แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 947
ถังฮ่าวขยับตัวเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ หลิงม่อจึงถลึงตามองแรงทันที
เสียงของชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระซิบเสียงเบา “เข้าไป?”
ไม่มีเสียงตอบ ทว่าไม่นานเสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ใกล้เข้ามาช้าๆ
เงาบนกำแพงค่อยๆ ยาวขึ้น แต่หลิงม่อไม่เพียงไม่ขยับ กลับค่อยๆ เอนตัวไปข้างหลังเงียบๆ
“ใช่แล้ว หมอนี่มีการโจมตีที่มองไม่เห็นนั่นอยู่ด้วย…” ถังฮ่าวคิดในใจอย่างร้อนรน
ความจริง นับตั้งแต่วินาทีที่สองคนนี้ผลักประตูออก พวกเขาก็ได้เข้าสู่เขตการโจมตีของหลิงม่อแล้ว
ถังฮ่าวสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่หลิงม่อสู้กับผีเสื้อแล้ว ว่าระยะห่างที่เขาจะได้เปรียบมากที่สุด อยู่ระหว่าง 30 – 40 เมตร ถ้าหากไกลเกินไป พลังจิตของเขาอาจลดประสิทธิภาพลง โดยหากอานุภาพความรุนแรงไม่ลดลง ก็มีปัญหาเรื่องความแม่นยำ ถ้าหากอ่อนแอถึงขั้นอยู่ในระดับเดียวกับความสามารถในการยิงปืนของเขา ความน่ากลัวของเขาก็จะลดเหลือศูนย์ในที่สุด…
แต่ถึงแม้มีขีดจำกัดเรื่องระยะทาง พลังของหลิงม่อก็ยังคงรับมือได้ยาก และถึงแม้จะต้านทานการโจมตีของเขาได้ แต่ในห้องนี้ยังมีหมีแพนด้ากลายพันธุ์ที่ซ่อนตัวอยู่อีกตัว…
“สัตว์กลายพันธุ์ตัวนั้นรูปร่างใหญ่มากแท้ๆ! มันซ่อนตัวมิดชิดขนาดนี้ได้ยังไงกันแน่!” ถังฮ่าวอยากหันหน้าไปมองหาเงาร่างมันให้ทั่วทิศ และเมื่อสองคนนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาก็กลายเป็นคนที่ตื่นตระหนกที่สุดในที่นี่
หลังจากผีเสื้อตาย นี่เป็นโอกาสที่สองของเขา…
“เฮ้ย มีใครอยู่หรือเปล่า” ชายน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยคนเดิมตะโกนถามขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้เสียงของเขาอยู่ใกล้กว่าเดิม ในความรู้สึกของถังฮ่าว ราวกับว่าเขาอยู่ห่างจากลูกน้องของเขาคนนั้นเพียงเอื้อมมือเท่านั้น…
ขณะเดียวกันหลิงม่อยังคงอิงหลังพิงกำแพงเหมือนเดิม และจ้องมองไปข้างหน้าโดยไม่กระพริบตา
“หมอนี่รออะไรอยู่กันแน่…” ถังฮ่าวคิดอย่างหงุดหงิด
“ดูเหมือนจะไม่กล้าออกมาสินะ” เสียงของชายคนแรกพูดขึ้นอีกครั้ง
ชายอีกคนเปิดปากพูดในที่สุด ทว่าเขาเพียงตอบรับคำเดียว ไม่นานก็มีเสียงเหมือนมีอะไรถูกฉีกขาด…
“บังคับให้ออกมาก็แล้วเรื่อง” ชายเสียงเอื่อยบอก “หรือไม่ก็ทุบให้ตายอย่างนี้ก็ได้”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูด เสียง “ตึง” ก็ดังมาจากจุดที่อยู่ไม่ไกล แล้วเสียง “โครม” ก็ดังตามมาติดๆ
ถังฮ่าวมองดูแผ่นเหล็กที่ลอยมาเหมือนถูกขว้างเข้ามา เหงื่อพลันไหลพลั่ก
“แม่งเอ๊ย ฉันคงไม่โดนลูกหลงไปด้วยหรอกนะ!”
สองวินาทีต่อมา เสียงข้าวของพังก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงอึกทึกพวกนั้นดังสะท้อนอยู่ในห้องที่ค่อนข้างโล่งกว้างห้องนี้ ราวกับเสียงของระเบิดที่ถูกจุดชนวนในเสี้ยววินาทีอย่างไรอย่างนั้น
ในตอนที่ถังฮ่าวหมายจะยกมือกุมหัวและอธิษฐาน ในที่สุดหลิงม่อก็กระชากแขนเขาแน่น
“เตรียมตัวได้แล้ว…”
“เตรียมตัวอะไร?”
พอเห็นอุปกรณ์เครื่องมือที่อยู่รอบๆ เริ่มทยอยล้มลงไป หลิงม่อกับหันมาบอกเขาว่า “ตอนอยู่ที่ทางเดิน แกบอกว่ามีคนกำลังเขย่าประตูไม่ใช่หรอ?”
“หา?” ถังฮ่าวรู้สึกเหมือนตัวเองตามความคิดของอีกฝ่ายไม่ทัน…
“หึ…ความจริงมีคนกำลังเขย่าประตูอยู่จริงๆ” พูดจบ หลิงม่อก็ลากถังฮ่าวไปหลบอีกด้านหนึ่ง
“โครม!”
เศษแผ่นเหล็กชิ้นหนึ่งลอยมากระแทกจุดที่หลิงม่อเพิ่งอยู่เมื่อกี้ สะเก็ดไฟพลันกระจายขึ้นกลางอากาศ
“ไอ้ฉิบหาย!”
แต่ไม่รอให้ถังฮ่าวสบถออกมา ทันใดนั้นเสียง “ตึง” ก็ดังมาจากที่ไหนซักแห่งในห้องนี้
เนื่องจากสภาพรอบข้างตอนนี้เละเทะเกินไป ถังฮ่าวจึงได้ยินไม่ชัดว่าเสียงนั้นดังมาจากตรงไหนกันแน่ แต่อีกสองคนที่อยู่ในห้องกลับชะงักมือและหยุดเคลื่อนไหวทันที และพากันหันไปมองมุมหนึ่งของห้อง
ตรงนั้นห่างจากประตูมากกว่า และวัสดุมากมายหลายชนิดก็ถูกกองรวมกันไว้ตรงนั้น
พอสองคนนี้เข้ามาในห้อง พวกเขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าศพที่อยู่ในนี้หายไป แต่เนื่องจากในนี้มีคนอำพรางตัวอยู่ พวกเขาจึงไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นมาก
แต่ผู้บุกรุกที่สามารถย้ายศพได้อย่างนี้ ความจริงพวกเขาก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน…
ดังนั้นหลังจากที่ทั้งสองคนสบตากันครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจใช้ความรุนแรงบีบบังคับให้อีกฝ่ายออกมา…ส่วนการเดินไปตรวจสอบในมุมมืดพวกนั้น เห็นชัดว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่…ทว่าในขณะเดียวกับที่พังข้าวของอยู่นั้น ความจริงพวกเขาก็ลอบระแวดระวังรอบกายอยู่เหมือนกัน ส่วนที่บอกว่าจะทุบให้ตายอะไรนั่น ก็เป็นเพียงคำขู่เท่านั้น…
วิธีการนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้โดยทั่วกัน ไม่ใช่แค่หลิงม่อ แม้แต่ถังฮ่าวก็ยังคิดได้ แต่เนื่องจากเอาแต่พะวงเรื่องการลอบโจมตีของหลิงม่อกับหมีแพนด้าที่หายตัวไปตัวนั้น เขากลับมองข้างเรื่องจริงอันง่ายดายนี้ไป…
จนกระทั่งตอนนี้เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น บวกกับที่หลิงม่อบอกให้เขาเตรียมตัวอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ถังฮ่าวจึงเพิ่งตระหนักได้
ไม่มีการลอบโจมตีอะไรทั้งนั้น แผนลับที่แท้จริง ถูกหลิงม่อเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในห้องนี้แล้ว…ไม่ บางทีอาจจะก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ บางที…อาจเป็นตอนที่เขาได้เสียงนั้นตอนอยู่บนทางเดินแล้วก็ได้
ตอนนั้นที่หลิงม่อหยุดเดิน จากนั้นก็เปลี่ยนเป้าหมายเดินมาที่ห้องนี้แทน เป็นเพราะเขารู้อะไรอยู่ก่อนแล้ว…
“เสียงอะไร?”
สองคนนั้นมองหน้ากัน จากนั้นหนึ่งนั้นก็ค่อยๆ เดินไปยังมุมห้องที่มีเสียงดังมา
ส่วนอีกคนก็เดินตามหลังอย่างระมัดระวัง พร้อมกับเตรียมตัวทำการป้องกันอย่างเต็มที่
“โครม!”
ทั้งสองยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
ถังฮ่าวกับสองคนนั้นพลันชะงักไปพร้อมกัน ไม่นาน ถ้งฮ่าวก็เผยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีดออกมา
“นี่มันเสียง…”
สองคนนั้นเองก็เหมือนจะนึกอะไรออกเช่นกัน แต่พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนองอะไร เงาสีขาวเส้นหนึ่งก็พลันกระโจนออกมา
“นั่นมันตัวอะไรวะ!”
จังหวะที่เสี่ยวป๋ายดึงดูดความสนใจของสองคนนั้นออกไป หลิงม่อฉวยโอกาสกระชากตัวถังฮ่าววิ่งออกไปจากห้องทันที
หลิงม่อเพิ่งจะยืนอย่างมั่นคง เงาสีขาวนั้นก็กระโจนออกมา พร้อมกับเงาร่างของใครคนหนึ่งที่ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ มัน โดยเงาร่างนั้นรีบปิดประตูบานนั้นลงอย่างรวดเร็วปานสายแลบ
“ไม่นะ!”
เสียงตะโกนอย่างขุ่นแค้นดังมาจากด้านหลังบานประตู แต่เงาร่างนั้นกลับห้อยกุญแจและล็อกอย่างไม่แยแส
“เร็วมาก!”
ถังฮ่าวที่ยังช็อกไม่หาย ถูกเงาร่างนั้นทำให้ตะลึงตาค้างอีกครั้ง
เมื่อเงาร่างนั้นถอยไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งเขาจึงเพิ่งค้นพบว่า ที่แท้ผู้หญิงที่ใส่หน้ากากปิดหน้าคนนั้นกลับมาแล้ว…
“เดี๋ยวก่อน นั่นก็หมายความว่า เมื่อกี้สองคนนี้ถูกสะกดรอยตาม?” ถังฮ่าวอึ้ง ทว่าไม่นานก็ได้สติ แล้วมองประตูบานนั้นอย่างหวาดกลัว
เสี่ยวป๋ายใช้อุ้งมือกดทับบนประตู ตอนแรกประตูบานนั้นยังสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เกิดเสียงดัง “โครมคราม” ผสมผสานกับเสียงก่นด่าของสองคนนั้นอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่นาน อยู่ๆ เสียงคำรามอันแปลกประหลาดก็ดังมาจากในห้อง
เมื่อเสียงคำรามนี้ปรากฏ ประตูห้องก็หยุดสั่น แต่สิ่งที่เข้ามาแทนที่กลับเป็นเสียงดังสนั่นโครมครามอย่างบ้าคลั่ง
ถังฮ่าวขาอ่อนทันที เขามองหน้าหลิงม่อเหมือนกำลังมองปีศาจร้าย
“รู้อะไรไหม?” อยู่ๆ หลิงม่อก็หันมามองเขา แล้วบอกว่า “ความจริงเสี่ยวป๋ายเจาะรูเก่งมาก อีกอย่าง กลิ่นตัวของมันสามารถดึงดูดอะไรเข้ามาได้มากมาย…เงื่อนไขคือหากที่นี่มีอะไรให้มันดึงดูดออกมาล่ะก็นะ”
“แก…” ถังฮ่าวอ้าปาก แต่กลับพบว่าปากของเขากำลังสั่นเทาจนฟันกระทบกัน
—————————————————————————–