แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 356 รางวัลราคาสูง
เรื่องที่หลงหลิวหลีออกจากฌาน แถมยังออกไปข้างนอกแล้วพาหลานชายที่บาดเจ็บสาหัสกลับมาถูกพูดต่อกันไปอย่างรวดเร็ว นั่นยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว ที่เหลือเชื่อก็คือ ศิษย์พี่หลงท่านนี้ประกาศข่าวที่ทำให้คนโง่งมไปผ่านป้ายชื่อประจำตัว
“ของรางวัล มีใครรู้บ้างว่าผงวิญญาณแห่งความฝันมาจากไหน สามารถไปรับยาเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ที่พำนักของหลงหลิวหลี หากข้อมูลเป็นจริงหรือมีข่าวคราวสำคัญสามารถไปให้หลิวหลีช่วยปรุงยาให้ได้ ที่เหลือแค่แจ้งข้อมูลให้ก็จะได้รับน้ำยาเทพศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไป ทุกคนก็ฮือฮากันอย่างมาก ใครกันนะที่ยั่วโมโหศิษย์พี่หลงนางถึงได้ระเบิดอารมณ์ถึงขีดสุดเช่นนี้
“คิดอย่างไรกันแน่ถึงบังอาจล่วงเกินศิษย์พี่หลง เทพนักปรุงยาทั้ง 20 คนในโลกเทพยังไม่มี แต่ศิษย์พี่หลงมี ล่วงเกินเทพนักปรุงยาเป็นเรื่องที่แสนจะน่ากลัว”
“ใช่ แม้ว่าศิษย์พี่หญิงหลงจะเก่งกาจมาก แค่ก็ไม่รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า มีสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้อื่น กล้ามาแตะเกล็ดมังกร คนๆนี้ช่างกล้าจริงๆ”
“ศิษย์พี่นางก็ไม่ได้เลวร้าย พวกเราก็ช่วยหน่อยแล้วกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะวางแผนทำร้ายคนสนิทของนาง”
“แต่ข้าสนใจเรื่องยาเทพศักดิ์สิทธิ์มากกว่า ยังไงตอนนี้เทพนักปรุงยาก็ยากจะปรุงยา รางวัลนี้ของศิษย์พี่หญิงหลงนับว่ามากมายจริงๆ”
เมิ่งเตี๋ยอยู่ในสภาพหงุดหงิด ไม่เพียงแต่ไม่สามารถตัดแขนขาของหลิวหลี แต่ยังแหวกหญ้าให้งูตื่นอีก ทำอย่างไรดี หากเยว่ฮุยรู้เข้า เขาต้องทอดทิ้งนางแน่ แม้ว่านางจะติดตามเขามานาน แต่คนผู้นี้หากจะหักหลังขึ้นมาก็ไม่ไว้หน้าใครเหมือนกัน นางเก็บกวาดหมดจด ไม่มีทางสาวมาถึงนางได้แน่ ไม่มีทาง
“หลิวหลี ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” เอ๋าเลี่ยกล่าว
“ไม่ได้ ถึงข้าจะพอเดาออกว่าเป็นใคร แต่ข้าอยากทำเรื่องให้ใหญ่โต หลานชายของข้าถูกปฏิบัติเช่นนี้ นี่เพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น ตำแหน่งเทพนักปรุงยาของข้านี้นับว่าพอใช้ได้ทีเดียว” ทันทีที่หลิวหลีเห็นรอยแผลบนตัวของเด็กทั้งสองก็เดือดดาลขึ้นมาราวภูเขาไฟระเบิด หลิวหลีเข้าใจ หากไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ นางก็อย่าได้คิดจะบรรลุขอบเขตราชาเทพเลย
“หลิวหลี ตอนนี้เด็กทั้งสองคนไม่เป็นอะไรมากแล้ว ช่างมันเถอะ! อย่างไรเสียที่นี่พวกเราก็ไม่ได้มีรากฐานมั่นคงนัก ต่อให้เจ้าเป็นเทพนักปรุงยา คนอื่นเห็นแก่หน้าเจ้า แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่เช่นนี้” อิงเสวี่ยพูดพลางส่ายหน้า นางจะไม่เจ็บปวดแทนลูกชายทั้งสองของตนได้อย่างไร แต่หากเป็นแบบนี้จะสร้างปัญหาให้กับหลิวหลี พวกเขาทนได้ ทนจนกว่าจะถึงตอนที่พวกเขาจะแข็งแกร่งพอ จากนั้นค่อยไปแก้แค้น
“ไม่ได้ ถึงจะเป็นแค่เรื่องวางแผนทำร้ายเด็กสองคน ที่นี่ใครไม่รู้บ้างว่าปิงเซียวกับเหลยรุ่ยเป็นหลายชายข้า ต่อให้เป็นศิษย์ระดับพิเศษที่อยู่มานานก็ต้องให้เกียรติข้า แต่นี่หลานชายข้าทั้งสองคนถูกเล่นงานแบบนี้ ในเมื่อข้ายังมีความสามารถอยู่บ้าง จะให้ข้าแค่ร้องไห้และยอมรับมันหรือ?” หลิวหลีหัวเสียจนยากจะสงบสติได้
“อาเลี่ย อิงเสวี่ย พวกเจ้าวางใจได้ น้องหญิงมีขอบเขต ไม่ทำอะไรมั่วๆหรอก ผงวิญญาณแห่งความฝันไม่ใช่ใครก็จะมีมันได้” หนานกงเวิ่นเทียนพูดเป็นนัย
“ถูกต้อง เรื่องนี้เหมือนจะถูกวางแผนมาตั้งแต่ตอนที่เด็กสองคนรับภารกิจ เป้าหมายคือทำให้เด็กสองคนตายเพื่อให้ข้าสะเทือนใจ แต่คงไม่รู้ว่าข้าสัมผัสได้และออกจากฌานได้” หลิวหลีคิดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังดูเหมือนจะคาดไม่ถึงว่านางจะออกจากฌาน
“นังหนู เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้ารู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังหรือ มันเป็นใคร?” เอ๋าเลี่ยหัวเสีย อยากแล่นไปสับคนที่อยู่เบื้องหลัง
“วางใจได้ ค่อยๆกลืนกินเขาทีละนิด ให้เขาต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวถึงจะสนุก ยิ่งไปกว่านั้นให้เขาสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดกับเขาในตอนนี้ ให้เขารู้สึกตายทั้งเป็นถึงจะเป็นบทลงโทษที่ใหญ่ที่สุด” บางครั้งการตายก็ดีกว่ามีชีวิตอยู่ แต่จะใฟ้ตายไปเฉยๆไม่ได้ ควรจะให้เจอประสบการณ์แบบไหนดี?
หลิวหลีเลือกเส้นทางให้กับผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว เหลือแค่สังหารพวกลูกไก่ลูกกาเหล่านั้นทีละคนแล้วรอให้ตัวการที่แท้จริงติดกับ จากนั้นก็ทำให้เขากลัวนิดหน่อย ให้ชีวิตเขาช่วงนี้หวาดระแวง จนร่วงหล่นลงไปยังจุดที่ต่ำที่สุด บทลงโทษเช่นนี้สำหรับนางแล้วยังถือว่าจำใจทน
“หูชิงนั่นฟื้นหรือยัง?” หลิวหลีถาม คนผู้นี้เป็นคนที่หนานกงเวิ่นเทียนพากลับมา อีกทั้งหลิวหลียังพบผงวิญญาณแห่งความฝันบนตัวเขา ทำให้พอจะรู้เรื่องคร่าวๆอยู่บ้าง เจ้าหูชิงนี่คาดว่าคงถูกคนหลอกใช้แล้ว
แต่ตอนที่นางเรียกหาแต่สวีโจว ละเลยหูชิงก็มีเหตุผล นางมองออกว่าสวีโจวเป็นพวกกลายพันธุ์ สำหรับหูชิง นางรู้สึกแค่ว่าปกติเขาไม่ได้ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง แต่เพราะความไม่ตั้งใจของตนนี้ทำให้คนธรรมดาผู้นี้หลงทางแต่เขายังกลับตัวกลับใจได้ทันก็นับว่าเป็นลูกผู้ชายคนนึง
“อาหารบาดเจ็บของเขาค่อนข้างหนัก อีกทั้งพลังบำเพ็ญเพียรยังไม่เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ แล้วยังโดนโจมตีจากผู้ที่มีพลังบำเพ็ญเพียรในขั้นที่สูงกว่าช่วยชีวิตได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว อยากให้เขาฟื้นขึ้นมาอย่างน้อยคงต้องรอสักพัก แต่หากเขาอยากจะฝึกฝนบำเพ็ญเพียรคงต้องรอไปอีกนาน” หนานกงเวิ่นเทียนพูด
“ก็จริง ร่างกายของเด็กทั้งสองได้เจ้าช่วยรักษาให้ตอนนี้ร่างกายกำลังดีขึ้นอย่างรวดเร็ว คาดว่าเด็กสองคนคงฟื้นมาก่อนหูชิง” เอ๋าเลี่ยพูด
“เด็กสองคนเจออันตรายใหญ่หลวงเช่นนี้ แล้วรอดมาได้ คงจะได้อะไรกลับมาไม่น้อยแน่” หนานกงเวิ่นเทียนพูด
“มีคนไม่น้อยพากันมาแจ้งเบาะแส และพวกเราก็ทำตามเงื่อนไขของน้องหญิง แค่พวกเขาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็จะได้น้ำยาเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นรางวัล” หลิวหลีค่อนข้างดื้อรั้น นางรู้ความสำคัญของยาเทพศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ปรุงยานั้นขึ้น ถึงแม้ตัวยาจะมีสรรพคุณเพียง 1 ใน 10 ของยาเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่คนธรรมดาก็ใช้ได้ผล
“ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ แค่บอกข้อมูลก็พอแล้ว อย่างไรเสียบางครั้งข้อมูลที่ไม่น่าสนใจก็อาจเป็นความลับที่น่าสะพรึงได้” หลิวหลีกล่าว ถึงอย่างไรอัตราความสำเร็จในการปรุงยาของนางก็สูงมาก อีกอย่างการปรุงยาน้ำเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่ยุ่งยาก ดังนั้นนางจึงไม่กังวลว่ายาที่นางเก็บไว้จะไม่เพียงพอ ในเวลาแบบนี้ทุกครั้ง หลิวหลีจะรู้สึกขอบคุณฝีมือด้านนี้ของตน เป็นเครื่องมือทำเงินดีๆนี่เอง
การชิงดีชิงเด่นระหว่างกลุ่มในที่ผ่านมาอาจพอเมินได้ แต่อย่าล่วงเกินนางก็พอ มิเช่นนั้นนางก็ไม่ถือที่จะหาเรื่องพวกเขาคืน
“เด็กสองคนมีท่านน้าอย่างเจ้าช่างโชคดีนัก และถือเป็นโชคดีของพวกข้าสองสามีภรรยาด้วย หลิวหลี ขอบใจเจ้ามากนะ” อิงเสวี่ยพูดอย่างจริงใจ แต่ก่อนนางไม่เคยคิดว่าตนเองจะได้แต่งงานมีลูกที่น่ารักถึงสองคน แล้วยังมีหลิวหลีเป็นสหายที่สามารถเดินร่วมกันบนเส้นทางแห่งเต๋า
“อิงเสวี่ยไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ไม่ว่าจะจะความสัมพันธ์แบบไหน พวกเราก็เป็นสหายที่สนิทสนมกัน สหายไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำขอบคุณกันหรอก” หลิวหลีพูด
ผู้คนทั้งสำนักกระวนกระวายใจ อาจจะบอกได้ว่าคนที่มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมากจะน้อยต่างก็เป็นกังวล
“เมิ่งเตี๋ย เจ้าเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” เยว่ฮุยถาม เมิ่งเตี๋ยทำงานไม่เด็ดขาด คิดไม่ถึงว่าจะทำให้หลงหลิวหลีออกจากฌาน แทนที่จะหาทางขัดขวาง แต่กลับลงมือโต้งๆ ทางที่ดีขอให้นางเก็บกวาดให้เรียบร้อยเถอะ ไม่เช่นนั้นเขาไม่ถือที่จะลอยแพนาง
“วางใจได้ จัดการเรียบร้อยแล้ว ต่อให้หลงหลิวหลีเอายาเทพศักดิ์สิทธิ์มาอีกก็ไม่เจออะไร” ความมั่นใจในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เมิ่งเตี๋ยก็ยังพอมี
“เช่นนั้นก็ดี เหยียนซวี่เข้าฌานแล้ว ข้าไม่อยากให้คนคิดว่าข้าสู้เขาไม่ได้ ช่วงที่เขาเข้าฌาน กระทั่งเรื่องเล็กน้อยข้ายังจัดการไม่ได้ จะทำให้คนหัวเราะเยาะเอาได้” ถึงเยว่ฮุยจะพูดเช่นนี้ แต่เขาก็เตรียมจะโยนเมิ่งเตี๋ยทิ้งทุกเวลา หมากอย่างเมิ่งเตี๋ยถือว่าไร้ประโยชน์แล้ว น่าเสียดาย นางเป็นชู้รักที่เขาค่อนข้างพอใจเลยทีเดียว แต่เขายินดีทุ่มทุกสิ่งกับผลประโยชน์
………………………….