แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 361 ผู้ที่แข็งแกร่งก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอ
“น้องหญิง ต่อไปอยู่ห่างจากเด็กสองคนนั้นหน่อย พวกเขาโตขนาดนั้นแล้ว สามารถจัดการตัวเองได้แล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนนึกถึงเด็กสองคนนั้น ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ทำไมรู้สึกเหมือนเด็กสองคนนี้จะมีเจตนาแอบแฝง? ดูเหมือนจะใช่ หรืออาจจะเพราะเขาคิดมากไปเอง
“ข้ารู้ เฮ้อ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาคือเด็กคู่แรกที่ข้าเลี้ยง ดังนั้นถึงจะรู้ว่าพวกเขาแค่ออดอ้อนเฉยๆ แต่ก็อดโอ๋พวกเขาไม่ได้” หลิวหลีจะไม่รู้ได้อย่างไร นางถอนหายใจออกมา
“เด็กสองคนนี้ดูเหมือนจะมีเจตนาอื่น เจ้าสัมผัสได้หรือไม่?” สุดท้ายหนานกงเวิ่นเทียนก็อดถามไม่ได้
“รู้สิ เด็กสองคนนี้เจอผู้หญิงมาน้อยเกินไป เมื่อเจอผู้หญิงมากกว่านี้ก็จะเข้าใจเอง” หลิวหลีจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไรเพียงแต่ไม่พูดก็เท่านั้น
“เพราะสาเหตุนี้เองหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนไม่เชื่อเหตุผลนี้นัก ทันทีที่เห็นฮูหยินของเขาก็ทำตัวเป็นเด็กน้อย ท่าทางไม่ต่างอะไรกับเขาเลย ชอบเรียกร้องความสนใจจากฮูหยินของเขา หากไม่ใช่ว่านางชอบเขาแค่เพียงคนเดียว เขายังรู้สึกว่าหลิวหลีจะต้องโดนเด็กสองคนนี้หลอกล่อไปแน่
“เป็นเพราะสาเหตุนี้แหละ แต่ท่านพี่ ครั้งนี้จะต้องเข้าฌานอย่างจริงจังแล้ว ตอนนี้ทุกคนปลอดภัย หากไม่บรรลุขอบเขตราชาเทพก็จะไม่ออกมาโดยอันขาด” หลิวหลีถอนหายใจ มีบางเรื่องที่ฝืนไม่ได้ นางไปเข้าฌานตั้งใจฝึกฝนบำเพ็ญเพียรดีกว่า ไม่แน่พอเวลาผ่านไป ความรู้สึกประหลาดนั้นอาจจะหายไปก็จะพบว่ารอบตัวพวกเขายังมีความงามอื่นอยู่ นางเป็นเพียงแค่ภาพแรกที่พวกเขาเห็นก็เท่านั้น
“อือ ที่เข้าฌานครั้งนี้ก็เพราะ เด็กสองคนเจอกับอันตราย ไม่เช่นนั้นพวกเราตั้งใจจะบรรลุขอบอขตราชาเทพภายในคราวเดียว” หนานกงเวิ่นเทียนพยักหน้า เข้าฌานน่าจะดีที่สุด ช่วยให้อยู่ห่างพวกเขา อีกทั้งเมื่อเข้าฌานจนบรรลุขอบเขตราชาเทพ ตามที่นังหนูพูด เมื่อบรรลุไปถึงขั้นราชาเทพแล้วจะถูกดูดไปเข้าไปในสถานที่ที่ชื่อว่า ภูเขาเทวา ก็จะยิ่งอยู่ห่างจากพวกเขามากกว่าเดิม
“ใช่แล้ว แต่ว่าท่านพี่ ก่อนอื่นพวกเราควรจะทำเรื่องอื่นก่อนหรือเปล่า” หลิวหลีหรี่ตาลง ในเมื่อใช้กลยุทธ์ชายงามกับนาง ทั้งที่รู้ว่านางไม่มีภูมิต้านทานในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย เท่ากับว่าไม่มั่นใจในตัวนาง สามีของนางร้ายกาจนัก
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางหรี่ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์ของหลิวหลี บวกกับมือที่ขยับยุกยิกของนาง เอ่อ แผนการนี้จะต้องมีค่าตอบแทนจริงๆด้วย
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น หลิวหลีนับนิ้วตัวเอง จริงๆแล้วนางอยากจะมีลูกเช่นกัน เพียงแต่เหมือนนางอยู่ในสภาวะที่มีลูกยากกว่าโอกาสที่จะถูกรางวัลเสียอีก โอกาสน้อยจนแทบจะไม่มี แต่นางกลับเชื่อมั่นว่ายังพอมีหวัง
“ท่านพี่ ข้าอยากมีลูกสาว” อยู่ๆหลิวหลีก็พูดขึ้น อยากมีลูกสาวที่แต่งตัวเป็น ชอบใส่กระโปรง ใบหน้าสะสวยเหมือนเจ้าหญิง
“น้องหญิง อย่าฝืนเลย” หนานกงเวิ่นเทียนจะไม่อยากมีได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ขอเป็นแค่ลูกของพวกเขาก็พอแล้ว แต่เขาก็เข้าใจว่าโอกาสที่ความหวังนี้จะเป็นจริงได้นั้นมีอยู่น้อยนิด
“ข้าเข้าใจ ที่จริงข้าไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น มีบางเรื่องถึงแม้ภายนอกจะเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่กลับหนักอึ้งอยู่ในใจ” หลิวหลีกล่าว นางที่ดูเหมือนจะเข้มแข็ง ที่จริงแล้วก็มีด้านที่อ่อนแออยู่ นางมักจะแสดงแต่ด้านที่เข้มแข็งออกมาแต่พอลองคิดดูแล้ว บางครั้งแสดงความอ่อนแอออกมาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิด
ตอนนี้หนานกงเวิ่นเทียนเพิ่งจะเห็นว่าฮูหยินที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งของเขา ก็มีด้านที่อ่อนแอเช่นกัน เขาเห็นนางเป็นที่พึ่งมาโดยตลอด คอยป้องกันลมฝนให้กับทุกคน ทำให้พวกเขามองข้ามด้านที่อ่อนแอของนางไป ฮูหยินของเขาก็เป็นมนุษย์ มนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ มนุษย์ยิ่งใหญ่ได้ แต่ก็มีจุดที่อ่อนแอด้วยเช่นกัน
“น้องหญิง พวกเราเห็นเจ้าเป็นเสาหลัก เจ้าเป็นคนที่พวกเราเคารพนับถือตลอดมา จริงๆแล้วเจ้าก็เป็นคนที่ต้องการความรักความห่วงใย ข้ามองข้ามไป ข้าเอาแต่คิดว่าจะตามเจ้าทันได้อย่างไร แต่กลับไม่เคยคิดว่า เจ้าก็ต้องการคนที่จะมาคอยบังลมฝนให้แก่เจ้าด้วยเช่นกัน” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกปวดใจ คนที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ แต่ก็มีด้านที่อ่อนแอด้วยเช่นกัน
“แค่ท่านพี่พูดเช่นนี้ก็พอแล้ว แค่ได้อยู่กับท่าน ก็ถือเป็นโชคดีของข้า” หลิวหลีรู้สึกว่าตัวเองได้รับการเยียวยาทันที มีสามีที่รักและทะนุถนอมนาง ในยามเคว้งคว้างทำอะไรไม่ถูก ก็มีไหล่ที่ตนเองพึ่งพิงได้ถือเป็นเรื่องที่มีความสุขมากจริงๆ สามีภรรยาช่วยเหลือกันและกัน จึงจะสามารถเดินไปได้ไกล การพูดคุยกันระหว่างสามีภรรยาเป็นเรื่องที่สำคัญ
“ข้าก็เช่นกัน มีเจ้าถือเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าหนานกงเวิ่นเทียน” เจ้าเป็นคนที่ช่วยชีวิตข้า หากไม่มีเจ้า ข้าก็คงไม่สามารถอยู่ในโลกบำเพ็ญได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการบรรลุเป็นเซียน ตอนนี้มีโอกาสได้แย่งชิงตำแหน่งเทพที่แท้จริงก็เพราะนาง ไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหน สิ่งที่สวรรค์บัญญัติให้เขาก็คงจะเป็น เพราะสายสัมพันธ์กับภรรยาทำให้ชีวิตของเขาราบรื่นมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเจ้าเป็นความโชคดีของข้า เพียงแต่ว่าคำพูดพวกนี้ ข้ามิอาจพูดออกมาให้แก่เจ้าฟังได้
การพูดคุยกันในครั้งนี้ ทำให้ทั้งสองรู้สึกว่าเข้าใจกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ดูเหมือนทั้งสองคนจะเปิดอกคุยกัน หลิวหลีสัมผัสได้ว่าปราณสีน้ำนมในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย อ่อนโยนมากขึ้น เมล็ดพันธุ์สีรุ้งภายในร่างกายเม็ดนั้นก็โดดเด่นมากกว่าเดิม กลืนกินปราณสีน้ำนมในร่างกายได้มากกว่าเดิม ภายในร่างกายมีพลังหยินหยางเป็นฐาน พลังเพลิงทั้ง 9 สีไหลวน และเมล็ดพันธุ์ของนางเติบโตได้ดีทีเดียว
หนานกงเวิ่นเทียนก็ค้นพบความเปลี่ยนแปลงของตัวเองเช่นกัน ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ บางครั้งเขาจะเข้าใจความคิดของหลิวหลีได้เป็นอย่างดี หวานยิ่งกว่าการที่พวกเขาได้ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยกัน นอกจากนี้ เมล็ดพันธุ์สีฟ้าเหมันต์ที่อยู่ในร่างกายของเขาก็สดใสมากขึ้น เปล่งแสงประกายออกมา คายพลังเทพสีฟ้าเหมันต์ออกมาตลอดเวลา ทำให้เขารู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น เมล็ดพันธุ์แห่งเทพนี้ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย
ข่าวที่หลงหลิวหลีเข้าฌานอีกแล้วก็แพร่กระจายออกมา ทุกคนเข้าใจทันทีว่าหลงหลิวหลีเจอตัวการแล้ว อีกทั้งยังได้ลงโทษเป็นที่เรียบร้อย คนที่ทุกคนต่างพากันให้ความสนใจมากที่สุดกลับเป็นหูชิง ผลคือพออาการบาดเจ็บของหูชิงดีขึ้น เขาก็ไปเข้าฌาน ทำให้คนที่ติดตามไม่รู้เรื่องอะไร ข่าวที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือ หลังจากที่หลงหลิวหลีเข้าฌาน พอผ่านไปได้ระยะหนึ่ง เยว่ฮุยกับเมิ่งเตี๋ยสูญเสียสถานะศิษย์ระดับพิเศษไป กลายเป็นศิษย์ระดับธรรมดา ทำให้ทุกคนต่างสงสัย ที่แท้ตำแหน่งศิษย์ระดับพิเศษไม่ใช่ว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทั้งสองคนตกอยู่ในสภาพที่หลิวหลีเคยบอกพวกเขา พวกเขาจะมีชีวิตที่ต่ำต้อย แต่จะตายก็ไม่ได้ แต่ว่าพวกเขาก็ยังถือว่าค่อนข้างโชคดี นอกเสียจากพวกที่พวกเขาคบหาและคิดไปเองว่าคนเหล่านั้นคือพี่น้องที่ซ้ำเติมพวกเขา ศิษย์ระดับธรรมดาคนอื่นก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่พวกเขาไม่อาจคบค้ากับศิษย์ระดับธรรมดาคนอื่นๆได้ ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่ก็ไม่กล้าโกรธแค้นหลงหลิวหลี เพราะคนที่พวกเขาเคยคิดว่าเป็นสหายก็ยังซ้ำเติมพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงศัตรูอย่างหลงหลิวหลีเลย คนเราจะต้องมีจิตใจที่เมตตา น่าเสียดายที่พวกเขารู้ช้าเกินไป
ปิงเซียวกับเหลยรุ่ยไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าผลลัพธ์เช่นนี้ทุกข์ทรมานมากกว่าการฆ่าพวกเขาเสียอีก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินข่าวว่าหลิวหลีเข้าฌานอีกแล้ว เด็กทั้งสองคนก็แอบตัดสินใจว่าพวกเขาก็จะเข้าฌานด้วยเช่นกัน จะทิ้งห่างจากท่านน้าไกลไม่ได้ แต่ทว่าดูเหมือนว่าท่านน้ากับท่านน้าเขยจะสังเกตอะไรได้บางอย่าง ทำให้พวกเขารู้สึกเศร้าใจน้อยๆ ทั้งที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่พวกเขาอดไม่ได้นี่นา นี่คือการใช้การกระทำแทนคำตอบอย่างนั้นหรือ
……………………………………