แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 418
ในตอนแรกสายตาของทุกคนจดจ้องอยู่ที่เรื่องมหาเทพสูงสุดผู้ยิ่งใหญ่ตั้งครรภ์ แต่เทพตัวน้อยก็อดทนจนถึงขั้นราชาเทพก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร จื่อเจินก็เริ่มตั้งแต่ขั้นมนุษย์เทพค่อยๆเดินมาทีละก้าว จนถูกพี่ชายฝาแฝดของเขาหลอกให้ไปทำงาน กลายเป็นขุนนางเทพของเทพวารี แต่ท้องของหลิวหลีก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ก่อนหน้ากระตือรือร้นเพียงใด ตอนนี้ก็เฉยเมยเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะหลิวหลีเอาแต่พูดว่าไม่เป็นไร พวกเขาต่างก็สงสัยว่านางตั้งครรภ์จริงหรือไม่
“ท่านพี่ อายุครรภ์ของท่านนานเกินไปหรือเปล่า” จื่อฉีมองหน้าท้องที่แบนราบของหลิวหลี นี่ตั้งครรภ์แล้วจริงๆหรือ แม้ว่าอายุครรภ์ของมู่มู่ก็นานเช่นกัน แต่ว่าก็ไม่ได้นานแบบท่านพี่
“ผ่านไปอีกร้อยปี เดี๋ยวท้องก็ข้าก็จะดูเหมือนคนตั้งครรภ์เอง” หลิวหลีคำนวณเวลาแล้วพูด นางก็หดหู่ไม่ต่างจากคนอื่นเหมือนกัน ตั้งท้องไปนานๆก็เริ่มไม่ตื่นเต้นอะไรแล้ว เฮ้อ ทำไมนางต้องท้องหลังจากกลายเป็นมหาเทพสูงสุดด้วย ใช้เวลานานเช่นนี้ ตัวนางเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
ตอนที่ลูกสาวของนางเกิด แสงอาทิตย์สองสว่างไปทั่วท้องฟ้างดงามตระการตา หลิวหลียกมุมปากมองดูลูกสาวของนางที่กำลังร้องไห้งอแง มิน่าถึงได้อยู่ในท้องของนางนานเช่นนั้น คลอดออกมาก็เป็นเทพอัคคี เพราะลูกที่เกิดมาทำให้ตอนนี้นางไม่ใช่เทพอัคคีผสมอีกต่อไป ตำแหน่งเทพอัคคีถูกลูกสาวของนางสืบทอดไปอย่างสมบูรณ์ ดวงจิตอัคคีก็ถูกเด็กหญิงดูดซับไปเช่นกัน ตอนนี้นางเป็นเพียงเทพผสม ความจริงเมื่อเทียบกับเทพผสมแล้ว หลิวหลีชอบเทพอัคคีมากกว่า ทำให้รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
“ว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าแข็งแกร่งนัก เกิดมาก็ได้เป็นเทพอัคคี แข็งแกร่งกว่าพวกเรามาก” เอ๋าเลี่ยประหลาดใจ ถึงว่าหลิวหลีตั้งครรภ์นาน นานมากจนคนคิดว่านางแกล้งพวกเขา ที่แท้เด็กในท้องนางก็พิเศษเช่นนี้นี่เอง
“ท่านพี่อาเลี่ย อย่าเรียกมั่วๆนะ ยังไม่รู้เลยว่าเป็นลูกสะใภ้ของใครกันแน่” จื่อฉีโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ เห็นไหม หน้าของลูกชายเขาแทบจะแนบกับแม่หนูน้อยแล้ว อนาคตอีกยาวไกล ไม่รีบร้อน
หนานกงเวิ่นเทียนกลับอุ้มลูกสาวของตนอย่างตื่นเต้น นี่คือสายเลือดของเขากับหลิวหลี มองดูเด็กหญิงตัวเหี่ยวเหมือนหญิงชราในอ้อมแขน หนานกงเวิ่นเทียนพลันรู้สึกว่าในโลกนี้นอกจากฮูหยินแล้ว ลูกสาวของเขาก็งดงามที่สุด เขากอดลูกสาวแล้วกลายเป็นพ่อหลงลูกสาวทันที ทำไมนางถึงได้น่ารักแบบนี้นะ
“น่าเกลียดจัง” ปิงเซียวมองเด็กน้อยตัวเหี่ยวราวหญิงแก่อย่างรังเกียจ แต่ก็ถูกสายตาคมกริบของหนานกงเว่นเทียนค้อนใส่ กล้าพูดว่าลูกสาวเขาน่าเกลียด ใครก็ไม่รู้ตอนเกิดมาหน้าตาเหมือนงูที่น่าสงสาร
ปิงเซียวรู้ตัวว่าตนใช้คำพูดผิดไปจึงรีบเงียบทันที น้าเขยของเขาอยากมีลูกแค่ไหน ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่รู้ ยิ่งแบบนี้ยิ่งไม่ควรไปกระตุกหนวดเสือไม่ใช่หรือไง แล้วยังมีลำแสงที่แผดเผาข้างๆนั้นต้องเป็นท่านน้าหลิวหลีของเขาแน่นอน ช่างเถอะ ท่านน้าหลิวหลีอยากมีลูกมากกว่าน้าเขยเสียอีก จะว่าไปตอนนี้ท่านน้าหลิวหลีเป็นเจ้านายเขา นางจะแกล้งเขาไหมนะ
“น่ารักมากเลย ท่านน้า จะตั้งชื่อนางว่าอะไร” เหลยรุ่ยแอบด่าแฝดของตัวเองว่าโง่อยู่เงียบๆ ถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ควรพูดออกมา
พ่อแม่มือใหม่เงียบไป พวกเขาเอาแต่ดีอกดีใจจนลืมตั้งชื่อลูกสาว ทุกคนเข้าใจในทันที ไม่ได้คิดไว้
“น้องหญิง เจ้าตั้งชื่อให้ลูกสาวของเราสักชื่อสิ เจ้าเป็นคนตั้งชื่อของเด็กๆ ชื่อลูกสาวเราก็ให้เจ้าตั้งแล้วกัน” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ย ฮูหยินของเขาลำบากมามากแล้ว อีกทั้งชื่อของพวกปิงเซียวก็ไพเราะมาก ดังนั้นการมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้ภรรยาของเขาถือว่าถูกต้องแล้ว
“ข้าขอคิดก่อน” หลิวหลีมองดูลูกสาวแล้วพูด ลูกสาวของนางมอบความอบอุ่นให้ผู้คนเช่นเดียวกับแสงอาทิตย์
“ซวี่หน่วน ลูกสาวเราชื่อหนานกงซวี่หน่วน”
เสี่ยวซวี่หน่วนอายุหมื่นปีแต่มีรูปร่างเหมือนเด็ก 3 ขวบ แววตาของเอ๋าเลี่ยที่ตอนแรกตั้งใจจะเลี้ยงนางให้เป็นลูกสะใภ้ถึงกับหดหู่ลง หมื่นปีเพิ่งจะแค่ 3 ขวบ ใครจะรู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ลูกสะใภ้ของเขายังต้องได้รับการเลี้ยงดูไปอีกนาน ซวี่หน่วนเลือกขุนนางเทพของตนเอง เพราะการแทรกแซงของปิงเซียวกับเหลยรุ่ย หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ไม่ยอมให้ซวี่หน่วนเลือกขุนนางเทพผู้ชาย สุดท้ายนางจึงต้องเลือกขุนนางเทพผู้หญิง
“เสี่ยวซวี่หน่วน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” อวิ๋นชิงเห็นเด็กหญิงน่ารักตรงหน้า โตขึ้นแล้วผิวขาวนุ่มนิ่มจริงๆ แต่เพราะโตช้าเกินไป จนองค์หญิงน้อยนี้ดูเหมือนจะไม่พอใจเสียแล้ว
“ท่านอาอวิ๋น ท่านว่าท่านแม่ข้าคิดอะไรอยู่” ซวี่หน่วนยื่นปาก นางที่อายุหมื่นปีแต่กลับไม่ต่างอะไรกับเด็ก 3 ขวบ
“ทำไมหรือ?” อวิ๋นชิงถามตามน้ำ
“ทำไมต้องตั้งชื่อข้าว่าซวี่หน่วนด้วยมีตั้งหลายขีด” ซวี่หน่วนพูดขณะเขียนตัวซวี่ แถมชื่อกสุลนางก็มีตั้ง 2 ตัว
“เรื่องนี้น่ะ เป็นเพราะการมาถึงของเจ้าก็เหมือนแสงอาทิตย์ที่อบอุ่น พวกเขาตื่นเต้นกันมาก” ทุกครั้งที่อวิ๋นชิงนึกถึงท่าทางโง่เขลาที่ไม่ค่อยได้เห็นของสามีภรรยาคู่นั้นแล้วก็อยากหัวเราะขึ้นมา
“ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่พวกเขาก็แย่เกินไป ข้าเพิ่งจะอายุเพียงหมื่นปีก็ถูกเตะออกจากบ้านให้มายืนหยัดด้วยตัวเอง ข้ายังเป็นเด็กอยู่เลยนะ” ซวี่หน่วนไม่พอใจ ที่พูดกันว่าลูกสาวเป็นดังแก้วตาดวงใจ ไหนบอกว่าเป็นองค์หญิงน้อยของเขา โกหกทั้งเพ เอานางมาโยนทิ้งที่ตำหนักเทพอัคคี และพูดเสียสวยหรูว่านางโตแล้วต้องกลับยังดินแดนของตนเอง ร่างกายเหมอืนเด็ก 3 ขวบอย่างนางจะทำอะไรได้
“เช่นนั้นเจ้าเลยหนีออกจากบ้านมา” ในที่สุดอวิ๋นชิงก็เข้าใจ แม่หนูน้อยคนนี้เป็นคนงอแง แต่ว่าแม่หนูน้อย นี่เจ้าจงใจใช่ไหม เลือกที่ไหนไม่เลือก ดันมาเลือกตำหนักเทพพฤกษาของข้า กลัวว่าแม่ที่ไร้เหตุผลของนางจะปล่อยเขาไปหรือ
“ถูกต้อง” ซวี่หน่วนพยักหน้าอย่างแรง
“แม่หนู ข้าอยู่ภายใต้อำนาจของแม่เจ้า เจ้าก็รู้ ในโลกนี้ไม่มีใครที่นางหาไม่เจอ ไม่มีเรื่องไหนที่นางไม่เห็น” อวิ๋นชิงโน้มน้าวซวี่หน่วน
“ท่านอาอวิ๋น ข้ารู้ว่าท่านยังกลัวท่านแม่อยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้ โหดร้ายกับเป่าเปาจัง” ซวี่หน่วนทำปากยื่น
หนานกงซวี่หน่วน ชื่อรองเป่าเปา ตั้งแต่เกิดก็ถูกประคบประหงม พี่ชายทั้งสามคนทะนุถนอม ตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป จื่อเจินรักซวี่หน่วนเหมือนดังน้องสาว ส่วนฝาแฝดก็ยังคิดหาวิธีแต่งงานกับนาง
มุมปากอวิ๋นชิงกระตุก ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่พูดออกมาก็ยังน่าอายมากอยู่ดี
“ช่างเถอะ ข้าไปหาพี่จื่อเจินดีกว่า” ซวี่หน่วนเบะปาก มาหาคนหนุนหลังผิดคนเสียแล้ว
“แม่หนูนี่” อวิ๋นชิงจนปัญญา
“ท่านพี่เหมียวเหมี่ยว” ซวี่หน่วนตะโกน อวิ๋นเหมี่ยวเก็บงานในมือเงียบๆแล้วเดินจากไป อวี๋นเหมี่ยวหดหู่ เพื่อนในที่ทำงานวัยเยาว์คนนี้ดันมีชื่อเล่นว่าเหมียวเหมี่ยว! ตอนได้ยินครั้งแรกเขาคิดว่าเรียกเขา แต่สุดท้ายกลับไม่ใช่ ตอนนี้ทันทีที่เขาได้ยินคำนี้ทีไรก็รู้ทันทีว่าคือใคร บรรพบุรุษน้อยคนนี้มาทำอะไรกัน
“เป่าเปา เป็นอะไรไป” น้องสาวดูไม่พอใจเล็กน้อย
“ท่านพี่เหมียวเหมี่ยว ท่านพ่อท่านแม่ข้าไล่ข้าออกจากบ้าน ข้าน่าสงสารมากเลย ท่านรับข้าไว้เถอะนะ” หนานกงซวี่หน่วนพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร
“พูดมาเถอะ เจ้าไปทำอะไรมาอีก” จื่อเจินเข้าใจทันที แม่หนูน้อยคนนี้ต้องทำเรื่องอะไรที่ท่านน้าหลิวหลีรับไม่ได้แน่ ถึงได้ถีบส่งนาง
“ข้าก็ไม่ได้ทำอะไร แค่ทำงานของท่านแม่เละนิดหน่อย” ซวี่หน่วนพูดอ้อมๆ
“ไม่ใช่แค่นี้กระมัง” จื่อเจินไม่เชื่อว่าเพราะเหตุผลง่ายๆแค่นี้ นานๆทีท่านน้าหลิวหลีจะจำได้ว่าตนเป็นมหาเทพสูงสุด เรื่องบางอย่างก็จำเป็นต้องให้นางจัดการ ท่านน้าจะเพิ่มขุนนางเทพคนที่ 3 อวิ๋นเฟย ขุนนางเซียนของท่านน้าเมื่อตอนเป็นจักรพรรดิเทพเซียน ทันทีที่บรรลุเทพก็จับนางมาใช้แรงงาน คิดว่าเรื่องที่แม่หนูน้อยคนนี้ทำไม่น่าใช่เรื่องเล็กน้อย
“ไม่มีอะไรจริงๆ” ซวี่หน่วนไม่ยอมบอก
“แม่หนูน้อย คนแรกที่เจ้าคิดถึงกลับไม่ใช่พี่เหลยรุ่ยของเจ้า น่าเสียใจจริงๆ”
“แม่หนูใจร้าย ข้าผิดเองที่พอมีเวลาก็ไปโอ๋เจ้า แต่คนแรกที่คิดถึงกลับไม่ใช่ข้า”
“พี่ปิงเซียว พี่เหลยรุ่ย” ซวี่หน่วยกระพริบตาปริบๆอย่างไร้เดียงสา ก็พี่ชายทั้งสองคนพูดมากเกินไป นางย่อมต้องมาหาผู้ชายอบอุ่นอย่างพี่เหมียวเหมี่ยว
“ไปเถอะ แม่หนูน้อย แม่ของเจ้าบอกแล้วว่าออกไปได้ แต่ขอบเขตที่ออกไปจำกัดไว้แค่สถานที่ที่มีพวกข้าสองคนอยู่เท่านั้น” ปิงเซียวบีบจมูกน้อยๆของซวี่หน่วน
“ท่านแม่บ้าอำนาจจริงๆ” ซวี่หน่วนทำปากยื่นและเดินตามทั้งสองคนอย่างว่าง่าย จื่อเจินส่ายหน้า ท่านน้าหลิวหลีของเขาช่างใจกล้านัก คิดไม่ถึงว่าจะมอบลูกสาวไว้กับว่าที่ลูกเขย นอกจากนางแล้วคงไม่มีใครทำเช่นนี้
“น้องหญิง เจ้าทำเช่นนี้จะดีหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนทนไม่ได้เล็กน้อย
“ท่านสบายใจได้ อย่างไรเสีย 1 ในเด็กสองคนจะกลายเป็นสามีในอนาคตของลูกสาวเรา ในเมื่อเป็นเช่นนี้แน่นอนว่าต้องให้ลูกเขยเป็นคนเลี้ยงนาง ที่สำคัญที่สุดก็คือตั้งแต่มีซวี่หน่วน ท่านก็ไม่ค่อยอยู่กับข้าเลย” หลิวหลีไม่มีทางยอมรับว่านางอิจฉาลูกสาวถึงได้หาข้ออ้างเรื่องนี้
“น้องหญิง เจ้าก็รู้ว่าข้ารักลูกสาวของเรามากเท่าไหร่ ก็รักเจ้ามากเท่านั้นเช่นกัน” หนานกงเวิ่นเทียนพูดอย่างจริงจัง
ผ่านไปหลายหมื่นปี ในที่สุดหนานกงซวี่หน่วนก็โตขึ้น อุปนิสัยคล้ายคลึงกับท่านแม่ของนางมาก หน้าตาก็เหมือนโขลกกันมา ไม่เพียงแต่เป็นหญิงสาวที่รักสวยรักงาม อีกทั้งยังถึงขั้นพูดคุยเรื่องงานแต่งงานแล้ว จากการคบหากันมาหลายปี สุดท้ายหนานกงซวี่หน่วนก็เลือกปิงเซียว
“เหลยรุ่ย ผิดหวังมากไหม” อิงเสวี่ยถาม นางย่อมชอบซวี่หน่วนอยู่แล้ว เพียงแต่สุดท้ายลูกชายทั้งคู่ของนางสุดท้ายก็ต้องมีคนนึงที่ผิดหวัง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพี่น้องฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน แต่สุดท้ายก็ยังแตกต่างกัน
“มีบ้าง แต่ไม่ได้หนักขนาดนั้น ข้าคิดว่าที่ซวี่หน่วนไม่เลือกข้าก็เพราะข้าไม่ได้ชอบนางมากขนาดนั้น นางคงรู้สึกได้กระมัง” เหลยรุ่ยเจ็บปวดเล็กน้อย คงโกหกถ้าบอกว่าไม่เสียใจ อย่างไรเสียก็เป็นผู้หญิงที่ตนชอบมาตลอดหลายปี แต่กลับไปคบกับพี่น้องของตนเช่นนั้น เจ็บปวดใจจริงๆ
“ลูกชายของข้าย่อมต้องดีอยู่แล้ว” อิงเสวี่ยพูด
“แน่นอนอยู่แล้ว” เหลยรุ่ยหน้าไม่อายเล็กน้อย
หลิวหลีเห็นผลการทำนายก็ยิ้มแปลกๆ หนานกงเวิ่นเทียนที่มองอยู่ก็สับสนไป ภรรยาของเขามีสีหน้าเช่นนี้ก็แปลว่านางเจอเรื่องสนุกเข้าให้แล้ว
“น้องหญิง สีหน้าของเจ้านี้ไม่เหมือนกับจะแต่งงานลูกนะ”
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร ท่านพี่ เป็นเรื่องดี ลูกสาวของเราจะได้แต่งงาน เหลยรุ่นก็ได้พบที่พักพิงใจของตน จื่อเจินก็เจอคู่ครองของตนเช่นกัน จบลงด้วยดี” หลิวหลีซ่อนรอยยิ้มมุมปากของตนไว้ไม่อยู่ โธ่เอ๊ย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ หรือว่านางคลอดลูกแล้วความสามารถลดลง ใจจริงนางก็อยากให้ลูกสาวของนางได้อยู่กับปิงเซียว แต่ก็ทนไม่ได้ที่เหลยรุ่ยต้องอยู่คนเดียว แบบนี้ดีจะตายไป แต่บทสรุปเช่นนี้คงถือว่าไม่เลวอยู่นะ
งานแต่งงานของเทพอัคคีและเทพวารีตกเป็นที่สนใจของคนมากมาย อย่างไรเสียก็เป็นการปรองดองของเทพที่แท้จริง แต่ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เทพที่แท้จริงนั้นดื่มเหล้าไม่เมา แต่วันนั้นไม่รู้ทำไมเหลยรุ่ยถึงได้เมา จากนั้นอยู่ๆเขาก็รู้สึกว่าน้องชายที่ตนเลี้ยงดูมานั้นช่างดีนัก สามารถดูแลเขาได้ สามารถอดทนฟังเขาพูดจาไร้สาระได้ เหตุใดแต่ก่อนถึงได้มองข้ามไปได้นะ
เอ๋าเลี่ยปากค้างตาค้างมองลูกชายอีกคนของตนตามจีบจื่อเจินอย่างแน่วแน่
“หลิวหลี เจ้าปิดบังแม้กระทั่งกับข้า” คิดไม่ถึงว่าคำพูดของน้องหญิงจะหมายความเช่นนี้
“เปล่านะท่านพี่ ทุกอย่างเรียบร้อยดี มีท่านอยู่ด้วยช่างดีจริงๆ” หลิวหลีมองดูโลกเทพที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ญาติของนาง สหายของนาง คนรักของนาง ทุกคนล้วนมีความสุข นางเองก็มีความสุขเช่นกัน