แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 399
“พิเศษ” สวีโจวไม่เข้าใจ แต่พอได้ยินแบบนี้แล้ว ตนเองก็คงจะเป็นศิษย์ระดับพิเศษเช่นกัน แต่น้ำเสียงของศิษย์พี่กลับเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น
“ใช่ พิเศษ เจ้ารู้ไหมว่าเมล็ดพันธุ์สีดำสามารถสืบทอดตำแหน่งเทพที่แท้จริงองค์ไหนบ้าง” หลิวหลีย้อนถาม
“เทพมาร?” สวีโจวตอบกลับไป
“ไม่ใช่ เมล็ดพันธุ์แห่งเทพของเจ้าไม่ได้สืบทอดตำแหน่งเทพนั้น แต่เป็นเทพรัตติกาล” สองคำสุดท้ายของหลิวหลีเปรียบดังสายฟ้าฟาด สวีโจวรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เทพรัตติกาล เหตุใดถึงเป็นเทพรัตติกาล ไม่ใช่ว่ามีเทพรัตติกาลอยู่แล้วหรือ แล้วสถานะผู้ท้าชิงของเขามาได้อย่างไร
“ศิษย์พี่ ท่านพูดเล่นใช่ไหม นี่มันไม่ตลกเลยสักนิด” ทันใดนั้นเองสวีโจวก็เข้าใจว่าทำไมหลิวหลีต้องทำเช่นนั้น หากตนเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเทพรัตติกาลจริง ทันทีที่สถานะของตนถูกเปิดโปงจะต้องเจอกับอะไร โดนสังหาร นี่เป็นจุดจบของเขา เขาจะถูกเทพรัตติกาลฆ่าตาย ไม่ว่าใครก็คงไม่ชอบใจนักที่คนซึ่งทำให้ตำแหน่งของตนเองสั่นคลอนได้ปรากฏตัวขึ้น
“เจ้าเองก็มีคำตอบอยู่แล้ว รู้อยู่แล้วนี่ว่าข้าไม่เคยพูดเล่น การปรากฏตัวของเจ้าเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าเทพรัตติกาลท่านนั้นมีบางจุดที่ไม่เหมาะกับการเป็นเทพที่แท้จริงแล้ว จึงต้องมีเทพรัตติกาลคนใหม่ขึ้นมา” หลิวหลีหยุดอาการด่าตนเองและเหลือเชื่อของสวีโจว
“ดังนั้น ผู้อาวุโสป๋อเหยียนก็รู้เรื่องนี้ ถึงได้บอกให้ข้ามาหาคำตอบจากศิษย์พี่” สวีโจวเข้าใจแล้ว การเปลี่ยนแปลงของสายตาคู่นั้น แปลว่าเหลือเชื่อสินะ ตัวนางเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
“คงจะใช่ ข้าก็ไม่แน่ใจว่าผู้อาวุโสป๋อเหยียนนี้เป็นใคร แม้จะบอกว่าเป็นผู้ดูแลภูเขาเทวา แต่ที่จริงแล้วเขามีความสามารถอะไร พวกเราก็ยังไม่มีใครแน่ใจเหมือนกัน” หลิวหลีกล่าว นางอ่านผู้อาวุโสป๋อเหยียนไม่ได้ นางแอบมีความรู้สึกว่าหากนางสือทอดตำแหน่งเทพแล้วจะอ่านเขาได้เอง แต่ทำไมเทพที่แท้จริงทั้ง 3 ก็ดูเหมือนจะอ่านเขาไม่ได้เช่นกัน
“ขอบคุณศิษย์พี่ที่บอกข้า” แม้จะเหลือเชื่อ แต่สวีโจวก็สงบสติได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อผู้คุมกฎสวรรค์เลือกตน นั่นก็แสดงว่าตนมีความสามารถนั้น มีโอกาสได้เข้าแข่งขัน ทำไมเขาจะไม่ทำเพื่อตนเอง ตำแหน่งเทพที่แท้จริง ใครจะไม่ใจสั่น ความมุ่งมั่นในตอนนี้ของสวีโจวทำให้เยี่ยโยวหวงที่กำลังเข้าฌานสัมผัสได้ กล้าประกาศศึกกับข้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ แม้ว่าเขาจะปรารถนาตำแหน่งสูงสุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถอดใจในตำแหน่งเทพรัตติกาลนี้ คิดไม่ถึงว่าจะแน่วแน่ตั้งใจที่จะแย่งตำแหน่งกับตนเอง ช่างน่าขัน เยี่ยโยวหวงสัมผัสดู เขายังต้องเข้าฌานต่ออีกสักพัก อย่างไรเสียผลกระทบจากการที่สองร่างแยกถูกทำลายยังไม่สลายไปทั้งหมด รอเขาหายดี จะต้องไปพบคนผู้นี้แน่ เป็นคนแบบไหนกันถึงได้ใจกล้าเช่นนี้
“เจ้ายึดมั่นในจิตแห่งธรรมของไว้ได้ก็ดี ข้าขออวยพรล่วงหน้าให้เจ้าประสบผลสำเร็จ อย่างไรเสียข้าก็ชมชอบเจ้ามาก” หลิวหลีกล่าว
“ขอบคุณศิษย์พี่มาก ว่าแต่ศิษย์พี่บอกข้าได้ไหมว่าตอนนั้นท่านเอาอะไรใส่เข้าไปในร่างกายข้า” สวีโจวยังคงสงสัยเรื่องนี้อยู่ ผู้อาวุโสป๋อเหยียนนั่นบอกว่าโชคดีที่มีคนคอยช่วยเหลือเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีชีวิตรอดมาถึงที่นี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเลื่อนขั้นเป็นราชาเทพ คงจะเป็นเพราะได้ศิษย์พี่ผู้นี้ช่วยไว้
“จริงๆข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอก เพียงแต่รู้สึกว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์ ไม่ต้องมองข้าแบบนั้น ข้าไม่รู้จริงๆ คาดว่าพอข้าคลายปมเรื่องที่ซับซ้อนนี้ได้ ข้าคงจะเยี่ยมยอดมากแน่ๆ” หลิวหลีพูดพลางจ้องสวีโจว นางไม่รู้จริงๆว่ามันคืออะไร ใครจะไปรู้ว่าตั้งแต่นางบรรลุมาโลกเทพจะแปลกประหลาดไปแบบนี้ ในร่างกายมีวงจรครบถ้วน แถมยังสร้างลมปราณสีน้ำนมที่ไม่รู้ชื่อ รู้เพียงแต่ว่ามันส่งผลดีต่อตนเอง
เป็นครั้งแรกที่สวีโจวรู้สึกว่าศิษย์พี่ที่ท่าทางสง่างามผู้นี้ดูเด็ก เขารู้สึกมาตลอดว่าศิษย์พี่เก่งกาจมาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่านางน่ารักมากทีเดียว แต่ทว่าพอมองสามีของนางที่อยู่ข้างๆ พอเถอะ ช่างเถอะทางที่ดีเขาคงต้องเก็บงำอาการอย่าแสงท่าทีว่าตนเองคิดเกินเลยไป ไม่อย่างนั้นเขาคิดว่าตนจะไม่ทันได้ถูกเทพรัตติกาลฆ่า ก็จะโดนประมุขเทพเหมันต์ท่านนี้ฆ่าเอาเสียก่อน ในเมื่อรู้ความจริงนี้แล้ว พลังบำเพ็ญเพียรเพียงเล็กน้อยของตนนี้ก็ดูไม่เพียงพออีกแล้ว นี่คือความสามารถ
“ศิษย์พี่ทั้งสอง สวีโจวขอตัวกลับก่อน สวีโจวเข้าใจความสำคัญของพลังแล้ว หากขาดมัน ทุกอย่างเป็นแค่คำพูดลอยๆ” สวีโจวพูดอย่างมุ่งมั่น หากไร้ซึ่งพลัง ต่อให้มีคุณสมบัติเรื่องนี้ก็ไร้ค่าอยู่ดี
“น้องหญิง คิดว่าเขาจะทำสำเร็จไหม” หนานกงเวิ่นเทียนพูด จะแย่งตำแหน่งเทพที่มีผู้ครอบครองอยู่แล้ว ถือเป็นคนมุทะลุ แต่ก็ยังด้อยกว่าฮูหยินของเขาอยู่เล็กน้อย
“มีความเชื่อมั่นอย่างยิ่ง ข้าเองก็หวังว่าเขาจะทำสำเร็จ เพราะเทพรัตติกาลคนนั้นก็สกุลเยี่ย ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี” หลิวหลีพูด ง่ายมากๆ คนชั่วในโลกผู้บำเพ็ญเพียรชื่อเยี่ยซิงหวง คนชั่วในโลกเซียนชื่อเยี่ยซิงขวง พอมาถึงโลกเทพ เทพรัตติกาลก็ยังชื่อเยี่ยโยวหวงอีก นางมักรู้สึกว่าระหว่างพวกเขาจะต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกัน เจ้าเยี่ยซิงหวงนั่นก็ถูกฆ่าจนไม่มีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ แต่เจ้าเยี่ยซิงขวงนั่นดันมีความทรงจำของเยี่ยซิงหวงอยู่ สิ่งนี้เตือนสตินาง
“พวกเราคงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอก” หนานกงเวิ่นเทียนเงียบไปนานกว่าจะเอ่ยเช่นนี้ออกมา หากบอกว่าภรรยาของเขารำคาญ เขาไม่อยากจะได้ยินสองคำนี้สักนิดเลยด้วยซ้ำ ทำได้เพียงใช้คำว่าซวยมาอธิบายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ นี่จะเป็นผีตามหลอกหลอนไม่เลิกราเลยหรือ แม้แต่ในโลกเทพยังมีโอกาสจะพบพาน ลองคิดดูสิเขาจะอารมณ์ดีได้หรือ
“ท่านพี่ ข้าแค่เดาเท่านั้น” หลิวหลีถอนหายใจ เรื่องนี้จะเอามาโยงกันไม่ได้ นางมั่นใจถึง 6 ส่วนว่าเป็นจริง ตามหลอกตามหลอนกันจริงๆ เพราะอย่างนั้นนางถึงได้หวังให้สวีโจวทำสำเร็จ
“ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้เจอเทพรัตติกาลผู้นี้ได้หรือไม่” ในทั้งสองโลกเขามีใบหน้าที่เหมือนกัน หากยังเป็นใบหน้าเดียวกัน พวกเขาก็สามารถยืนยันได้แล้ว
“ไม่กระมัง อย่างไรเสียก็เป็นถึงเทพที่แท้จริง ไม่ใช่ใครจะเจอเขาได้ คาดว่าจักรพรรดิเทพยังไม่มีสิทธิ์เข้าพบเทพที่แท้จริงเลย” หลิวหลีส่ายหน้า เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ยืนยันไม่ได้ทั้งนั้น
“ช่างเถอะ ทำในสิ่งที่ควรจะทำ ดังนั้นน้องหญิง สิ่งที่พวกเราจำเป็นต้องทำคือรีบสืบทอดตำแหน่งเทพที่แท้จริง” อยู่ๆหนานกงเวิ่นเทียนก็รู้สึกเหมือนโดนบีบคั้น คิดว่าพลังบำเพ็ญเพียรในช่วงประมุขเทพของตนเองไม่เพียงพอ
“ไม่ใช่ แต่เราต้องทำพลังบำเพ็ญเพียรให้แข็งแกร่ง ประมุขเทพมีคุณสมบัติสืบทอดตำแหน่งเทพที่แท้จริง แต่โอกาสที่จะสำเร็จมันต่ำมาก จะทำแบบนี้ไม่ได้จนกว่าจะหมดหนทางแล้วจริงๆ” หลิวหลีส่ายหน้าบอกว่าไม่ได้ นางเคยบอกไว้ ทันทีที่ตนเองล้มเหลวแล้วครั้งหนึ่ง ก็จะเท่ากับว่าไร้วาสนากับตำแหน่งเทพที่แท้จริง ดังนั้นจะเสี่ยงไม่ได้
“ข้าร้อนใจไปเอง” หนานกงเวิ่นเทียนถอนหายใจ เขาใจร้อนไปเองจริงๆ
“ท่านพี่ เรื่องพวกนี้เป็นเพียงสิ่งที่พวกเราเดากันเอง ไม่ใช่เรื่องจริง พวกเราไม่จำเป็นเปลี่ยนแผนของเราเพราะสิ่งนี้ แบบนี้จะได้ไม่คุ้มเสีย” หลิวหลีพูดพลางกุมมือหนานกงเวิ่นเทียน
“ใช่ ดังนั้นพวกเรายังมีเวลา ข้าตัดสินใจจะเข้าฌานเพื่อปรุงยา เพิ่มความเป็นไปได้ในการบรรลุขอบเขตจักรพรรดิเทพของพวกเรา อีกอย่างแมลงกู่นั่นสามารถปรุงยาออกมาได้สิบเม็ด พวกเราพอจะหาคนมาช่วยได้” หลิวหลีคิดมาตลอดว่ามากคนมากแรงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง จะได้หาพวกพ้อง
“น้องหญิงมีตัวเลือกหรือไม่”
“มีอยู่แล้ว เพื่อนเก่าเข้าฌานกันหมดแล้ว ควรออกจากฌานมาเจอกันได้แล้ว” หลิวหลีพูด
“พวกอาเลี่ย” หนานกงเวิ่นเทียนเข้าใจทันที เรื่องแบบนี้ใช้คู่หูเก่าจะดีกว่า
………………………………………..