แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 415
“ข้าเป็นห่วงคนที่เข้าไปตำหนักเทพรัตติกาลมากกว่าว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง”
“ช่างเถอะ จะสืบทอดตำแหน่งก็ต้องให้เทพรัตติกาลคนปัจจุบันตายถึงจะทำได้ ไม่อย่างนั้นจะเอาอะไรไปสืบทอด”
“หากข้าจำไม่ผิดน่าจะยังมีอีกคนหนึ่ง”
อิงเสวี่ยผลักประตูเข้าไปในตำหนักเทพน้ำค้างแข็ง
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรหญิง แล้วยังเป็นอสูรเทพด้วย เอ๊ะ ธาตุเหมันต์นี่ ในเมื่อเป็นธาตุเหมันต์ เหตุใดถึงมาตำหนักน้ำค้างแข็งของข้าล่ะแม่หนู” น้ำเสียงใจดีของผู้หญิงดังขึ้นมา
“สวัสดีเจ้าค่ะ ผู้อาวุโส ข้าน้อยเฟิ่งอิงเสวี่ย ที่ข้าเลือกตำหนักเทพน้ำค้างแข็งนั้น เป็นความคิดของข้าเอง อีกทั้งในเรื่องของความเหมาะสม ตำหนักเทพน้ำค้างแข็งเหมาะสมกับข้าที่สุด” อิงเสวี่ยพูด
“แม่หนู ที่นี่ไม่เหมาะกับเจ้าหรอก แต่ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะกับเจ้ามาก เพียงแต่ตัวตำหนักอยู่ด้านข้าง ทุกคนจึงมองไม่เห็น แม่หนู เจ้าเหมาะที่จะสืบทอดตำแหน่งเทพนั้นมากกว่าตำแหน่งเทพของข้า” เงาเทพน้ำค้างแข็งพูด จากนั้นไม่นานก็มีกลุ่มพลังส่งอิงเสวี่ยออกมาด้านนอก แต่อิงเสวี่ยก็คว้าเสาเอาไว้
“ผู้อาวุโส ท่านไม่ยอมให้ข้าลอง จะรู้ได้อย่างไรว่าข้าทำไม่ได้” อิงเสวี่ยเอ่ยอย่างดื้อดึง
“แม่หนู ตำหนักเทพของเทพหิมะที่อยู่ข้างๆข้า เทพหิมะเหมาะกับเจ้ามากกว่า” เงาจนปัญญา เแม่หนูคนนี้หัวแข็งทีเดียว
“ไม่เอา ข้าคิดว่าที่นี่เหมาะกับข้ามากกว่า” อิงเสวี่ยปฏิเสธ
เงาเทพน้ำค้างแข็งยังคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่ง
“ทำไมเจ้าถึงว่างมาหาข้าที่นี่ ไม่กลัวว่าตำหนักเทพหิมะของเจ้าจะมีแขกมาหรือ?” เทพน้ำค้างแข็งเอ่ยเปรยถึงสถานะของคนที่มาเยือน
“ทำไมข้าจะมาตำหนักท่านพี่ไม่ได้ มีแม่หนูที่น่าสนใจ เหมาะจะสืบทอดตำแหน่งเทพหิมะของข้ามาก น่าเสียดาย ดูเหมือนแม่หนูนี่จะไม่เห็นตำแหน่งนี้ในสายตา” เทพหิมะพูดพลางส่ายหน้า อิงเสวี่ยค้นพบอย่างตกตะลึว่าเทพหิมะกับเทพน้ำค้างแข็งเหมือนกันราวกับแกะ เว้นเสียแต่ว่าคนหนึ่งสุขุมอีกคนซุกซน อีกคนเงียบขรึมอีกคนร่าเริง
“เทพทั้งสองเป็นพี่น้องกัน” อิงเสวี่ยรู้สึกดีอย่างประหลาดเพียงเพราะนางก็มีลูกชายฝาแฝดคู่หนึ่งเช่นกัน
“ใช่ พวกเราเป็นฝาแฝด แต่ตอนนี้คงดูไม่ออกว่าพวกเราเป็นฝาแฝดกันแล้วสินะ เป็นเพราะท่านพี่ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากเกินไป” เทพหิมะกล่าว
“อย่าลืมประเด็นหลักล่ะ แม่หนู เจ้าอยากสืบทอดตำแหน่งเทพของข้า เช่นนั้นก็เริ่มได้ กลับตัวตอนนี้ยังทัน” เทพน้ำค้างแข็งถามครั้งสุดท้าย
“ข้าไม่เสียใจทีหลัง” อิงเสวี่ยตอบกลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว
“เช่นนั้นก็ดี เริ่มได้” ไร้ร่องรอยของเทพทั้งสอง แล้วตำหนักก็เปลี่ยนเป็นโลกน้ำค้างแข็ง
“น้องหญิง จริงๆก็ชอบเด็กนั่นใช่ไหมล่ะ แต่เจ้าทำแบบนี้ ตั้งใจจะให้แม่หนูสืบทอดตำแหน่งของพวกเราสองคนหรือ” เทพน้ำค้างแข็งถาม นางย่อมเห็นลูกเล่นของน้องสาวนาง
“ใช่สิ ท่านพี่ก็ไม่ได้ต่อต้านนี่นา ไม่อย่างนั้นทำไมไม่ห้ามข้าล่ะ แถมยังตามใจข้าอีก” เทพหิมะพยักหน้าอย่างไม่ลังเลสักนิด นางคิดเช่นนี้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นฝาแฝด คนหนึ่งคนสืบทอดตำแหน่งเทพของพวกนางไม่ได้ได้อย่างไร อีกอย่างเดิมทีแล้วตำหนักเทพของพวกเขาที่เป็นตำหนักเดียวที่แบ่งออกเป็นสองตำหนักแยก
“ถึงแม่หนูคนนั้นจะบอกว่าเหมาะสมกว่าตำแหน่งเทพหิมะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเทพน้ำค้างแข็งไม่ได้ อีกอย่างแม่หนูคนนี้เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เมื่อมีเป้าหมายแล้วหากไม่สำเร็จจะไม่ลดละ ดังนั้นข้าจึงประทับใจในตัวนาง แล้วข้าก็เชื่อด้วยว่านางจะทำสำเร็จ” เทพน้ำค้างแข็งพูด เทพที่แท้จริงอย่างพวกนางต้องการคนที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ คนที่มาตำหนักเทพของพวกนางไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ไม่มีใครเด็ดเดี่ยวเหมือนแม่หนูผู้นี้
“เทพหิมะน้ำค้างแข็งก็ฟังดูไม่เลวเหมือนกัน ท่านพี่ แม่หนูคนนี้เหมาะกับตำแหน่งของพวกเราที่สุด อีกอย่างเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่า ตอนที่พวกเราบอกว่าเป็นฝาแฝด แม่หนูดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ เดาว่านางคงจะมีลูกฝาแฝดหรือไม่ก็พี่สาวน้องสาว” เทพหิมะพูดอย่างสงสัย
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าข้าไม่กังวลสักนิดเลยว่าแม่หนูจะล้มเหลว ถึงกับมีอารมณ์อยากคุยเล่นอยู่ที่นี่” เทพน้ำค้างแข็งพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
“เอ่อ พวกเราไปดูเด็กนั่นว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เทพหิมะนิ่งไป เหลือแค่เงากันแล้ว แต่พวกเขายังสามารถพูดคุยกันได้อย่างมีความสุข
“เป็นอย่างที่คิด แม่หนูคนนี้ไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง” เทพน้ำค้างแข็งเอ่ยชื่นชม มองดวงจิตสองสีส่องแสงระยิบระยับ คราวนี้พวกเขาทำภารกิจสำเร็จแล้ว
“ยินดีด้วยแม่หนู เจ้าทำสำเร็จแล้ว กลายเป็นเทพหิมะน้ำค้างแข็งคนใหม่ จำไว้ว่าต้องเด็ดเดี่ยวแน่วแน่” พอเทพน้ำค้างแข็งพูดจบ ภาพลวงตาก็หายไป
“ท่านพี่ รอข้าด้วย แม่หนู ตำแหน่งที่เจ้าสืบทอดเป็นตำแหน่งเทพของพวกข้าสองพี่น้อง แล้วเจ้านั่นคือหินหิมะน้ำค้างแข็ง หนทางในภาคหน้าต้องเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ต่อไปนะ” เทพหิมะพูดจบก็หายไป
“เทพหิมะและเทพน้ำค้างแข็ง ขอบคุณผู้อาวุโสทั้งสองที่สนับสนุนข้า” อิงเสวี่ยกล่าว แล้วทำความเคารพเทพทั้งสองอย่างนับถือ
“ตำหนักเทพน้ำค้างแข็งกับตำหนักเทพหิมะสว่างแล้ว ดูเหมือนว่าจำนวนคนที่เข้าไปจะไม่ได้เยอะเท่านี้”
“อาจเพราะเจ้าไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี” ไม่มีใครคิดว่าคนเดียวจะสามารถสืบทอดตำแหน่งเทพ 2 ตำแหน่งได้
“จำนวนคนถูกแล้ว น่าจะเป็นฝาแฝดคู่นั้น” มีคนสันนิษฐาน พอนึกถึงฝาแฝดคู่นั้นแล้วก็ทำให้เข้าใจผิดไปแบบนั้น
“เทพหิมะน้ำค้างแข็ง ข้าคิดว่าคนเหล่านั้นช่างน่าสนใจนัก” เทพพสุธาเอ่ย คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีคนสองคนสืบทอดตำแหน่งเทพตำแหน่งเดียว แล้วยังมีคนๆเดียวสืบทอดตำแหน่งเทพสองตำแหน่งด้วย
“อันที่จริงเทพน้ำค้างแข็งกับเทพหิมะก็เป็นฝาแฝดกัน สืบทอดตำแหน่งเทพของพวกนางสองคนมีอะไรไม่เหมาะสม” เทพวายุพูด เมื่อลองคิดดูก็เข้าใจแล้ว เช่นนั้นต่อไปก็คงเหลือแต่ที่นั่นแล้ว
“ไป พวกเราไปกันเถอะ แม้ว่าพวกเราจะไม่คิดอยากได้ตำแหน่งนั้นแล้ว แต่ก็ไปเป็นพยานในการถือกำเนิดของมหาเทพสูงสุดกันเถอะ”
“ก็จริง” เทพวายุพยักหน้า
ณ ตำหนักมหาเทพสูงสุด เยี่ยโยวหวงพยายามสงบสติ กระทั่งตำหนักเทพรัตติกาลของตนก็มีคนเข้าไปแล้ว เขาไม่มีทางให้หวนกลับเขากำลังพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อจะเข้าไปด้านในตำหนัก แต่ในทันใดนั้นประตูของตำหนักใหญ่ก็เปิดออก เยี่ยโยวหวงหันกลับไปก็เห็นหลิวหลีที่กลายเป็นเทพอัคคีตรงเข้าไปทันที น่าชังนัก ว่ากันว่าตำหนักมหาเทพสูงสุดนี้มีปราณผสม หากเขากลืนกินเข้าไปก็จะมีพลังในการประลอง
หลิวหลีไม่รู้สึกว่ามีอะไรเลยสักนิด นางรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตนและปราณผสมที่เปลี่ยนเป็นสีแดง ในที่สุดก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ของๆตน ไม่ว่าใครก็ไม่อาจแย่งชิงไปได้ ไม่ใช่ของตน ดื้อดึงจะแย่งไปก็ไร้ประโยชน์ หลิวหลีเดินเข้าไปในตำหนัก
“ฮ่าๆ หลงหลิวหลี ต่อให้เจ้าสืบทอดตำแหน่งเทพอัคคีแล้วยังไง ตำแหน่งมหาเทพสูงสุดเป็นของข้า ข้าใช้ปราณผสมในนี้ไปแล้ว ตำแหน่งมหาเทพสูงสุดต้องเป็นของข้าเท่านั้น” เยี่ยโยวหวงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีปราณผสมแล้ว อยากจะรู้นักว่าหลงหลิวหลี เจ้าจะเอาอะไรมาสืบทอดตำแหน่งมหาเทพสูงสุด
“เจ้าชอบตำแหน่งนี้ขนาดนั้น ถึงกับแบ่งร่างแยกสองร่างโดยไม่ลังเล” หลิวหลีไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย และถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรออกไป ขณะมองใบหน้าอันน่ารังเกียจที่เห็นมาตั้งแต่โลกผู้บำเพ็ญ จนถึงโลกเซียน คนผู้นี้แบ่งร่างออกมาจริง แถมยังแบ่งออกมาได้เหมือนกันทุกสัดส่วน กลัวหาตัวไม่เจอหรือไง
“ใช่ ในการล้มเหลวครั้งแรกของข้า ข้าจึงหาวิธีใหม่ ใช้ร่างแยกทั้งสองของข้าปกครองโลกเบื้องล่างทั้งสอง จนข้าควบคุมโลกทั้งสองแล้ว โลกเทพจะหลุดรอดเงื้อมมือข้าไปได้อย่างไร น่าเสียดาย ที่มีเรื่องไม่คาดคิดอย่างเจ้าเกิดขึ้น ตัวแปรที่ผิดปกติ แต่ตอนนี้ข้าไม่สนใจแล้ว ทุกอย่างกำลังจะเข้าที่เข้าทาง เป็นของข้า ตำแหน่งมหาเทพสูงสุดเป็นของข้าแล้ว ฮ่าๆ” เยี่ยโยวหวงพูดอย่างโอหังพลางมองหลิวหลี เขากำลังรับรู้ได้ว่าปราณผสมกำลังเปลี่ยนแปลงเขา นี่คือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเขาได้ ทำให้เขามีคุณสมบัตินั้น
“เกรงว่าเจ้าจะลืมไปแล้วว่าเจ้าสืบทอดตำแหน่งเทพรัตติกาลได้อย่างไร เจ้าสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไปแล้วยังคิดมากเช่นนั้นอีก” หลิวหลีพูดพลางส่ายหน้า ตัวนางเองรู้สึกได้ลางๆว่าการกลายเป็นเทพที่แท้จริงต้องมีคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุด ตอนนี้เห็นได้ชัดมากว่าเยี่ยโยวหวงสูญเสียมันไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่มีผู้สืบทอดปรากฏตัวขึ้น
“ทำไมคิดจะโจมตีข้างั้นหรือ ข้าจะบอกให้ว่าข้าไม่กลัว”
“เจ้าช่างน่าสงสารจริงๆ ผู้สืบทอดของเทพรัตติกาลก็ปรากฏตัวแล้ว ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเจ้าจะสำเร็จนะ” หลิวหลีพูดพลางมองเยี่ยโยวหวงด้วยความเวทนาเล็กน้อย
“หึ มีผู้สืบทอดของเทพรัตติกาลแล้วยังไง ข้าเป็นคนที่ต้องกลายเป็นมหาเทพสูงสุด ตำแหน่งเทพรัตติกาลใครให้ค่านักก็เอาไป” สิ้นเสียงของเยี่ยโยวหวง ทันใดนั้นก็มีแสงจากในตัวเยี่ยโยวหวงพุ่งเข้าไปในตำหนักเทพรัตติกาล หลิวหลีจำได้ว่านั่นคือหินราตรี สัญลักษณ์ของเทพรัตติกาล ไม่สิ ไม่ใช่เทพรัตติกาล คิดว่าปราณผสมนั่นคงช่วยเขาได้ไม่นาน
สวีโจวสับสน จู่ๆก็มีแสงปรากฏขึ้น สวีโจวรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งสำคัญ สวีโจวจึงเดินตามแสงมาถึงตำหนักเทพรัตติกาล ยืนมือคว้าแสงไว้ แล้วถูกพาไปยังสถานที่มืดสนิท สวีโจวตะโกนเรียกอยู่นานก็ไม่มีใคร ดูเหมือนที่นี่จะมีเขาคนเดียว ลำแสงที่เขาถือในมือหายไปไหนเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเดินท่ามกลางความมืดอยู่นานแค่ไหน ไม่มีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย ที่นี่คือที่ไหนกันแน่
………………………………….