะซ่อนตัวระยะยาว…จะว่าไปสถานการณ์อย่างนี้นายก็เคยเจอมาแล้วไม่ใช่หรอ? ส่วนซอมบี้น่ะ…ถึงแม้จะเป็นซอมบี้ที่อยู่ในระดับวิวัฒนาการเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เหมือนกันเสมอไป อย่างมากก็อาจจะแค่คล้ายกันเท่านั้น แต่ซอมบี้ชนชั้นสูงไม่ทำอย่างนี้หรอกนะ ซอมบี้เจ้าเมืองก็ไม่อยู่ในที่อย่างนี้นานๆ เหมือนกัน ที่นี่มันเมือง X นะ ถ้าไม่ออกไปล่าอาหารที่มีอยู่ทุกที่จะไม่เป็นเรื่องน่าเสียดายหรอกหรอ?”
“มีเหตุผล…” หลิงม่อพยักหน้าบอก
ทว่าไม่นานเขาก็ขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้น ข้างในนั้นอาจเป็นซอมบี้กลายร่าง?”
“ก็ไม่แน่” เฮยซือพูดอย่าไม่กล้าฟันธง “ถ้าหากใช่ ก็ขอให้นายโชคดีแล้วกัน”
หลังจากที่ซอมบี้หัวหน้าฝูงเข้าไปในตึก ตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านไปสองนาทีแล้ว หากคำนวณจากความเร็วของมัน หลิงม่อเดาว่าตอนนี้มันคงอยู่ในส่วนลึกของตึกหลังนี้แล้ว ตอนนี้หากเขาจะเข้าไป ความเป็นไปได้ที่จะปะทะกับซอมบี้หัวหน้าฝูงก็จะต่ำลง..
“ไม่ต้องโผล่มาแล้วนะ ต่อไปเป็นช่วงเวลาสำคัญแล้ว” หลิงม่อเตือน
หุ่นซอมบี้สองตัวที่เดินอยู่ข้างหน้าเดินเข้าไปในบริเวณลานจอดรถแล้ว การต้องเดินไปตามทางรถที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้รู้สึกกดดันมาก เพราะนอกจากซากรถที่กีดขวางการมองเห็นเหล่านั้นแล้ว ทั้งกระถางดอกไม้และสวนสีเขียวเหล่านั้นล้วนดูอันตรายทั้งนั้น วัชพืชมากมายเลื้อยขึ้นไปตามตัวรถจนแทบจะยึดรถพวกนั้นไว้กับที่ ขณะเดียวกันพวกมันก็งอกเงยขึ้นมาจนเต็มช่องว่างเหล่านั้น
“สวบ สาบ…”
เสียงเบาๆ ดังมาจากช่องว่างเหล่านั้นอย่างไม่ขาดสาย ทำให้หลิงม่อยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังถูกบางอย่างจ้องมองอยู่…แต่จะให้วิ่งเข้าไปแหวกหญ้าให้งูตื่นในเวลาอย่างนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่…
ขณะที่คิดได้อย่างนี้ หลิงม่อพลันชะงักเท้า
มีบางอย่าง…กำลังเข้ามาใกล้!
เขาค่อยๆ หันหน้าไป และมองเข้าไปในพุ่มหญ้าน่ากลัวเหล่านั้น
เสี้ยววินาทีหนึ่ง เขามองเห็นดวงตาสีแดงโลหิตคู่หนึ่งอย่างชัดเจน สายตาที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและเย็นชา กำลังจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น เพียงแต่พอเขาหันไปมองทางนั้นดีๆ ทุกอย่างกลับว่างเปล่า
“เข้าไปในตึกก่อนดีกว่า”
สุดท้ายหลิงม่อก็ตัดสินใจละทิ้งความคิดที่จะเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด แต่เพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก เขายังคงเลือกหุ่นซอมบี้ที่อ่อนแอที่สุดให้ยืนเฝ้าอยู่บริเวณประตูทางเข้า ส่วนหุ่นซอมบี้อีกสองตัวที่เหลือก็ถูกควบคุมให้เดินเข้าไป และแยกย้ายกันเดินสำรวจให้ทั่วตึก
ทันใดนั้นหุ่นซอมบี้ที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องโถงผ่านทางประตูหน้า พลันสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวอันรุนแรง และหุ่นซอมบี้อีกตัวที่เพิ่งเดินอ้อมไปด้านหลังตึก พลันค้นพบสิ่งที่เหนือความคาดหมายเข้า…
—————————————————————————–