แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 949
“อ๊ากกกก!”
ในตอนนั้นเอง อยู่ๆ เสียงกรีดร้องหนึ่งก็ดังมาจากหลังประตู ไม่นานเสียง “โครม” ก็ดังตามมาติดๆ บานประตูพลันสั่นไหวชั่วขณะ
สวี่ซูหานสะดุ้ง จากนั้นก็ชี้ไปที่ช่องใต้ประตู พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “เลือด!”
เลือดจำนวนมหาศาลไหลออกมาจากช่องประตู รวมตัวกันจนกลายเป็นแอ่งเลือดอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของถังฮ่าวกระตุกสั่น เขาอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับได้ยินเสียงสวี่ซูหานตะโกนลั่น
ทันใดนั้น ตรงช่องประตูมีนิ้วมือหลายนิ้วพยายามเบียดเสียดออกมา จากนั้นก็เกาะขอบประตูไว้แน่น
“เขาเอง…” ถังฮ่าวจำเจ้าของนิ้วมือได้ทันที
แต่ในวินาทีถัดมา นิ้วมือพวกนั้นพลันหดกลับเข้าไป เหลือไว้เพียงรอยมือสีเลือดไว้ตรงขอบประตู
“เมื่อกี้…มันอะไร?” สวี่ซูหานตัวเกร็งไปทั้งตัว พลางถาม
เสี่ยวป๋ายเองก็ครางออกมาด้วยเหมือนกัน มันจ้องประตูอย่างระมัดระวัง ท่าทางเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจมาก
ไม่ใช่แค่พวกเขา หลิงม่อกับถังฮ่าวเองก็ดูออกเหมือนกัน…เจ้าของนิ้วมือเมื่อกี้ ถูกอะไรบางอย่างกระชากตัวไปกะทันหัน
ไม่มีการขัดขืน ไม่มีเสียงกรีดร้อง…
เลือดบนพื้นยังคงยาวเหยียดออกไป บาดแผลแบบไหนกัน ที่ทำให้คนคนหนึ่งเลือดไหลได้มากขนาดนี้ภายในเสี้ยววินาที…
เสียงอึกทึกครึกโครมในห้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง แต่ในเวลาเพียงชั่วพริบตา เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอีกครั้ง
และหลังจากเสียงกรีดร้องนั้น ก็มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้น…
“โครม…โครม…โครม…”
สวี่ซูหานก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้จะมีประตูกั้นอยู่หนึ่งบาน แต่แค่ได้ยินเสียงพวกนั้น ก็มากพอที่จะทำให้จินตนาการถึงภาพน่ากลัวเหล่านั้นได้…
“ระ…เร็วเกินไปแล้ว…” เธอพึมพำอย่างตื่นตะลึง
สองคนนั้นเป็นผู้มีความสามารถพิเศษที่มีพลังแปลงร่างนะ! ซ้ำหนึ่งในนั้นยังเก่งเรื่องการต่อสู้ระยะประชิด ซึ่งได้เปรียบในสภาพแวดล้อมอย่างนี้อีกด้วย! ยิ่งถ้าร่วมมือกับอีกคน อยางน้อยก็น่าจะยืนหยัดไปได้ซักช่วงหนึ่งสิ…”
แต่นับจากที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นปรากฏกาย สองคนนั้นก็ได้เข้าสู่การต่อสู้ดันดุเดือด กระทั่งไม่มีโอกาสหันมาโจมตีประตู หรือหันมาอ้อนวอนเลยด้วยซ้ำ…
“แกตั้งใจให้พวกเขาตายอย่างนี้ ตาต่อตา ฟันต่อฟันสินะ? หรือว่า แกแค่อยากพิสูจน์? ว่าสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้น เป็นตัวอะไรกันแน่…” ถังฮ่าวพูดเสียงพึมพำ
หลิงม่อไม่สนใจเขา แต่กลับหันไปพูดกับสวี่ซูหาน “พวกอวี่เหวินซวนล่ะ?”
“ไปอีกทางแล้ว…ตอนที่เข้ามาในนี้ได้แป๊บเดียว ฉันก็เห็นสองคนนั้น แต่เจ้าลิงผอมบอกว่าเขาได้ยินเสียงเสียงเคลื่อนไหวบางอ่างมาจากทิศที่สองคนนั้นจากมา…ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเป็นหลัก พวกฉันจึงแยกตัวกันชั่วคราว ฉันสะกดรอยตามสองคนนั้น ส่วนพวกเขาไปสำรวจแหล่งกำเนิดเสียง” สวี่ซูหานตอบอย่างรวดเร็ว
“อย่างนั้นก็ดี” หลิงม่อพยักหน้า เขาจงใจเลือกเจ้าลิงผอมมาก็เพื่อการนี้
ส่วนควรทำอะไรหลังจากมาที่นี่ เรื่องแบบนั้นมีอวี่เหวินซวนคอยตัดสินใจอยู่แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่ได้เป็นผู้สั่งการแค่ในนาม ก่อนรับช่วงต่อค่ายปาฏิหาริย์ เขาก็เคยเป็นบุคลากรสำคัญคนหนึ่งของฟอลคอนมาก่อน…ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังหรือความสามารถในการสั่งการ หมอนั่นเชื่อถือได้อยู่แล้ว
เรื่องนี้ แค่ดูจากการที่จางอวี่เต็มใจมอบชีวิตให้อยู่ในกำมือเขาก็รู้แล้ว…แม้แต่การที่หลิงม่อได้รับการยอมรับจากค่ายปาฏิหาริย์ และนั่งบนตำแหน่งหัวหน้าเบอร์หนึ่งของค่ายได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ ก็เป็นเพราะการป่าวประกาศหลายทาง และปูพื้นมานานของอวี่เหวินซวนเหมือนกัน
อาจดูเหมือนว่าเขาถูกฟอลคอนกดขี่อยู่ตลอด แต่ความจริงหากเขาคิดต่อต้าน ก็ทำได้อย่างหมดจดงดงาม…
“น่าเสียดายที่หมอนั่นมันบ้า” หลิงม่ออดคิดไม่ได้
“เกร๊ง!”
เสียงดังมาจากประตูเหล็ก ทุกคนต่างพากันเกร็งร่างไปทั้งตัวอีกครั้ง
ถังฮ่าวจ้องเลือดบนพื้นไม่ละสายตา เขาสะดุ้งร้อง “ว๊ากก” และตัวอ่อนล้มลงกับพื้นทันที “พวกมันจะออกมาแล้ว!”
“แบ๊…” เสี่ยวป๋ายใช้หัวยันประตูไว้ แต่เมื่อประตูสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ มันก็เริ่มยันไม่อยู่ ทว่าในตอนนั้นเอง ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็สามารถต้านกับสัตว์ประหลาดหลังประตูได้
“หลิงม่อ พวกเราจะเอาไงต่อ?” สวี่ซูหานรีบถาม ถึงแม้เป็นซอมบี้ แต่เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับเผ่าพันธุ์เดียวกันที่เติบโตตามธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์ประหลาดที่อาจไม่ถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันนี่เลย…ถ้าหากพวกมันยังเรียกว่าเป็นซอมบี้ได้อยู่ ถังฮ่าวคงไม่ใช่คำว่า “สัตว์ประหลาด” มาขีดเส้นแบ่งกับซอมบี้อย่างชัดเจนหรอก นั่นหมายความว่าอย่างน้อยในสายตาคนอย่างถังฮ่าว สิ่งที่อยู่ในห้องน่ากลัวยิ่งกว่าซอมบี้เสียอีก…
ก็ไม่แปลก ที่เขาจะตกใจกลัวจนมีสภาพอย่างในตอนนี้…
“เข้าใจแล้ว ไม่น่าล่ะพวกเขาถึงกล้าส่งคนเข้าไปในบริษัทลอว์สัน เพราะสำหรับพวกเขา อันตรายที่แท้จริงไม่ใช่ซอมบี้ที่อยู่ในบริษัทลอว์สัน แต่เป็นสัตว์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ในตึกใหญ่หลังนั้นต่างหาก…การสำรวจและการเคลื่อนไหวก่อนหน้านั้น ล้วนทำไปเพื่อหาโอกาสสำรวจสภาพแวดล้อมให้ชัดเจนเท่านั้น…แต่น่าเสียดายที่โอกาสหาได้ยาก จนถึงวันนี้ วันที่พวกเราปรากฏตัว…และการที่อดทนรอมาจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นถังฮ่าวหรือผีเสื้อล้วนแต่ดูตื่นเต้นดีใจ คนอื่นๆ ก็คงไม่ต่างกัน จัดการสองคนนั้นได้ แต่ข้างนอกก็ยังมีอยู่อีก และไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ…”
หลิงม่อคิดในใจ พลางพูดขึ้นว่า “ไปหาพวกอวี่เหวินซวนกัน”
“งั้นที่นี่…”
“ไม่เป็นไร เสี่ยวป๋ายจะขวางพวกมันไว้เอง ระหว่างทางมันทิ้งกลิ่นตัวไว้บ้างแล้ว แล้วยังมีเลือดที่พวกนั้นเทไว้อีก…อีกเดี๋ยวเสี่ยวป๋ายจะล่อพวกมันให้วิ่งวนไปวนมา จนกว่าเราจะจบเรื่องที่นี่” หลิงม่อพูด พลางยกมือตบหลังเสี่ยวป๋ายเบาๆ
เสี่ยวป๋ายหมายจะหันหัวมาดุนมือเขาอย่างอ้อนๆ แต่บานประตูกลับยังคงสั่นสะเทือนไม่หยุด…สุดท้ายด้วยความจนใจ หมีแพนด้ากลายพันธุ์ตัวนี้จึงทำได้เพียงกระดกก้นขึ้น จากนั้นก็กระดิกหางสั้นๆ ของตัวเองไปมา
“สั้นจนจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว…” หลิงม่อลูบหลังมันสองสามทีอย่างเอ็นดู แล้วบอกว่า “เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อน!”
ถังฮ่าวที่วิญญาณหลุดออกจากร่างพลันตะโกนเสียงดัง “พาฉันไปด้วย! ฉันให้ข้อมูลแกตั้งมากมาย…”
หลิงม่อ นายดูนี่สิ…” สวี่ซูหานมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปพูดกับหลิงม่อ
หลิงม่อเดินไปนั่งยองๆ ตรงหน้าถังฮ่าว สบตาและพูดกับเขาว่า “แต่แกก็กำลังคิดว่าจะฆ่าฉันให้ตายยังไงอยู่ทุกวินาทีไม่ใช่หรอ? ความจริงก็เพราะเหตุผลนี้แหละ ฉันถึงได้ทำตรงข้ามกับสิ่งที่แกบอกทุกอย่าง อีกอย่าง…ตอนแรกฉันคิดว่าแกพูดถูก ร่างกายและความเป็นมนุษย์ของแกแยกออกจากกันแล้ว แต่หลังจากเข้ามาในนี้ฉันก็คิดได้ ตอนนั้นแกกำลังโกหก…เหมือนกับตอนที่แกเผชิญหน้ากับลูกเมียแกของแก คนที่กลัวคือแก คนที่อยากจะฆ่าพวกเขาให้ตายก็คือแกอีกนั่นแหละ…ท้ายที่สุดแล้วแกได้ฆ่าพวกเขาหรือเปล่า บางทีอาจจะมีแค่แกคนเดียวเท่านั้นที่รู้”
“ยะ…อย่าทิ้งฉัน แกอย่าฆ่าฉัน…” สายตาของถังฮ่าวพลันแปรเปลี่ยนเป็นอาฆาตแค้น ขณะเดียวกันเขากลับอดอ้อนวอนและร่ำไห้ไม่ได้
“การกลายเป็นซอมบี้ เป็นแค่การทำให้นิสัยด้านหนึ่งชัดเจนขึ้น ไม่ใช่จิตใจบิดเบี้ยว” หลิงม่อกระชากมือของเขาออก เผยให้เห็นส่วนท้องของเขาที่กำลังขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
“ไม่…” ถังฮ่าวทำหน้าสิ้นหวัง
“ฉันจะปล่อยให้แกเป็นไปตามเวรตามกรรมของแกแล้วกัน” หลิงม่อลุกขึ้นยืน แล้วบอก
“ไม่นะ…ไม่!”
—————————————————————————–