แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 895
สิ่งมีชีวิตที่ใหญ่กว่าตัวอ่อนกำลังขดตัวอยู่ในนั้น มองแวบแรก เจ้าสิ่งนั้นเป็นสีแดงทั้งหมด ทำให้รู้สึกเหมือนมันไม่มีผิวหนัง เส้นเลือดหนาๆ แผ่ปกคลุมอยู่บนกล้ามเนื้อ ด้านล่างร่างกายมีสิ่งคล้ายหนามถูกนอนทับไว้…ทว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกรงว่าจะเป็นหัวของมัน มันไม่เพียงมีหัวที่ใหญ่กว่าคนทั่วไปถึงสองเท่า แต่ยังมีคางที่แหลมมากจนน่าพิศวง บนหัวของมันไม่มีเส้นผม แต่กลับมีกระดองแข็งๆ เข้ามาแทนที่…
แค่มองโดยมีกล่องเก็บอุณหภูมิกั้นไว้หนึ่งชั้น หลิงม่อก็รู้สึกได้ถึงความน่ากลัวอย่างน่าประหลาดแล้ว
อานุภาพของเจ้าสัตว์ประหลาดนี่…ต้องน่าตกใจมากแน่ๆ…ถึงแม้ระดับวิวัฒนาการของพวกมันไม่สูง และมีกันเพียงไม่กี่ตัว แต่ทันทีที่ออกมาจากกล่องเก็บอุณหภูมิ พวกมันต้องกลายเป็นเครื่องจักรสังหารอันบ้าคลั่งแน่ๆ
“เจ้าสิ่งนี้…” หลิงม่อกลั้นหายใจอย่างไม่รู้ตัว แล้วถามเสียงเบา “เกิดขึ้นได้ยังไง?”
เสี่ยวเยว่เอ๋อหันหน้าหนีอย่างหวาดกลัว บอกว่า “ฉันไม่รู้…”
“พี่สาวคนนั้นของเธอทำขึ้นมาหรอ?” หลิงม่อถาม
“ไม่ต้องถามฉันแล้ว!” เสี่ยวเยว่เอ๋อส่ายหน้าไปมา เธอเอาแต่ก้มหัวเล็กๆ ลงต่ำ แม้กระทั่งร่างกายก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
“เอาล่ะๆ ไม่ถามแล้วๆ ถามอะไรก็ไม่รู้ซักเรื่อง” หลิงม่อหันไปมองในกล่องเก็บอุณหภูมิอีกครั้ง คราวนี้เขาสังเกตดูอย่างละเอียดขึ้น จึงได้รายละเอียดเล็กๆ เพิ่มขึ้นไม่น้อย
นอกจากสิ่งมีชีวิตน่ากลัวนั่นแล้ว ก้นกล่องเก็บอุณหภูมิยังมีของเหลวหนืดๆ อยู่อีกหนึ่งชั้น ซึ่งเหมือนจะมีเส้นเลือดฝอยอยู่ในนั้นด้วย เพียงแต่ก่อนที่จะเปิดกล่อง ก็ยากที่จะตัดสินใจได้จริงๆ ว่ามันคืออะไร แต่ถ้ามองจากภายนอกอย่างเดียว…
“น่าจะเป็นเลือดมั้ง? เลือดของซอมบี้ ถ้าเอาเจ้าสิ่งนี้แช่ไว้ในเชื้อไวรัสนานๆ มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแน่ๆ…แต่แค่แช่ไว้ในเชื้อไวรัสเฉยๆ ไม่น่าจะเป็นถึงขั้นนี้ได้ ในนี้ต้องใส่อะไรบางอย่างเพิ่มเข้าไปแน่ๆ ที่สำคัญก็คือ ใครเป็นคนเอาพวกมันมาไว้ในนี้? ซอมบี้แบบไหนที่ใช้อุปกรณ์แบบนี้เป็น?” หลิงม่อขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ พอคิดว่าในเมืองแห่งนี้ยังมีรังกบดานอยู่อีกหลายแห่ง และไม่แน่ว่าบางแห่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้เกิดขึ้นแล้วก็ได้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
เทียบกับซอมบี้สัตว์ป่าพวกนี้ วิวัฒนาการของพวกเย่เลี่ยนช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด…แต่หลิงม่อยอมให้พวกเธอช้าหน่อย ดีกว่ายอมให้สภาพแวดล้อมอันโหดร้ายบีบบังคับให้พวกเธอต้องกลายสภาพเป็นสัตว์ประหลาดอย่างนี้
ถึงอย่างไรซอมบี้ก็ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ว่าจะรูปร่างภายนอกเปลี่ยนแปลง หรือภายในร่างกายกลายพันธุ์ ท้ายที่สุดทั้งหมดก็เพื่อวิวัฒนาการที่ดีกว่า ดังนั้นหากอ้างอิงตามหลักทฤษฎี รูปร่างภายนอกของพวกมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญของการวิวัฒนาการ สมรรถภาพและพลังต่อสู้ต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด…แต่สำหรับเหล่าแฟนสาวซอมบี้ของเขาที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงปรากฏขึ้นแล้ว พวกเธออาจไม่สามารถรับผลลัพธ์การกลายพันธุ์อย่างนี้ได้
ก็เหมือนกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อยู่ตรงหน้า แทนที่จะบอกว่ามันเป็นซอมบี้ สู้บอกว่าเป็นสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ที่สืบสายพันธุ์มาจากซอมบี้จะเหมาะสมกว่า…เหมือนกับเหล่าทารกที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนพวกนั้น พวกมันมีตัวตนอยู่เพียงเพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างซอมบี้ของพวกมันเท่านั้น ไม่ต่างจากมดงานที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวราชินี
หากดูจากจุดนี้ “พี่สาว” ที่พูดถึง บางทีอาจเป็นหนึ่งในซอมบี้ร่างแม่ก็ได้…
“สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ เลย…” หลิงม่อถอนหายใจ
ในกล่องเก็บอุณหภูมิกล่องอื่นๆ ก็ใส่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันไว้เหมือนกัน และพวกมันต่างก็อยู่ในสภาวะหลับใหล
“ต้องคิดหาวิธีกำจัดพวกมันทิ้ง…”
หลิงม่อเดินรอบกล่องเก็บอุณหภูมิหนึ่งรอบ จากนั้นก็หันไปสังเกตเห็นปุ่มกดปุ่มหนึ่งที่ข้างใต้
“หลังจากกดปิดแหล่งจ่ายไฟ พวกมันก็น่าจะตายล่ะมั้ง…” หลิงม่อคิดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็ยังคงยื่นมือไปยกแบตฯ สำรองขึ้น จากนั้นก็ใช้ปลายเท้าเขี่ยไปทางปุ่มกดปุ่มนั้น ขอเพียงรอให้กล่องเก็บอุณหภูมิหยุดทำงาน แล้วเขาจะใช้แบตฯ สำรองในมือทุบมันให้ตายทันที
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะไม่ทำอย่างนั้น”
ทันใดนั้น เสียงอันเย็นชาก็ดังขึ้น ขณะเดียวกันหลิงม่อก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนถูกกัดที่แขน
เขาใช้แบตฯ สำรองในมืออีกข้างเหวี่ยงใส่โดยสัญชาตญาณ แต่กลับพบว่าแขนเป็นอิสระแล้ว
“ตอบสนองเร็วดีนี่” เสี่ยวเยว่เอ๋อยืนอยู่ห่างออกไปสองเมตร แล้วจ้องหลิงม่อด้วยสีหน้าดูแคลน
หลิงม่อเหลือบมองบาดแผลบนแขนแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองเสี่ยวเยว่เอ๋ออย่างระแวดระวัง
ซอมบี้ที่ดูเหมือนเด็กชายอ่อนแอตัวเล็กๆ ตัวนี้กำลังเลียเลือดสดๆ ตรงริมฝีปาก พลางพูดซ้ำด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ไม่ต้องมองแล้ว ไม่ได้กัดจนแขนขาดซักหน่อย แต่ว่า ฉันขอแนะนำแกว่าอย่าทำอย่างนั้นจะดีกว่า”
เธอหมายถึงปลายเท้าที่ยื่นไปทางปุ่มกดของหลิงม่อ ถึงแม้เธอจะหนีไปจากเงื้อมมือของหลิงม่อได้สำเร็จ แต่หลิงม่อก็ยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างอ่อนไหวนั้นเหมือนเดิม ขอเพียงเขากดปลายเท้าลงเบาๆ แหล่งจ่ายไฟของกล่องเก็บอุณหภูมินี้ก็จะถูกตัด
“เธอเป็นใคร?” หลิงม่อจ้องพิจารณาเธออย่างละเอียด แล้วอยู่ๆ ก็ถามขึ้น
“เสี่ยวเยว่เอ๋อ” กลับไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เธอยกมือขึ้นดัดลำคอที่เอียงเล็กน้อยของตัวเองให้เข้าที่ แล้วหัวเราะหึหึ “อืม ฉันมองไม่ผิดจริงๆ”
“หมายความว่าไง?” หลิงม่อจ้องเธอตาไม่กระพริบ แล้วถาม
เมื่อกี้ที่เขาถามอย่างนั้นออกไป หนึ่งเพราะเสี่ยวเยว่เอ๋อมีบางอย่างเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด สองเพราะตอนนี้เธอทำให้หลิงม่อรู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่าง…พอนึกเชื่อมโยงไปถึงอาการตัวสั่นเมื่อกี้ของเสี่ยวเยว่เอ๋อ หลิงม่อก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมารางๆ ดูเหมือนปฏิกิริยาอย่างนั้นของเธอไม่ได้เกิดจากความหวาดกลัว แต่เพื่อปกปิดการกลายร่างบางอย่างของร่างกายตัวเองต่างหาก…และตอนนั้นสมาธิของเขาก็ดันจดจ่ออยู่กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกล่องเก็บอุณหภูมิพอดี ซึ่งนั่นทำให้ “เสี่ยวเยว่เอ๋อ” ในตอนนี้ลอบโจมตีได้สำเร็จ
“แกสงสัยมาตลอดไม่ใช่หรอ? เกี่ยวกับเรื่องที่ว่าฉันอยากให้แกทำอะไรกันแน่ และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฉัน?” ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ ฉีกยิ้มกว้าง เผยให้เห็นซี่ฟันที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ
“เธอเป็น…เจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงเองหรอ!” หลิงม่อรีบกำแบตฯ สำรองในมือแน่นทันที
“ฉันชอบให้คนอื่นเรียกว่าพี่สาวมากกว่า” ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ขมวดคิ้วบอก แต่ไม่นานก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าแกชอบ ก็เรียกฉันว่าพี่ใหญ่ก็ได้”
“ไม่ชอบอ่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เรียกพี่สาวแล้วกัน” ‘เสี่ยวเยาวเอ๋อ’ดูเหมือนจะไม่สนใจท่าระวังตัวของหลิงม่อซักนิด เธอก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วนั่งลงบนกล่องกล่องหนึ่ง จากนั้นก็แกว่งขาไปมาอย่างไร้เดียงสา “ความจริงฉันไม่ได้สนใจแก” เธอชี้มาที่หลิงม่อ แล้วชี้ไปที่หัวตัวเอง “ฉันสนใจเจ้าคนที่กำลังส่งผลกระทบต่อแก”
“อะไรนะ?!” หลิงม่อหัวใจเต้น “ตึกตัก” ทว่าพอคิดอีกที สถานการณ์ของ ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ก็ดูจะคล้ายกับเขามาก…เพียงแต่หลิงม่อไม่อาจสัมผัสรู้ได้ถึงคลื่นดวงจิตอันรุนแรงจากตัวเธอ และไม่รู้สึกว่าถูกใช้พลังสำรวจแต่อย่างใด…
“ไม่แน่ว่าพวกเราอาจเป็นแบบเดียวกันก็ได้” ประโยคถัดมาของ ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ พูดถึงเรื่องที่หลิงม่อกำลังคิดอยู่พอดี เธอเอียงคอแล้วพูดว่า “อย่างน้อยแกก็เป็นคนแรกที่ฉันเคยเจอ ถ้าหาก…”
อยู่ๆ เธอก็หัวเราะคิกคัก พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก “ถ้าหากฉันกินแกได้ ฉันต้องวิวัฒนาการขึ้นอีกขั้นแน่ๆ เรื่องแบบนี้แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว! แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยนะ ว่าหลังจากเห็นเหล่าน้องชายและน้องสาวตัวเล็กของฉันแล้ว แกจะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนั้นน่ะ…แกไม่อยากกินพวกมันเลยหรอ? น่าแปลกจริงๆ…”
‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ มองพิจารณาหลิงม่อด้วยสายตาตะกละตะกลามและสงสัยในเวลาเดียวกัน ลิ้นของเธอแลบออกมาเลียริมฝีปากไม่หยุด แค่สายตาและสีหน้านี้ของเธอ หลิงม่อก็รับไม่ไหวแล้ว…แต่คำพูดของเธอกลับยิ่งทำให้หลิงม่อปากอ้าตาค้างหนักกว่าเดิม ที่แท้เธอก็คิดว่าเขาเป็นซอมบี้ที่อยู่ในระดับวิวัฒนาการเดียวกับตัวเอง!
หรือพูดอีกอย่างก็คือ พฤติกรรมก่อนหน้านี้ทั้งหมดของเธอคือการทดสอบเท่านั้น…นี่มันเป็นความคิดที่โคตรฉลาดเลยนะเนี่ย!
แต่สำหรับซอมบี้ระดับ “เสี่ยวเยว่เอ๋อ” การที่พบเจอยาชูกำลังที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การให้ความสำคัญจริงๆ…ถึงแม้ซอมบี้จะกำลังวิวัฒนาการกันแบบเป็นฝูง แต่ซอมบี้ที่อยู่ระดับชนชั้นสูงขึ้นไปกลับพบเจอได้น้อยมาก
“แต่เรื่องพวกนี้ไม่สำคัญแล้ว ในนี้มีซอมบี้ระดับสูงเข้ามาแล้วสองตัว แล้วยังซ่อนตัวอยู่ข้างนอกอีกหนึ่ง…แต่ไม่รู้ว่า ตัวไหนถึงจะเป็นร่างจริงของแกกันนะ?” ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’หรี่ตา แล้วถามขึ้นอย่างคาดหวังเต็มที่
“เธออยากกินใช่ไหม?” หลิงม่อเหลือบมองไปทางกล่องเก็บอุณหภูมิอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมอง ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ แล้วอยู่ๆ เขาก็หัวเราะเย็นชา
‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ ที่กำลังลิงโลดอยู่พลันชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเธอก็กระเด้งตัวขึ้นเหมือนเพิ่งนึกได้ “ไม่ได้นะ! แกกล้างั้นหรอ!”
“ทำไมจะไม่กล้าเล่า?!”
ท่ามกลางเสียงคำราม หลิงม่อกดปลายเท้าลงไปทันที
เมื่อเสียง “ปัง” ดังขึ้น สะเก็ดไฟกลุ่มหนึ่งก็ระเบิดออกมาทันที ขณะเดียวกันกล่องเก็บอุณหภูมิก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง
ควันดำโขมงลอยคลุ้งออกมา เสียง “เปรี๊ยะๆๆ” ดังออกมาจากข้างในกล่องเก็บอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง
“กรี๊ดดด!”
‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ กรีดร้องเสียงน่ากลัว พลางเบิกตากว้างมองไปทางกล่องเก็บอุณหภูมิ
แต่หลิงม่อกลับไม่เหลียวแลกล่องเก็บอุณหภูมิซักนิด กลับรีบกดปุ่มที่เหลืออีกหลายปุ่ม
“ไม่นะ!” ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ กรีดร้องไปด้วย พร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาทางหลิงม่อ
หลิงม่อที่เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้วรีบเตะแบตฯ สำรองอีกก้อนใส่เธอ และขว้างแบตฯ สำรองก้อนที่อยู่ในมือใส่กล่องเก็บอุณหภูมิอีกกล่องอย่างแม่นยำ
“ตูม!”
เสียงอึกทึกดังขึ้นอีกครั้ง และดวงตาของ ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ก็ได้กลายเป็นสีแดงสนิทแล้ว
เธอจ้องหลิงม่ออย่างเคียดแค้น พลางแหงนคอคำรามเสียงก้อง
ขณะเดียวกันนั้น เท้าของหลิงม่อก็กำลังยื่นไปทางปุ่มกดปุ่มสุดท้ายพอดี
แต่ในตอนนั้นเอง สัตว์ประหลาดที่อยู่ในกล่องนั้นกลับลืมตาขึ้น แล้วมองมาทางหลิงม่ออย่างเย็นชา
เทียบกับซอมบี้แล้ว สายตาของสัตว์ประหลาดตัวนี้น่ากลัวกว่ามาก…ไม่มีความตื่นเต้น ไม่มีความโหดร้าย ไม่มีแม้กระทั่งความเยือกเย็น…ราวกับลูกแก้วใสซึ่งไร้แววตาแห่งชีวิตที่กำลังกลอกกลิ้งไปมาขณะจ้องมองคน…
“เพล้ง!”
สัตว์ประหลาดนั่นขยับร่างกาย และในวินาทีถัดมา บนกล่องเก็บอุณหภูมิก็มีรอยแตกเกิดขึ้น
หลิงม่อรีบหันไปมองรอบตัว แต่กลับไม่พบเงาร่างของสัตว์ประหลาด
“แกทำให้ฉันต้องปลุกพวกมันขึ้นมาก่อนกำหนด…ฉันจะใช้เลือดเนื้อของแกมาเป็นอาหารให้มันอิ่มท้อง แต่สมองของแก ต้องเป็นของฉัน…” เวลานี้ ‘เสี่ยวเยว่เอ๋อ’ ได้ก้มหน้าลงมาแล้ว และลึกเข้าไปในปากของเธอ หลิงม่อเหมือนเห็นอะไรบางอย่างรางๆ…
—————————————————————————–