แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 944
“แอ๊ดด…”
ระหว่างที่เดินไปห้องไฟฟ้า พวกหลิงม่อได้เดินผ่านทางเดินมืดๆ อีกหลายเส้น บนพื้นมีเศษวัสดุที่ใช้ในระหว่างตกแต่งกองอยู่เต็มไปหมด เครื่องมือบางส่วนถูกทิ้งไว้บนทางเดิน กลายเป็นสิ่งกีดขวางน้อยใหญ่มากมาย ทำให้พวกเขาเดินทางได้ช้าลงมาก
“ที่นี่ไม่ได้มีศพมากนัก แม้แต่รอยเลือดก็ไม่ค่อยมีให้เห็น” หลิงม่อสำรวจตลอดทาง ปากก็พึมพำกับตัวเอง “ตอนที่ภัยพิบัติระบาด คงจะมีแต่คนงานก่อสร้างอยู่ในนี้สินะ…”
“ทำเป็นสนใจของที่ไม่มีประโยชน์พวกนี้ไปเถอะ…” ถังฮ่าวเหลือกตามองบนอยู่ข้างหลัง
“เดินช้าอย่างกับเต่า ก็เพื่อจะให้คนข้างหลังตามมาทันไม่ใช่หรอ? จะว่าไปแล้ว ผู้หญิงใส่หน้ากากที่แยกตัวไปเมื่อกี้ น่าจะพาคนกลับมาแล้วสิ? ไม่ต้องรอพวกนั้นก่อนหรือไง?”
ถังฮ่าวคิดอย่างสับสนวุ่นวาย ลูกตาก็กลอกมองไปมาบนพื้น
ทว่าถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้เดินนำหน้าแล้ว แต่ถูกเสี่ยวป๋ายคาบคอเสื้อไว้อย่างนี้ เขาก็ไม่กล้าตุกติกอยู่ดี
พอเห็นว่าพวกเขาเข้าใกล้ห้องไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ความรู้สึกลนลานในใจของถังฮ่าวก็รุนแรงขึ้นตามไปด้วย…
“เอ๋? ตรงนี้มีตัวหนังสือด้วย…” หลิงม่อหยุดเดินตรงทางเลี้ยว
เขาเดินเข้าไป และอาศัยแสงอ่อนเพื่ออ่านมัน “ระวัง อันตราย…”
“น่าจะเป็นข้อความที่ผู้รอดชีวิตเมื่อก่อนทิ้งไว้ พวกฉันไม่เคยสังเกตเห็นป้ายนี้เลย” อยู่ๆ ถังฮ่าวก็พูดขึ้น
“อย่างนั้นหรอ…” หลิงม่อพยักหน้า แล้วถามต่อว่า “แต่ข้อความที่ใช้สำหรับเตือนภัยอย่างนี้ น่าจะเขียนไว้ในจุดที่มองเห็นง่ายกว่านี้ไม่ใช่หรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมตรงนี้ก็ลับตาคนอยู่แล้ว แค่มุมและลายมือของประโยคนี้ ก็ดูแปลกมากแล้ว…”
หลิงม่อบอก พลางยกมือขึ้นทำท่าถือปากกา จากนั้นก็ลองตวัดไปมาบนผนัง “ในเมื่อที่นี่อันตรายมาก ถ้าอย่างนั้นคนที่ทิ้งข้อความนี้ไว้ก็ต้องหวาดกลัวและตื่นตระหนกมาก ถึงจะไม่ใช่อย่างนั้น อย่างน้อยเขาก็ต้องตกอยู่ในภวังค์สิ้นหวังสิ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นลายมือหรือตำแหน่งที่ถูกเขียน ก็น่าจะไม่ต่างจากของฉันมาก…แต่ข้อความที่ชัดเจนสมบูรณ์ ซ้ำยังจงใจเขียนไว้ในมุมกำแพงอย่างนี้…มันช่างเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากจริงๆ ไม่รู้ว่าคนที่ทิ้งข้อความนี้ไว้ กำลังรู้สึกอะไรตอนที่เขียนมัน”
“แม่งเอ๊ย…” สีหน้าของถังฮ่าวดูลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที…
“แต่ถ้าหากว่ามันถูกเขียนขึ้นเพื่อหลอกกึ่งหนึ่ง และเป็นสัญลักษณ์กึ่งหนึ่ง อย่างนั้นก็เข้าใจได้ง่ายแล้วล่ะ” อยู่ๆ หลิงม่อก็พูดเสริมขึ้นประโยคหนึ่ง
“เรื่องนั้น…ใครจะไปรู้ล่ะ”
หางตาของถังฮ่าวกระตุกยิกๆ เขาลอบคิดว่าหากสลับบทบาทกัน เขาไม่มีทางรอบคอบและละเอียดได้เท่าหลิงม่อแน่นอน ถึงแม้ว่าความสามารถในการสังเกตจะเป็นความสามารถของผู้มีพลังจิต แต่วิเคราะห์ได้ละเอียดถึงขั้นนี้ ออกจะจริงจังจนถึงขั้นโรคจิตไปแล้วมั้ง!
บางทีสำหรับหลิงม่อ เขาอาจไม่สามารถสังเกตเห็นเบาะแสทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว แต่ภายใต้การสอบสวนแบบทุกระเบียดนิ้วอย่างนี้ เขากลับไม่ปล่อยให้เงื่อนงำหลุดมือได้แม้แต่น้อย…ไม่ว่าจุดใดที่เขาคิดว่ามีปัญหา เขาจะวิเคราะห์อย่างละเอียดเป็นพิเศษ…
“ดังนั้นไม่ว่าเขาทำอะไร ก็มักจะไตร่ตรองอย่างดีอยู่เสมอ…” ถังฮ่าวรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวชั่วขณะ
และไม่รู้ทำไม หลังจากที่สู้กับผีเสื้อ เขารู้สึกเหมือนท่าทีของหลิงม่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย…ใจเย็นขึ้น จดจ่อขึ้น…ถึงแม้พฤติกรรมของเขาจะไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่บางครั้งเวลาบังเอิญสบตากับหลิงม่อ เขากลับสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นดีใจรางๆ
แต่เขาจะดีใจเรื่องอะไรกันล่ะ?
“พอเข้ามาก็ปิดประตูก่อน…ให้พรรคพวกเข้ามาทีหลังตัวเอง…สนใจห้องไฟฟ้า…เขาคิดอะไรอยู่กันแน่ ตกลงว่าเขารู้อะไรบ้างแล้ว? และคิดจะทำอะไรกันแน่!”
“ใช่สิ” เสียงของหลิงม่อดังขัดความคิดของถังฮ่าวอีกครั้ง “ไหนแกลองบอกวิธีใช้ของที่นี่มาอย่างละเอียดอีกครั้งสิ”
“เรื่องนั้น…” ถังฮ่าวเดาความคิดหลิงม่อไม่ออก ทำได้เพียงบอกเขาไปตรงๆ “หลังจากล่อพวกแกมา พวกฉันก็จะล่อซอมบี้จำนวนมากเข้ามาในนี้ เพราะชั้นบนของอาคารหลังนี้เป็นห้องสำหรับอยู่อาศัยหมดเลย ดังนั้นพวกนายจึงอาจจะอยู่รอดไปได้นานพอสมควร จากนั้นพอพวกแกล่อซอมบี้เข้ามาได้มากพอ พวกฉันก็จะฉวยโอกาสเข้าไปในบริษัทลอว์สัน…หรือพูดอีกอย่างก็คือ พวกฉันตั้งใจหลอกใช้พวกแก ให้สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยไร้ซอมบี้ในเวลาสั้นๆ…”
“อื่ม ความคิดดี…” หลิงม่อบอก แต่มุมปากกลับกระตุกขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มแปลกๆ
เขาชี้ไปที่ตัวหนังสือบรรทัดนั้น บอกว่า “แต่ถ้าหากที่นี่อันตรายมากอยู่แล้ว ก็แสดงว่าแผนการของพวกแกอาจทีโอกาสล้มเหลวไม่ใช่หรอ?”
ถังฮ่าวชะงัก ไม่นานเขาก็อยากจะวิ่งเอาหัวโขกกำแพง “ถูกหมอนี่ไล่ต้อนอีกแล้ว!”
“หึ…น่าแปลกนะ พวกแกเตรียมตัวมานานขนาดนี้ แต่กลับทำพลาดด้วยเรื่องง่ายๆ อย่างนี้” หลิงม่อมองเขาแวบหนึ่ง
ถังฮ่าวกำหมัดแน่นไม่รู้ตัว เขาพูดออกไปไม่กี่ประโยค แต่ฝ่ามือกลับชุ่มไปด้วยเหงื่อ
คิดไม่ถึง รายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่สะดุดตาเลยอย่างนี้ ยังทำให้หลิงม่อเกิดความคลางแคลงได้…อีกอย่าง เขายังใช้วิธีแบบนี้มาพิสูจน์ความสงสัยของตัวเองอีก ถึงแม้เขาไม่ได้เค้นถามถังฮ่าว แต่ความจริงพอมาถึงขั้นนี้แล้ว คำตอบของถังฮ่าวก็ไม่ได้มีค่าอะไรอีกต่อไป…
“ใจเย็นสิ! ใจเย็นไว้! ยังมีโอกาส ยังมี…” ถังฮ๋าวตะโกนก้องในใจอย่างบ้าคลั่ง
“ห้องไฟฟ้า อยู่ข้างหน้านี้แล้วใช่ไหม…”
ขณะที่ถังฮ่าวกำลังอดทนอย่างทรมาน ในที่สุดหลิงม่อก็เลื่อนสายตาออกไป แล้วหมุนกายเดินหน้าต่อ
และตอนนี้ ก็ใกล้ถึงเวลาแล้ว…
ขณะเดียวกัน ณ จุดที่ห่างออกไปหนึ่งทางเดิน เงาร่างสองเงากำลังวิ่งพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง
“รอยเลือด!”
หนึ่งในนั้นพลันชี้ไปข้างหน้า แล้วพูดขึ้น
“น่าแปลก ทำไมถึงมีคนบาดเจ็บหลงเข้ามาในนี้ และทางนี้ก็…ใช่แล้ว นายยังจำการสำรวจครั้งแรกได้ไหม?” คนข้างๆ ถามขึ้น
“จำได้สิ” คนคนนั้นตอบอย่างงุนงง
“ตอนนั้นสถานการณ์ดูแปลกๆ ใช่ไหมล่ะ…เห็นบอกว่าซอมบี้กลายพันธุ์ทุกตัวในตึกนี้ ไปรวมตัวกันอยู่ที่ห้องไฟฟ้าทั้งหมด” ชายคนที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ขมวดคิ้วแล้วบอก
“เป็นรังกบดานหรอ?”
“ไม่น่าใช่นะ ที่นี่ก็มืดมากอยู่แล้ว”
“นายว่าจะเป็นไปได้ไหมที่…” อยู่ๆ เสียงของคนคนนั้นก็ต่ำลงเล็กน้อย
“ไม่หรอก เราหาทางเข้าเจอแล้ว อีกอย่างถ้ามีปัญหาจริงๆ ล่ะก็ พวกเราคงรู้นานแล้วไม่ใช่หรอ? วางใจน่า พวกเราไปที่นั่นก็ดี จะได้ไปจับตะพาบน้ำในไหด้วยไง” ชายอีกคนหัวเราะหึหึ สายตาพลันฉายแววเย็นชา (จับตะพาบน้ำในไห หมายถึง คนหรือสัตว์ที่ไม่อาจหลุดรอดเงื้อมมือไปได้)
“ใกล้แล้ว!”
ขณะที่คำราม ทั้งสองพลันเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก
และเงาร่างที่พาดลงบนกำแพงซึ่งเลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปในระหว่างที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง…
—————————————————————————–