แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 196 ฟางถิงถูกจับ
ตอนที่ 196 ฟางถิงถูกจับ
ฟางจั๋วหรานยื่นถุงในมือให้หลินม่าย “นี่น้ำยาสำหรับฆ่าเชื้อเสื้อผ้าเก่าพวกนั้น”
หลินม่ายตอบรับด้วยรอยยิ้ม “นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะช่วยฉันหาของที่ต้องการมาได้เร็วขนาดนี้”
ของพวกนี้เป็นสิ่งที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในยุคสมัยปัจจุบัน แต่ในยุคสมัยนี้ต้องสั่งซื้อผ่านบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น
เธอแค่ร้องขอไป ไม่กี่วันฟางจั๋วหรานก็หาของพวกนี้มาให้เธอได้แล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าเขาใส่ใจเธอมากแค่ไหน
พอคิดถึงสิ่งนี้ หลินม่ายก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
ฟางจั๋วหรานพูดต่อ “ของพวกนี้สามารถหาซื้อได้จากแผนกขนส่ง ไม่ถือว่าเป็นของหายากเท่าไหร่”
หลินม่ายหยิบขวดยาฆ่าเชื้อกับแอลกอฮอล์เกรดการแพทย์ออกมา ถึงได้เห็นว่าข้างในถุงยังมีหน้ากากอนามัยและถุงมืออยู่ด้วย จึงยิ่งซาบซึ้งใจมากกว่าเดิม “คุณเตรียมหน้ากากอนามัยกับถุงมือไว้ให้ฉันด้วยเหรอคะ”
“คนงานที่ทำงานให้คุณต้องอยู่กับสิ่งสกปรกตลอดทั้งวัน เราควรหาหน้ากากอนามัยกับถุงมือให้พวกเขาสวมใส่ระหว่างทำงานเพื่อป้องกันเชื้อโรค”
คำพูดของเขาทำให้หลินม่ายนึกอะไรขึ้นมาได้
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายไปที่ตลาดมืดเพื่อซื้อคูปองผ้า จากนั้นก็ตรงไปยังร้านตัดเย็บเสื้อผ้าที่ดำเนินกิจการโดยรัฐ ขอให้ช่างช่วยตัดเย็บปลอกแขนกับผ้ากันเปื้อนจำนวนหนึ่ง เพื่อให้คนงานที่เธอจ้างวานมาจัดการทำความสะอาดเสื้อผ้าได้สวมใส่ ป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคตั้งแต่หัวจรดเท้า
สามวันต่อมา เสื้อผ้าล็อตใหญ่ก็ถูกขนส่งมาถึงปลายทางในที่สุด
หลินม่ายขับรถแทรกเตอร์พาหลี่หมิงเฉิงออกไปขนย้ายพวกมันโดยขับกลับไปกลับมาหลายครั้ง ขนเสื้อผ้าทั้งหมดไปกองรวมกันไว้ในตึกแถวสามคูหาของคุณลุงเจ้าของ
ถึงแม้ว่าคุณลุงเจ้าของจะนึกสงสัย แต่เขากลับปิดปากเงียบ ไม่ถามไถ่อะไรสักคำ
เนื่องจากหลินม่ายเคยบอกเขาไว้ว่า เธอจะหาเงินมาจ่ายค่าบ้านให้กับเขาภายในระยะเวลาที่กำหนดได้หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับเสื้อผ้าเหล่านี้
ถึงแม้ไม่กี่วันก่อนหลินม่ายจะได้คนงานทำความสะอาดเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รีบร้อนเรียกให้พวกเขามาทำงานทันทีที่สินค้าถูกส่งมาถึง
หลินม่ายกับโจวฉายอวิ๋นใช้ประโยชน์จากช่วงกลางวันที่แสงแดดจัด เอาเสื้อผ้ามือสองพวกนี้ไปตากแดด ปล่อยให้รังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดฆ่าเชื้อโรคไปส่วนหนึ่งก่อน คุณลุงเจ้าของบ้านเองก็อาสามาช่วยด้วยเช่นกัน
ลานกว้างหลังตึกแถวจึงเต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ถูกขนออกมาตากแดด
ขณะที่หลินม่ายกำลังจัดการตากผ้า คุณลุงเจ้าของกับโจวฉายอวิ๋นก็สวมถุงมือยางที่ฟางจั๋วหรานหามาให้ แล้วค่อย ๆ ตรวจสอบเสื้อผ้าแต่ละตัวอย่างละเอียด เพื่อดูว่ามีรอยขาด รอยเปื้อน หรือคราบต่างๆ ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนหรือเปล่า
ถ้าเจอเสื้อผ้าประเภทนี้จะได้จัดการแยกทิ้งไปซะ
โดยเฉพาะเสื้อผ้าที่มีรอยคราบเลือด พวกเขาไม่มีวันเก็บไว้เด็ดขาด เพราะกลัวว่าจะเป็นเสื้อของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่าสภาพของเสื้อผ้ามือสองพวกนี้จะยังอยู่ในสภาพที่ดีกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก
ส่วนใหญ่ประมาณเจ็ดสิบถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์เป็นเสื้อผ้าใหม่เอี่ยม ไม่มีรอยขาด ไม่มีแม้แต่รอยคราบเลือด
แถมยังมีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อติดมากับเสื้อผ้าจาง ๆ อีกด้วย
หลินม่ายเดาว่าก่อนที่เสื้อผ้ามือสองพวกนี้จะถูกส่งมายังประเทศของเธอ ประเทศต้นทางคงคัดแยกมาแล้วรอบหนึ่ง พร้อมกับทำการฆ่าเชื้อเบื้องต้นให้แล้ว
เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมเสื้อผ้ามือสองในหลายทศวรรษต่อมา ตอนที่ประเทศจีนขายเสื้อผ้ามือสองให้กับประเทศทางแถบแอฟริกา ก็มีการคัดแยกและฆ่าเชื้อเบื้องต้นเหมือนกัน
ส่วนความเชื่อที่ว่าเสื้อผ้ามือสองต้องเป็นของผู้ล่วงลับ นั่นเป็นเพียงการคิดมากไปเองทั้งนั้น
…
หลายวันผ่านไปนับตั้งแต่หวังหรงและฟางถิงหนีออกจากกว่างโจวและมาที่เจียงเฉิง ฟางถิงก็อยู่ในสภาพตื่นตระหนกเหมือนวัวสันหลังหวะตั้งแต่วันแรกที่กลับมา แต่ตลอดทั้งวันนั้นก็ยังผ่านไปได้ด้วยดี
วันรุ่งขึ้น หล่อนยังหลงเหลือความไม่สบายใจอยู่บ้าง แต่วันที่สองก็ผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันที่สาม ในขณะที่หล่อนเริ่มวางใจแล้วว่าคงไม่มีทางเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแน่ หัวหน้างานก็เดินนำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาถึงโต๊ะทำงานของหล่อน
หลังจากเดินผ่านประตูเข้ามา เขาก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฟางถิง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกว่างโจวบอกว่าคุณตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีวางเพลิงและจ้างวานคนให้ก่ออาชญากรรม พวกเขามาที่นี่เพื่อจับกุมตัวคุณไปลงโทษตามกระบวนการยุติธรรม”
ทันใดนั้น สายตาทุกคู่ของพนักงานในสำนักงานก็จับจ้องไปทางฟางถิงเป็นตาเดียว
สายตาเหล่านั้นทำให้หล่อนรู้สึกราวกับไฟทุกดวงกำลังสาดส่องมาทางตนเอง สมองขาวโพลนไปชั่วขณะ
พอกลับมามีสติรู้ตัวอีกครั้ง หล่อนก็ถูกควบคุมตัวขึ้นรถไฟเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังกว่างโจวแล้ว
หลังลงจากรถไฟ พวกเขาก็พาหล่อนมาที่สถานีตำรวจ ก่อนที่เจ้าพนักงานจะเริ่มต้นสอบปากคำฟางถิงทันที โดยไม่ปล่อยให้หล่อนมีเวลาพักหายใจ
ฟางถิงเคยชินกับการพึ่งพาอำนาจของพ่อและแม่มาตั้งแต่ยังเด็ก คนอย่างหล่อนหรือจะมีประสบการณ์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตำรวจแบบนี้?
แค่มองเห็นสีหน้าดุดันเข้มงวดของพวกเขา หล่อนก็หวาดกลัวจนแข้งขาอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว
ยิ่งเมื่อจินตนาการถึงความเลวร้ายยามต้องอยู่ในห้องขัง หล่อนก็ยิ่งหวาดกลัวเกินกว่าจะคิดคำแก้ตัวใด ๆ ออกมาได้
ทันทีที่ได้ยินเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าถ้ายอมสารภาพความจริงจะได้รับการผ่อนปรนโทษ หล่อนจึงยินยอมให้ความร่วมมือทุกอย่าง
…
หลังจากเลิกงานในช่วงบ่าย หวังหรงบังเอิญเดินผ่านร้านอาหารของหลินม่าย เมื่อมองจากระยะไกลและเห็นว่ากิจการของอีกฝ่ายยังคงเป็นไปด้วยดี หล่อนก็รู้สึกหดหู่ใจไม่น้อย
หวังเฉียงพี่ชายของหล่อนต้องโทษจำคุก ทั้งคุณยายและพ่อแม่ต่างก็โทษว่าหล่อนเป็นต้นเหตุ
หล่อนไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดจะบานปลายจนเกินควบคุม ถ้ารู้แต่แรก คงไม่ยุยงให้หวังเฉียงทำอะไรแบบนั้นแน่
ชีวิตของหล่อนตกต่ำ ในขณะที่นังสารเลวนั่นกลับยังเสวยสุขอยู่ได้ หวังหรงยิ่งเกลียดชังอีกฝ่ายมากกว่าเดิมจนแทบอยากกัดลิ้นให้ตายไปเสีย
หล่อนจำใจเดินกลับบ้านด้วยหัวใจที่กระสับกระส่าย แต่แล้วก็พบว่าฟางเว่ยตั่งและหยางโร่วหลัน พ่อแม่ของฟางถิงที่รอหล่อนอยู่ในบ้านก่อนแล้ว
ใบหน้าของทั้งสองซีดเซียว ดูแก่ลงเป็นสิบปี
ถ้าบังเอิญเดินสวนกันข้างนอก หวังหรงคงไม่มีทางจดจำพวกเขาได้อย่างแน่นอน
หล่อนโพล่งถามด้วยความประหลาดใจ “คุณลุงฟาง คุณป้าหยาง เป็นอะไรไปคะ ทำไมสีหน้าของพวกคุณถึงได้ดูแย่แบบนี้?”
หยางโร่วหลันรีบเดินเข้าไปจับมือหล่อนพลางถามอย่างกระตือรือร้น “ถิงถิงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กว่างโจวตามมาจับกุม หนูไปกว่างโจวกับหล่อนนี่ รู้ไหมว่าตอนอยู่ที่กว่างโจวหล่อนเผลอทำอะไรลงไป?”
หวังหรงตะลึงเล็กน้อย
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว หล่อนคิดว่าฟางถิงยังอยู่รอดปลอดภัยดีเสียอีก ทำเอาหล่อนหงุดหงิดแทบตาย ในที่สุดก็ถูกจับเสียที!
หล่อนเก็บซ่อนความยินดีเอาไว้ในใจ แสร้งทำหน้าตกใจระคนวิตก ถามกลับว่า “คุณป้าคะ อย่าเพิ่งร้อนใจไป ค่อย ๆ เล่าให้หนูฟังหน่อยสิคะ ว่าทำไมตำรวจกว่างโจวถึงได้มาจับถิงถิง?”
หยางโร่วหลันพูดทั้งน้ำตา “ป้าได้ยินมาว่าหล่อนตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีวางเพลิงและจ้างวานคนก่ออาชญากรรม ถิงถิงเหรอจะไปจุดไฟเผาอะไรได้ หล่อนจะก่ออาชญากรรมได้ยังไง?”
เมื่อรู้ว่าลูกสาวของตัวเองเข้าไปพัวพันกับคดีอาชญากรรมทั้งสองในเวลาเดียวกัน หล่อนก็แทบจะลมจับ
นั่นเป็นเพราะคดีอุกฉกรรจ์แบบนี้ ถ้าผลการตัดสินโทษออกมาแล้ว ต่อให้ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของหล่อนไม่ถูกยิงเป้า ก็คงหนีไม่พ้นถูกจำคุก
หวังหรงประคองหยางโร่วหลันให้นั่งลงบนโซฟา “ถิงถิงไม่มีทางวางเพลิงแน่นอนค่ะ นับประสาอะไรกับจ้างวานอันธพาลให้ก่อเรื่อง ลูกหลานของคนในตระกูลเรา มีใครบ้างที่ประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทาง?”
เมื่อหยางโร่วหลันได้ยินประโยคสุดท้าย หล่อนก็เกิดความรู้สึกอึดอัดราวกับเผลอกลืนแมลงวันลงท้อง
ถึงนางหวังจะมาจากตระกูลพ่อค้าที่เปิดกิจการขนาดย่อม แต่จะหยิบยกหล่อนมาเทียบเคียงกับตระกูลลู่และตระกูลหยางของหล่อนได้อย่างไร?
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงตระกูลลู่ คนตระกูลหยางของหล่อนล้วนร่ำเรียนเป็นนักวิชาการมาตั้งแต่ก่อนยุคปฏิรูปประเทศด้วยซ้ำ!
แต่เพราะตอนนี้หล่อนยังต้องการคำตอบจากหวังหรง จึงทำได้เพียงกดข่มอาการคลื่นไส้ลงไป
“งั้นหนูเล่าให้ป้าฟังซิ ว่าระหว่างที่อยู่กว่างโจวมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่?” หยางโร่วหลันจับจ้องไปที่หวังหรงอย่างใจจดใจจ่อ
หวังหรงเบิกตากว้าง ก่อนจะพูดอย่างไร้เดียงสา “ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ หนูกับถิงถิงตั้งใจไปเที่ยวกว่างโจว เผอิญนึกขึ้นได้ว่าพี่จั๋วหรานเองก็เดินทางไปประชุมวิชาการที่นั่นเหมือนกัน พวกเราก็เลยแวะไปเยี่ยมเขา เผื่อว่าเขาจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่พวกเราสักมื้อ ใครจะคิดว่าคนชื่อหลินม่ายนั่นจะตามไปอ่อยพี่จั๋วหรานถึงที่ ถิงถิงโกรธมาก หลังจากโต้เถียงกันไม่กี่คำ หลินม่ายก็ยุให้พี่จั๋วหรานตบหน้าถิงถิงตั้งหลายครั้ง…”
ฟางเว่ยตั่งถามแทรกขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ “จั๋วหรานตบถิงถิงงั้นหรือ?”
ปกติแล้วฟางจั๋วหรานมีนิสัยเย็นชา เขาเองก็รู้ดี
แต่พอได้ยินว่าฟางจั๋วหรานถึงกับตบหน้าถิงถิง เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้
ตั้งแต่เด็กจนโต เขาเคยมีเรื่องต่อยตีแค่กับเด็กเกเรที่มารังแกฟางจั๋วเยวี่ย ไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งกับคนในครอบครัวเลย
ต่อให้เขาไม่ชอบหน้าลูกพี่ลูกน้องคนไหน เขาก็แค่ตัดความรำคาญโดยเลี่ยงไม่พูดคุยกับพวกเขา
หวังหรงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “จริงค่ะ คุณลุงลองไปถามถิงถิงดูก็รู้”
หยางโร่วหลันโกรธมากจนน้ำตาคลอ “ที่แท้นังคนชั้นต่ำหลินม่ายก็เป็นคนยุยงให้จั๋วหรานลงมือกับถิงถิงเองเหรอ!”
หวังหรงเห็นอย่างนั้นแล้ว มุมปากก็ลอบกระตุกยิ้ม
ระหว่างที่นั่งรถไฟหนีออกจากกว่างโจว หล่อนคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้แล้ว
ตราบใดที่ไม่เกิดเรื่องขึ้นกับฟางถิงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ หล่อนจะโยนความผิดทั้งหมดไปที่หลินม่ายเพื่อให้เธอเสื่อมเสีย โดยหยิบยืมมือของฟางเว่ยตั่งกับหยางโร่วหลันในการสร้างปัญหาให้กับหลินม่าย
หลินม่ายแย่งฟางจั๋วหรานไปจากหล่อน ดังนั้นหล่อนจะไม่มีวันปล่อยให้อีกฝ่ายมีชีวิตที่ดี!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แน่ใจเหรอว่าแผนเธอจะสำเร็จน่ะนังหรง เกรงว่ายัยถิงคงจะฟ้องว่าหล่อนเองก็มีส่วนร่วมจนหล่อนติดร่างแหไปด้วยน่ะสิ อย่านึกว่าจะรอดคนเดียวนะ
ไหหม่า(海馬)