แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 154 อย่ามาเล่นลูกไม้
ตอนที่ 154 อย่ามาเล่นลูกไม้
เพียงเท่านั้นพ่อหวังหรงจึงยอมปริปาก “เรื่องนี้จัดการง่าย ให้เว่ยกั๋วบ้านคุณถามพ่อแม่เขาดูสิ พ่อแม่เขาใจดีกับนังแพศยาตระกูลหลินนั่น ตราบที่พ่อแม่เขาขอให้นังแพศยาน้อยนั่นไปสถานีตำรวจไกล่เกลี่ยกับเสี่ยวเฉียง เรื่องนี้จะไม่ลงเอยพอดีหรือ?”
หวังเหวินฟางปรายตามองเขา “เรื่องราวมันจะง่ายดายปานนั้นอย่างที่คุณพูดที่ไหน! คนแก่ไม่ยอมตายพวกนั้นสมองมีปัญหาจะแย่ พวกเขาไม่แม้แต่จะช่วยให้ลูกชายไต่ระดับ พวกเขาจะยอมช่วยเสี่ยวเฉียงงั้นหรือ?”
หวังหรงคว้ามือหล่อนมากุมแล้วออดอ้อนเหมือนเด็กเล็ก “คุณน้า ลองดูเถอะนะคะ”
อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงหลานชายเพียงคนเดียวของหล่อน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่หวังเหวินฟางจะปล่อยให้เขาตาย
เมื่อกลับมานอนในคืนนั้น หล่อนก็บอกฟางเว่ยกั๋วในเรื่องนี้ แล้วให้เขาไปขอร้องพ่อแม่เขา
ฟางเว่ยกั๋วคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่พ่อแม่เขาจะช่วยเหลือเสี่ยวเฉียง แต่เขาไม่อาจต้านทานการหว่านล้อมออดอ้อนของหวังเหวินฟางได้ สุดท้ายเขายังคงตอบตกลงที่จะไปเยือนบ้านพ่อแม่เขาสักครั้ง
หลินม่ายไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านเป็นเวลาหลายวันแล้ว คุณปู่คุณย่าฟางสองสามีภรรยาเฒ่าจึงเป็นกังวลมาก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกิจการของเธอไม่ดีหรือเป็นเพราะเธอไม่กลับไปที่หมู่บ้านด้วยเหตุผลอื่น ผู้เฒ่าทั้งสองจึงไม่มีแม้ความอยากรับประทานอาหารกลางวันในบ่ายนั้น
ในตอนนั้นเองเพื่อนบ้านผ่านหน้าประตูพวกเขาแล้วตะโกนขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่ท่านย่า มีแขกมาหาบ้านพวกท่านแหนะ”
คุณย่าฟางยิ้มร่าทันที คุณปู่ฟางเอ่ย “ต้องเป็นม่ายจื่อกลับมาแล้วแน่นอน!”
คู่สามีภรรยาเฒ่าวางตะเกียบลงอย่างรวดเร็วและออกไปดู จากนั้นรอยยิ้มบนหน้าพวกเขาก็ค่อย ๆ เลือนหายทีละน้อย
รถยนต์ซั่งไห่คันหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกชายคนโตที่กำลังมา
คุณย่าฟางคุณปู่ฟางสองสามีภรรยาเฒ่ามีความรู้สึกค่อนข้างซับซ้อนต่อลูกชายและลูกสาวของพวกเขา
ใจหนึ่งหวังให้พวกเขามีเวลาว่างมาเยี่ยมเยียนคู่สามีภรรยาเฒ่าบ้าง แต่อีกใจก็กลัวว่าพวกเขาจะมา
ทุกครั้งที่พวกเขามาล้วนต้องการให้สองสามีภรรยาเฒ่าใช้สายสัมพันธ์ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ
ทว่าสองสามีภรรยาเฒ่าไม่อยากทำเช่นนั้น
ช่วยให้พวกเขาเติบโต ทั้งที่พวกเขาต้องการแค่เพียงได้เลื่อนตำแหน่งและความมั่งคั่ง ไม่ใช่ทำเพื่อประเทศชาติและผู้คน
คุณย่าฟางและคุณปู่ฟามองหน้ากันแล้วเข้าห้องไปโดยไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียวแล้วกินอาหารต่อ
ไม่กี่นาทีต่อมา รถยนต์ซั่งไห่หยุดอยู่หน้าบ้านพวกเขา
ฟางเว่ยกั๋วและภรรยาของเขาออกจากรถพร้อมกระเป๋าสองใบ
ก่อนจะเข้าประตู หวังเหวินฟางยิ้มแล้วพูด “มาแต่เช้าไม่สู้มาได้ถูกเวลา ทันเวลาพ่อแม่กินอาหารกลางวันพอดีเลยนะคะ อาหารพวกนี้ดูไม่มีรสชาติเอาเสียเลย ฉันจะไปร้านขายอาหารตุ๋นของรัฐซื้ออาหารตุ๋นสักหน่อย”
พูดจบก็วางของในมือไว้ที่มุมห้องแล้วออกไปท่ามกลางแดดแผดเผา
จากนั้นไม่นานหล่อนก็ซื้ออาหารตุ๋นหลากชนิดกลับมา จัดแจงนำใส่จานอย่างรวดเร็วแล้วนำเสิร์ฟบนโต๊ะ
ฟางเว่ยกั๋วเปิดขวดสุราอู่เหลียงเย่ที่เขาซื้อมา ต้องการจะดื่มกับคุณปู่ฟางสักแก้วสองแก้ว
คุณปู่ฟางปฏิเสธคำชวนของลูกชายด้วยการอ้างว่าอากาศร้อนเกินไปเขาจึงไม่อยากดื่ม
คุณย่าฟางกินผักกวางตุ้งที่นางผัดเองเล็กน้อย แล้วพูดกับลูกชายคนโตและลูกสะใภ้ “พวกเธอไม่มาวัดโดยไร้เหตุผลหรอก(1) บอกมาเถอะว่าต้องการอะไร อย่ามาเล่นลูกไม้หน่อยเลย”
ตอนนี้เองฟางเว่ยกั๋วถึงอธิบายความตั้งใจของเขา
คุณปู่ฟางขมวดคิ้วแล้วถาม “แกบอกว่าแกถูกหลอก ทำไมฉันฟังแล้วดูไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย? หลานของภรรยาแกล้วนขับไล่หลินม่ายออกไป แกยังบอกว่าหล่อนถูกหลอก? แกคิดว่าฉันแก่จนเลอะเลือนหรือไง? หลอกได้ง่ายงั้นเหรอ?”
ฟางเว่ยกั๋วกล่าวอย่างอดทน “เรื่องก็เกิดแล้ว ภายหลังต้องให้เสี่ยวเฉียงขอโทษเสี่ยวหลินแน่นอน เราจะพูดถึงเรื่องนี้หลังจากช่วยเขาออกมาก่อน”
คุณย่าฟางพูดด้วยความโมโห “ฉันก็ว่าทำไมม่ายจื่อไม่กลับมาเก็บผลไม้ที่หมู่บ้านเสียหลายวัน ที่แท้เพราะหลานภรรยาแกเล่นสกปรกและไม่ให้หล่อนขายผลไม้ในชุมชนพวกเขานี่เอง แกรู้ไหม มีชาวบ้านมากมายแค่ไหนตั้งตารอให้หลินม่ายกลับมาที่หมู่บ้านเก็บเกี่ยวผลไม้พวกเขาจึงจะได้มีเงินเล็กๆน้อยๆ ไว้ใช้ หลานภรรยาแกลับกลั่นแกล้งเสี่ยวหลิน ไม่อบรมสั่งสอนเขาให้ดี ยังจะให้คนถูกกระทำขอโทษเขา สามัญสำนึกแกไปอยู่ที่ไหน!”
สีหน้าฟางเว่ยกั๋วมืดครึ้มเมื่อเขาเห็นว่านอกจากแม่ของเขาจะไม่ช่วยแล้ว ยังด่าเขาแบบสาดเสียเทเสียอีก
หวังเหวินฟางพูดเสียงอ่อย “ครั้งนี้เสี่ยวเฉียงทำผิดใหญ่หลวง ต่อไปพวกเราจะอบรมสั่งสอนแกให้ดี พ่อแม่ช่วยพูดกับเสี่ยวหลินให้มาแสดงตัวแล้วช่วยเสี่ยงเฉียงออกมาเถอะนะคะ”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว “พวกเราจะปล่อยให้เสี่ยวหลินได้รับความคับข้องใจไปทำไม!”
ฟางเว่ยกั๋วและภรรยาของเขาขอร้องอยู่เป็นเวลานาน แต่สองสามีภรรยาเฒ่าไม่ยอมรับปาก จึงกลับไปโดยไม่ได้แม้แต่กินอาหารกลางวัน
ก่อนที่รถจะแล่นออกจากเมืองนั้น มีป้าคนหนึ่งขวางไว้ก่อน
ป้าคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นอู๋จินฮวา
แม้ว่าฟางเว่ยกั๋วและภรรยาจะทั้งโมโหทั้งรำคาญอยู่ในใจ ใบหน้าพวกเขากลับดูเข้าถึงง่าย
หวังเหวินฟางชะโงกหัวออกมาจากหน้าต่างรถแล้วถามอย่างใจดี “พี่สาวคนนี้ พี่มีเรื่องอะไรคะ?”
อู๋จินฮวาโพล่งขึ้น “เมื่อกี้ฉันผ่านประตูบ้านพ่อแม่คุณ ได้ยินคุณสอบถามที่อยู่ของหลินม่าย ฉันรู้นะว่าหล่อนอยู่ที่ไหน”
สามีภรรยาทั้งสองดีใจเหลือเกินกับข่าวดีนี้ พวกเขาได้ที่อยู่ในเมืองจากอู๋จินฮวา จึงตรงดิ่งไปที่หมู่บ้านซานหยาง
สองสามีภรรยาเฒ่าจัดการกินอาหารกลางวันอย่างอารมณ์ไม่ดี
คุณปู่ฟางคิดถึงมันแล้วก็รู้สึกกังวล “ไม่ได้การ ฉันต้องเข้าไปในเมืองเพื่อปกป้องม่ายจื่อ เกรงว่าคนแซ่หวังจะข่มขู่บังคับหล่อนให้ช่วยคนออกมา!”
คุณย่าฟางตอบทันควัน “ฉันจะไปกับคุณด้วย”
หลังผู้เฒ่าทั้งสองเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว พวกเขานั่งรถไฟไปเจียงเฉิง
พวกเขาไปตามที่อยู่ที่หลิงม่ายทิ้งไว้ เมื่อไปถึงร้านเปาห่าวชือเสี่ยวชือเตี้ยนกลับไม่พบหลินม่าย พบแค่โจวฉายอวิ๋น
เมื่อโจวฉายอวิ๋นเห็นผู้เฒ่าทั้งสองคน หล่อนก็ทั้งแปลกใจและดีใจ รีบพาพวกเขาไปที่ห้องนั่งเล่นชั้นสองอย่างกระตือรือร้น เปิดน้ำอัดลมแช่เย็นและยกถั่วเขียวต้มมาให้
คุณย่าฟางโบกมือ “เธออย่ายุ่งยากไปเลย ม่ายจื่ออยู่ไหนละ?”
โจวฉายอวิ๋นหน้าแข็งค้าง
โต้วโต้วเข้ารับการผ่าตัดทรวงอกและอยู่ในโรงพยาบาล หล่อนชั่งใจว่าควรจะบอกผู้เฒ่าทั้งสองเรื่องนี้หรือไม่ แต่ก็กลัวว่าผู้เฒ่าทั้งสองจะรีบร้อนออกไปไม่ว่าดีหรือร้าย
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางสงสัยขึ้นมาทันทีเมื่อพวกเขาเห็นท่าทางลังเลของเธอ
คุณปู่ฟางถามอย่างเคร่งเครียด “เกิดอะไรขึ้นกับม่ายจื่อ?”
โจวฉายอวิ๋นลังเลที่จะเอ่ย แต่สุดท้ายก็พูด “หล่อนไม่ได้มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ”
คุณย่าฟางถามอย่างกังวล “แล้วคนไปไหน บอกฉันเร็ว อย่าให้ฉันต้องแน่นหน้าอกเสียก่อน”
เท่านั้นเองโจวฉายอวิ๋นละล้าละลังพูดออกมา “หล่อนอยู่เป็นเพื่อนโต้วโต้วที่โรงพยาบาลค่ะ”
ณ โรงพยาบาลผู่จี้แผนกผู้ป่วยใน
หลินม่ายยืนอยู่หน้าหน้าต่างห้องไอซียูของโต้วโต้ว มองดูพยาบาลป้อนข้าวต้มปลาที่เธอทำเป็นพิเศษให้เด็กน้อยแสนรัก
ทันใดนั้นมีคนเรียกชื่อเธอขึ้นมา
เธอหันหน้าไปแล้วจึงพบว่าเป็นคุณปู่ฟางกับคุณย่าฟาง พวกเขาชะงักค้างอยู่กับที่
เธอพึมพำ “คุณปู่ คุณย่า พวกท่านมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”
คุณย่าฟางพูดกระฟัดกระเฟียด “ถ้าพวกเราไม่มา เราจะรู้ว่าโต้วโต้วป่วยได้อย่างไร”
จากนั้นนางก็ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “โต้วโต้วเจ็บป่วยจากโรคอะไร ทำไมแกถึงได้อยู่ในห้องไอซียู?”
โจวฉายอวิ๋นบอกพวกเขาแค่เพียงว่าโต้วโต้วรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
แต่หล่อนไม่ได้บอกว่าเป็นโรคอะไร เพราะไม่กล้าที่จะพูดออกมา
เมื่อเห็นว่ากระดาษไม่อาจห่อไฟ(2) หลินม่ายไม่มีทางเลือกได้แต่อึกอัก “คือ….โรคหัวใจโดยกำเนิด…ค่ะ”
ผู้เฒ่าทั้งสองราวกับถูกฟ้าผ่า
คุณปู่ฟางจ้องมองไปข้างหน้าแล้วเอ่ย “แย่แล้ว ทำไมเป็นโรคนี้ได้ แล้วจะทำอย่างไรดี!”
หลินม่ายเห็นว่าผู้เฒ่ายืนเซเล็กน้อย เธอจึงรีบพาไปนั่งบนเก้าอี้
เธอกล่าวปลอบด้วยเสียงนุ่ม “ศาสตราจารย์ฟางผ่าตัดให้โต้วโต้วด้วยตัวเอง โต้วโต้วปลอดภัยแล้ว โต้วโต้วตอนนี้ดีขึ้นแล้วและเติบโตได้เหมือนเด็กทั่วไปในอนาคต คุณปู่คุณย่าไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางล้วนเป็นผู้ได้รับการศึกษา มิฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่คนหนึ่งจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของปักกิ่ง และอีกคนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับต้น
หล่อนหัวใจวายอย่างเฉียบพลันและผ่านการผ่าตัด จะเป็นไปได้อย่างไรที่หล่อนจะไม่แตกต่างจากเด็กทั่วไปมากนัก อย่างน้อยที่สุดร่างกายของหล่อนก็ไม่แข็งแรงเท่าเด็กทั่วไปแล้ว
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก หลังจากปรับอารมณ์จึงพิงอยู่ด้านหน้าหน้าต่างของห้องไอซียูเพื่อมองดูเด็กน้อยที่น่ารัก
โต้วโต้วเห็นพวกเขาจึงยกมือขึ้นโบกให้พวกเขาอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นเด็กน้อยที่น่ารักร่าเริงแจ่มใส ผู้เฒ่าทั้งสองจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยัยป้าดอกไม้สีทองนี่ตายยากจริง ยังอยู่ก่อกวนชีวิตม่ายจื่ออีก
เอาสิ เรื่องใหญ่ขนาดปู่ย่าฟางออกโรงเอง รอเก็บเศษหน้าได้เลยนังหรง
ไหหม่า(海馬)
——————————————————————-
(1)无事不登三宝殿 ไม่มีเรื่องไม่มาวัด หมายถึง มาเยี่ยมคนด้วยจุดประสงค์ซ่อนเร้น (ต้องการขอบางสิ่ง)
(2) 纸包不住火 กระดาษไม่อาจห่อไฟ หมายถึง ไม่มีทางที่จะปกปิดความลับไว้ได้