แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 335 จอมทัพหลิวหลีไปถึงสนามรบแล้ว
ตอนที่ 335 จอมทัพหลิวหลีไปถึงสนามรบแล้ว
“หนานกงเวิ่นเทียน อย่าบีบให้ข้าต้องลงมือ” เซวียนหลิงกัดฟันพูด หนานกงเวิ่นเทียนผู้นี้มีกลิ่นอายบริสุทธิ์ เป็นผู้สืบทอดที่มีสีผมและสีดวงตาเหมือนกันใช่จะหาได้ง่ายๆ โอกาสที่จะได้สืบทอดตำแหน่งเทพสูงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะนังคนชั่วอยู่กับหลงเหยียนจิ่งคนไร้เหตุผลคนนั้น ยังไม่รู้เลยว่าจะตายอย่างไร การจะฆ่าศิษย์ระดับล่างคนหนึ่งง่ายดายเหลือเกิน
“เจ้าลงมือสิ คิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือ?” ทั่วทั้งตัวหนานกงเวิ่นเทียนแผ่กลิ่นอายเย็นยะเยือกกว่าเดิม เซวียนหลิงรู้สึกว่าสิ่งที่ตนจับไม่ใช่แขนคนแต่เป็นน้ำแข็งก้อนหนึ่ง
“เหอะ เจ้ามันก็แค่ศิษย์ระดับพิเศษที่เพิ่งบรรลุขั้นใหม่ได้ไม่นานเอง ต่อให้ตอนนี้เจ้ามีพลังบำเพ็ญเพียรขอบเขตเทพสวรรค์และจะอย่างไร สู้คนเก่าแก่อย่างพวกข้าได้หรือ” เซวียนหลิงเอ่ยขึ้น เซวียนหลิงเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพอัคคีที่มีเรือนผมสีแดงและดวงตาสีดำ ซึ่งในศิษย์ระดับพิเศษมีไม่มากนัก อีกอย่างผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพอัคคีก็หายากเสียด้วย สถานะของเซวียนหลิงจึงพิเศษ ทำให้นางออกจะหยิ่งผยองน้อยๆ
“เซวียนหลิง ใช้อำนาจกดคนอื่นไม่ดีนะ”
“อูหยา เหตุใดเจ้าถึงได้เสแสร้งเป็นคนดีเพื่อเรียกร้องความเห็นใจแบบนั้น อย่านึกว่าข้าจะรู้ไม่ทันลูกเล่นของเจ้า เจ้าเองก็ชอบหนานกงเวิ่นเทียนเช่นกัน อย่าแสร้งทำเป็นอ่อนโยนหน่อยเลย ดวงตาคู่นั้นของเจ้าปิดบังจิตใจอันทะเยอทะยานของเจ้าไม่ได้เลยสักนิด” เซวินหลิงแดกดันอย่างไม่เกรงใจ
“เซวียนหลิง เจ้า” อูหยาโมโหกระฟัดกระเฟียดแต่กลับพูดจี้ใจนางนัก เทพสวรรค์ที่มีกลิ่นอายบริสุทธิ์เช่นนี้มีน้อยมากเหลือเกิน กว่าจะเจอสักคน พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะแย่งชิงผลประโยชน์ อู่หยามีเส้นผมสีดำดวงตาสีเขียว เขาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพพฤกษา
“ทำไม ถูกข้าพูดจี้ใจดำเลยอับอายจนต้องโมโหกลบเกลื่อนแทนล่ะสิ? อูหยา เจ้าเป็นถึงเทพสวรรค์แล้วนะ ยังระงับความโกรธไม่ได้อีกหรือ” เซวียนหลิงแดกดันต่อ
“เหอะ เซวียนหลิง เจ้าคิดว่าเจ้าแข็งแกร่งขนาดไหนกันเชียว เจ้าคิดอะไรอย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้สิ” อูหยาตอกกลับอย่างไม่ลดละ
“แล้วจะอย่างไรเล่า อย่างน้อยข้าก็โดดเด่นที่สุด” เซวียนหลิงไม่ใส่ใจเลยสักนิด
“พวกเจ้าพอได้แล้ว”
“ท่านพี่หลัวหลาน” เซวียนหลิงคลายมือที่จับหนานกงเวิ่นเทียน แล้วมองหลัวหลานด้วยความหวาดกลัว อูหยาเองก็เช่นกัน
“พวกเจ้ากัดกันเหมือนตัวอะไรเนี่ย อีกอย่างท่านพี่จวินหาวเองก็จองเขาแล้ว พวกเจ้าคิดจะแย่งท่านพี่หรือ?” หลิวหลานมองพวกเขาสองคน หลัวหลานมีผมสีดำดวงตาสีม่วง เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพอัสนี
“มิบังอาจเจ้าค่ะ” ทั้งสองคนรีบส่ายศีรษะ ท่านพี่จวินหาวเป็นถึงผู้ที่บรรลุขอบเขตแม่ทัพเทพนานแล้ว พวกเขาจะบังอาจล่วงเกินท่านผู้นี้ได้เช่นไร จวินหาวทั้งผมและดวงตาเป็นสีดำ เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพมาร มีพลังบำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งที่สุด
หนานกงเวิ่นเทียนตัวเย็นเฉียบราวน้ำค้างเดือนสิบสอง หนาวจับขั้วหัวใจ คนพวกนี้มองข้ามความคิดเห็นและพลังบำเพ็ญเพียรของเขา ให้เวลาเขาหน่อยเถอะ เขาจะต้องเหยียบคนพวกนี้ให้ได้ แต่ทว่าเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพก็ใช่ว่าจะกลายเป็นเทพที่แท้จริง ไม่เห็นคนอื่นในสายตาเช่นนี้ คนแห่งโลกเทพช่างน่าสะอิดสะเอียดเหลือเกิน
“ศิษย์น้องหนานกงตามข้ามาเถอะ อย่าปล่อยให้ท่านพี่จวินหาวรอนาน” หลัวหลานเอ่ย แววตาที่มองหนานกงเวิ่นเทียนฉายแววชิงชัง ชายคนหนึ่งเตะตาชายอีกคน ชายที่เป็นผู้ถูกใจนี้จะมีจุดจบอย่างไร แต่คิดๆดูก็รู้แล้ว
“ขอโทษด้วย ข้าไม่รู้จัก” หนานกงเวิ่นเทียนปฏิเสธตามตรง ทำเอาหลิงเซวียนกับอูหยามองเขาด้วยความเห็นใจ แม้แต่ท่านพี่จวินหาวเป็นใครเขาก็ยังไม่รู้จัก แต่ถึงขนาดกฃ้าปฏิเสธเช่นนี้ เรื่องจุดจบคงไม่ต้องพูดถึง ศิษย์ระดับพิเศษอย่างพวกเขา ขอแค่พวกเขาไม่ฆ่าใคร ก็จะไม่มีใครเข้ามายุ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร
“หนานกงเวิ่นเทียน ข้าบอกแล้วว่าอย่าปล่อยให้ท่านพี่จวินหาวรอนาน” น้ำเสียงของหลัวหลานไม่ดีนัก ในฐานะที่สามารถบรรลุขอบเขตแม่ทัพเทพได้ทุกเมื่อจึงมีความทะนงตนอยู่บ้าง จะยอมถูกเทพสวรรค์ตัวเล็กๆเมินใส่ได้เช่นไร
“ข้าบอกว่าข้าไม่ไป” หนานกงเวิ่นเทียนกัดฟัน ร่างกายเขาเข้าเริ่มตั้งท่าเตรียมป้องกันตัวแล้ว
“รนหาที่ตาย” หลัวหลานกัดฟันกรอดและลงมือทันที
หนานกงเวิ่นเทียนเตรียมโต้กลับ แต่จู่ๆก็มีเงาโผล่มาจู่โจมเร็วกว่าเขา หลัวหลานเซถอยไปด้านหลังหนึ่งก้าว หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ใครกัน
ควันหนาแน่นจางหายไป เงาคนปรากฏชัดเจนขึ้น ทุกคนต่างรอคอยจับจ้องว่าคนผู้นี้เป็นใครกันถึงกล้าทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับคนของท่านพี่จวินหาวเช่นนี้ แต่กลับพบว่าคนผู้นี้มีเรือนผมและดวงตาสีแดง ใบหน้าสะสวย แต่กลับดูไม่คุ้นตาเลยสักนิด
“เจ้าเป็นใครกัน?” หลัวหลานหรี่ตา ใบหน้าไม่คุ้นเคยเลยแต่กลับมีพลังที่แข็งแกร่งนัก เหตุใดถึงไม่เคยได้ยินว่ามีศิษย์ระดับพิเศษที่เก่งกาจถึงเพียงนี้
“น้องหญิง” หนานกงเวิ่นเทียนตกใจ เหตุใดน้องหญิงของเขาถึงมีผมและดวงตาสีแดงเช่นนี้ งดงามจนตาค้างเลยทีเดียว
“อะไรกัน น้องหญิง หนานกงเวิ่นเทียน ฮูหยินของเจ้าเป็นศิษย์ระดับล่างมิใช่หรือ” เซวียนหลิงตกใจ นี่จะเป็นฮูหยินชั้นต่ำคนนั้นของหนานกงเวิ่นเทียนได้อย่างไร
“เหอะ แย่งชายที่มีคู่ครองแล้ว พวกเจ้าเล่นกันเสียสนุกเชียวนะ แต่ได้ถามเจ้าของอย่างข้าหรือไม่ว่ายินยอมไหม” หลิวหลียิ้มเจ้าเล่ห์ แต่คนที่เหลือกลับไม่สังเกตเห็น หนานกงเวิ่นเทียนมองออกว่าหากน้องหญิงของเขาถูกยั่วโมโหต่ออีกนิดคงระเบิดความโกรธออกมาแน่
“ข้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าใช้วิธีไหนถึงกลายมาเป็นศิษย์ระดับพิเศษได้ แต่เจ้าก็เป็นแค่ศิษย์ระดับพิเศษที่เพิ่งเลื่อนขั้นมาใหม่ จะมาเทียบชั้นกับศิษย์เก่าแก่อย่างพวกข้าได้เช่นไร ขอแนะนำให้เจ้าสำนึกตัวเองแล้วออกไปดีกว่า” หลัวหลานหรี่ตา สายฟ้าพาดผ่านในดวงตาเหมือนกำลังเตรียมอะไรบางอย่าง
“เรื่องวิธีการนั้น เพราะข้าผู้นี้เป็นคนถ่อมตัว นึกว่าผมและดวงตาสีแดงเป็นเรื่องผิดปกติ ใครจะไปรู้ว่านี่เป็นสัญลักษณ์พิเศษของการบรรลุ อีกอย่างมีคนตั้งมากมายอยากได้สามีของข้านัก นั่นทำให้จู่ ๆข้ารู้สึกว่าข้าไม่สามารถถ่อมตัวแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว”
“นังหนูนี่ พูดดี ๆไม่ชอบชอบให้บีบบังคับ อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจแล้วกัน พลังบำเพ็ญของเจ้าก็เฉยๆ” หลัวหลานแผ่ไออันตรายออกมา เซวียนหลิวกับอูหยาถอยหลังไปในที่ปลอดภัย
“พลังบำเพ็ญของเจ้าก็เฉยๆเหมือนกัน” หลิวหลีใช้มือดันหนานกงเวิ่นเทียนเข้าไปในเขตปลอดภัยเช่นกัน
ประกายไฟร่วงลงข้างเท้าหลิวหลีจนเป็นหลุมใหญ่ หลิวหลีเบี่ยงหลบ คิดจะเล่นสายอัสนีบาตหรือ? ในมือหลิวหลีปรากฏเปลวเพลิงสีม่วงขึ้นมาลูกหนึ่ง คนที่หลบอยู่ในที่ลับเกิดอาการตกตะลึง นี่ยังมีเพลิงเทพอื่นอีกหรือนี่
เปลวเพลิงสีม่วงที่แฝงด้วยพลังแห่งความน่ากลัวพุ่งจู่โจมหลัวหลานจนเกิดอาการตะลึงงัน ช่างเป็นพลังที่มีอานุภาพสูงเหลือเกิน แล้วยังแฝงด้วยพลังอัสนีอีกต่างหาก คนผู้นี้มีสีผมและดวงตาสีแดงจะต้องเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพอัคคีแน่ แต่เหตุใดถึงมีพลังอัสนีได้ล่ะ
จากนั้นข้างกายหลัวหลานก็ปรากฏเปลวเพลิงสีม่วงที่เหมือนกันนับสิบขึ้นมารายล้อมหลัวหลานเอาไว้ หลัวหลานขวัญเสีย คนผู้นี้ช่างเก็บงำฝีมือได้แยบยลนัก
เพลิงเทพนับสิบลูกปะทุขึ้น หลัวหลานก็พลอยถูกระเบิดไปด้วยจนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
เซวียนหลิงกับอูหยาก็สะดุ้งตกใจไปด้วย คนผู้นี้เป็นใครกัน เก่งกาจอย่างยิ่ง เป็นฮูหยินที่ว่าของหนานกงเวิ่นเทียนจริงหรือ ช่างเก็บงำความเก่งได้เยี่ยมเหลือเกิน
หลิวหลีรู้สึกว่าปราณสีน้ำนมที่อยู่ในร่างกายนางร้ายกาจทีเดียว ทั้งที่ปะทะกันขนาดนี้แต่นางกลับไม่ได้เปลืองพลังไปมากมายนัก ดูแล้วพลังต่อสู้ของตนน่าจะสูงกว่าเทพสวรรค์
หลัวหลานรู้สึกราวตนถูกตบหน้า นางต้องเอาศักดิ์ศรีครั้งนี้กลับคืนมาให้ได้ นางยังเตรียมจะสู้ต่อแต่กลับถูกมือข้างหนึ่งกดบ่าไว้
“ท่านพี่จวินหาว หลัวหลานจัดการได้ไม่ราบรื่นนัก” หลัวหลานเอ่ยแล้วรีบคุกเข่าลง
“ไม่เป็นไร คิดไม่ถึงว่าสองสามีภรรยานี้จะสุดยอดทั้งคู่” จวินหาวหรี่ตาและกล่าว นังหนูคนนี้ไม่ธรรมดา หลัวหลานที่เป็นสมุนของเขาพละกำลังต่อสู้เป็นเช่นใดเขารู้ดีแก่ใจ ถึงขนาดทำร้ายหลัวหลานได้ นังหนูคนนี่คงรับมือยากทีเดียว น่าสนใจ
“ผมสีดำ ดวงตาสีดำ เจ้าคือศิษย์ระดับล่าง ไม่เคยเจอเจ้ามาก่อนเลย พลังบำเพ็ญก็มองไม่ออก เจ้าน่าจะเรียนจบแล้วออกจากสำนักไปแล้วสินะ” หลิวหลีเอ่ยพลางขมวดคิ้วมุ่น ถ้านางจำไม่ผิดศิษย์พี่ที่พานางมาได้กล่าวไว้เช่นนั้น
…………………………………………………….