แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 937
ขณะที่กำลังพูด หลี่ย่าหลินพลันโฉบร่าง และหายไปจากครรลองสายตาของหลิงม่ออย่างรวดเร็ว
“รุ่นพี่?” หลิงม่อชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เร่งความเร็วทันที
และเมื่อเขาไปถึงตำแหน่งที่หลี่ย่าหลินอยู่ กลับต้องอึ้งไปอีกครั้ง
ไม่คิดว่าที่นี่จะมีรูอยู่ด้วย…
รูนี้ขุดขึ้นแบบลวกๆ แต่ผิวบริเวณขอบๆ กลับถูกเสียดสีจนลื่นเช่นกัน เนื่องจากมันอยู่ในมุมที่เฉียงลงข้างล่าง ดังนั้นไม่ต้องมุดเข้าไปก็สามารถมองพิจารณาข้างในได้
หลิงม่อก้มหน้ามองลงไป เขามองเห็นท่อจำนวนหนึ่งรางๆ รวมถึงพื้นที่ที่ลึกและมืดกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ยังมีเงาร่างเลือนรางที่โฉบผ่านข้างหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว
“รู้สึกอย่างกับว่า…ตึกหลังนี้ถูกพวกมันขุดจนกลวงหมดแล้ว…”
หลิงม่ออดนึกถึงปลวกขึ้นมาไม่ได้ ดูจากตอนนี้ ที่นี่ไม่ต่างจากจอมปลวกจริงๆ…
เพียงแต่พอนึกถึงภาพ “ซอมบี้ปลวก” ที่มีขนาดตัวไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก หลิงม่อก็อดขนลุกไม่ได้
“หลิงม่อ มาดูเร็ว!”
ทันใดนั้นเสียงของหลี่ย่าหลินก็ดังออกมาจากข้างใน ฟังจากเสียงเหมือนกำลังตื่นเต้นมาก ราวกับเจออะไรบางอย่างเข้าแล้ว
“มาแล้วๆ”
หลิงม่อเพิ่งจะตอบรับ ทันใดนั้นร่างกายกลับกระด้างแข็ง
ม่านตาเขาหดตัว หัวใจเต้นเร็วอย่างบ้าคลั่ง
“เสียงของรุ่นพี่ดังมาจากด้านข้าง ถ้าอย่างนั้น…”
เขาเงยหน้ามองขึ้นไปในความมืดข้างบน ความรู้สึกเย็นวาบแผ่ไปทั่วแผ่นหลัง
“เงาร่างเมื่อกี้ เป็นของใคร?”
ในเขาวงกตที่เต็มไปด้วยท่อแห่งนี้ ไม่ว่าจะประสาทรับกลิ่นของซอมบี้ หรือพลังสัมผัสรู้ของตัวหลิงม่อเอง ล้วนกำลังถูกพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นก่อกวนอยู่
และเพราะเหตุผลนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลิงม่อที่มองเห็นเงานั้นในแวบแรก หรือหลี่ย่าหลินที่ตอนนี้อยู่ในรูนั้น จึงไม่มีใครรู้ตัว ว่ามีบุคคลที่สามอยู่ในที่นี้ด้วย…
และ…
“มันเห็นพวกเราแล้วแน่ๆ! แต่ทำไมมันถึงต้องซ่อนตัวด้วย? เพราะรุ่นพี่งั้นหรอ?”
หลิงม่อคิดอย่างสับสนวุ่นวาย พลางมุดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“หรือว่า มันจงใจให้เราเห็น?”
ไม่นาน หลิงม่อก็เข้าไปใกล้จุดที่เงาร่างนั้นปรากฏตัวเมื่อครู่
ทางเชื่อมเส้นนี้ต่ำกว่าทางเชื่อมพวกนั้นที่พวกเขาผ่านมาเล็กน้อย บนหัวยังมีท่อต่างๆ มากมายอยู่แน่นขนัด แต่ด้านหลังท่อบางจุด กลับเหมือนมีพื้นที่ที่ไม่เล็กซ่อนอยู่อีก…หากทอดมองไป รอบด้านเต็มไปด้วยความมืดมิด ซึ่งทำให้รู้สึกอึดอัดมาก
คนปกติแม้สามารถปีนมาจนถึงตรงนี้ได้ ก็อาจจิตฟุ้งซ่านเพราะความกดดันนี้ได้
ไม่รู้ว่าทางออกอยู่ไหน ไม่รู้ว่าตัวเองปีนมาจนถึงไหนแล้ว กระทั่งไม่รู้ว่าในความมืดมิดมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่…แค่ความกังวลและการคาดเดาเหล่านี้ ก็มากพอที่จะทำให้คนจิตฟุ้งซ่านได้แล้ว
ที่หลิงม่อสามารถรักษาสภาพจิตใจได้อย่างในตอนนี้ ไม่ได้เป็นเพียงเพราะหุ่นซอมบี้ออกโรงแทน แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือพลังจิตตานุภาพของตัวเขาเอง
สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษที่ต้องควบคุมพลังจิต หากพลังจิตตานุภาพแกร่งไม่พอ ก็ยากที่จะแสดงพลังที่พึงมีออกมาได้
แต่เวลานี้ ถึงแม้จะเป็นหลิงม่อที่มีคุณสมบัติดังกล่าว ก็ยังอดรู้สึกอดสั่นขวัญแขวนขึ้นมาไม่ได้
ทั้งที่มองเห็นอะไรบางอย่างแล้ว แต่พอตามมา รอบกายกลับเงียบกริบ…นอกจากเสียงลมหายใจและเสียงหัวใจเต้น “ตึกตักๆ” เบาๆ ของตัวเอง ก็ไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอื่นใดอีกเลย
“ติ๋ง…”
เมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ หลิงม่อพลันหนังศีรษะตึงชา ดวงตาเบิกกว้างทันใด
เขามองเข้าไปในความมืดอย่างระมัดระวัง แต่ไม่นานเขากลับตระหนักได้ถึงบางอย่าง
“ไม่ใช่เสียงของสิ่งมีชีวิต…”
หลิงม่อมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง สุดท้ายก็ยื่นมือออกไปลูบพื้นที่อยู่ไม่ไกล
“นี่มัน…”
บนนิ้วมือของเขามีของเหลวติดอยู่เล็กน้อย มันเหมือนเลือด แต่กลับข้นกว่าเล็กน้อย
หลิงม่อมองไปยังจุดที่ของเหลวปรากฏจากนั้นก็มองขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็เห็นร่องรอยบางอย่างบนท่อ
“มันไม่ได้ซึมออกมาจากท่อ แต่เมื่อกี้มีอะไรบางอย่างมุดขึ้นไป…ใช่แล้ว เงาร่างนั้น…ตอนที่มันปีนเข้าไปจากตรงนี้ หัวของมันกระแทกเข้ากับท่อเส้นนี้! แต่ไม่รู้ว่า…ของเหลวอะไรที่จะไหลออกมาจากหัว?”
หลิงม่อคิดในใจ พร้อมกับทอดมองไปข้างหน้าอีกครั้ง
“หลิงม่อ มาเร็วๆ สิ!” หลี่ย่าหลินเร่งอีกครั้ง
เขามองลึกเข้าไปในความมืดแวบหนึ่ง จากนั้นก็ถอยหลังไปช้าๆ…
“ดูนี่เร็ว!”
หลี่ย่าหลินกำลังนอนหมอบอยู่ในมุมหนึ่ง และข้างหน้าเธอเหมือนมีอะไรบางอย่างกองอยู่
“มันคืออะไร?”
หลิงม่อเพิ่งจะปีนไปถึง ก็ต้องขมวดคิ้วทันที ผ่านไปสองวินาทีเขาจึงถามขึ้น “รุ่นพี่ เสื้อผ้าของซย่าน่าล่ะ?”
“อยู่นี่ไง ฉันไม่รู้ว่าควรจับไหม ก็เลยไม่ได้จับมัน” หลี่ย่าหลินถอยหลังไปเล็กน้อย เผยให้เห็นอีกมุมของสิ่งของกองนี้
สาเหตุที่บอกว่าสิ่งของ…ก็เพราะว่ากองนี้ไม่เหลือเค้าโครงเดิมแล้ว
มองแวบแรกเหมือนเป็นกองสิ่งของสีดำทั้งกอง แต่ถ้ามองดูดีๆ อีกครั้งก็จะค้นพบว่า ในนั้นยังมีเศษชิ้นส่วนอะไรบางอย่างปนอยู่ด้วย
แต่หุ่นซอมบี้ในฐานะซอมบี้ กลับรู้ทันทีที่เห็นว่ามันคืออะไร
โครงกระดูก แถมยังเป็นโครงกระดูกที่ถูกเลือดเนื้อยึดติดกันไว้หลังจากที่แหลกละเอียดไปแล้ว…ส่วนเศษชิ้นส่วนพวกนั้น ก็คือเสื้อผ้าที่ศพสวมใส่ไว้ในตอนแรก…
“จำนวนกระดูกกองนี้ไม่ใช่ของคนคนเดียวนะ…” อยู่ๆ หลี่ย่าหลินก็พูดขึ้น “อีกอย่างศพพวกนี้ก็ไม่ใช่ซอมบี้เหมือนพวกฉันด้วย นายดูตรงนี้สิ…” เธอชี้ไปที่กะโหลกหนึ่งในนั้น “รอยเขี้ยวใหม่อยู่เลยใช่ไหมล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้น ศพพวกนี้ก็เป็นกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนพวกนั้น?” หลิงม่ออดทนต่ออาการพะอืดพะอมที่ตีขึ้นมาจากส่วนท้อง แล้วบอก
แค่ต้องพิจารณาซากชิ้นส่วนพวกนี้ใกล้ๆ ก็ถือเป็นบททดสอบความอดทนสุดโหดแล้ว แต่หลิงม่อที่กลั้นหายใจรวบรวมสมาธิกลับพบว่าตัวเองยังคงประมาทเกินไป…ข้างกายเขายังมีซอมบี้ตัวหนึ่ง ที่พูดคำว่า “จำนวนกระดูก” ออกมาได้หน้าตาเฉยอีก!
“อื้ม!” หลี่ย่าหลินพยักหน้า พลางพูดพึมพำกับตัวเอง “แต่พวกมันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ถ้าหากจะกิน กินข้างนอกก็ได้นี่? กลับกันถ้าเพื่อจะกักเก็บเสบียงอาหาร ก็ไม่น่าจะมาทิ้งไว้ตรงนี้นี่นา…”
“ทำไมล่ะ?” หลิงม่อถามอย่างสงสัย
หลี่ย่าหลินหันไปบอกเขาว่า “เพราะที่นี่ไม่เหมือนพื้นที่ที่พวกมันใช้เคลื่อนไหวเป็นหลักนี่นา! อื่มม ถ้าพูดเปรียบเทียบกับมนุษย์ล่ะก็…พวกนายคงไม่เอาตู้เย็นไปวางไว้ที่โรงจอดรถหรอกใช่ไหมล่ะ? ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“รู้สึกทะแม่งๆ แฮะ…” หลิงม่อทำหน้าเหยเก
แต่ต้องบอกเลยว่า การเปรียบเปรยของหลี่ย่าหลินเข้าใจง่ายจริงๆ…
ส่วนเรื่องที่ว่าเธอมองออกได้อย่างไรนั้น…เกรงว่าด้วยระดับสติปัญญาของรุ่นพี่คงยากจะอธิบายเรื่องนี้ได้ และหลิงม่อก็ได้แต่สรุปความต่างนี้ว่าเป็นความต่างในด้านระดับชั้นของซอมบี้ทั้งสองตัว
“ซย่าน่ามาทำอะไรที่นี่?” หลิงม่อถาม พร้อมเลื่อนสายตาออกไป
เขาฉงนและอยากรู้มากว่าซย่าน่าค้นพบอะไรในนี้กันแน่…
เฮยน่าอาจจะเกเรและเถลไถล แต่น่าน่ากลับไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่มีเหตุผลขนาดนี้แน่นอน
เธอค้นพบอะไรกันแน่ ถึงได้ไล่ตามเข้ามาลึกและไม่ยอมหวนกลับอย่างนี้…
—————————————————————————–