แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 272 เปิดตลาดสด
ตอนที่ 272 เปิดตลาดสด
การเปิดตลาดสดครั้งนี้ หลินม่ายตั้งใจไปที่บ้านของเถาจืออวิ๋น เพื่อตัดชุดจากผ้าพิมพ์ลายสีแดงให้ตัวเองสำหรับโอกาสพิเศษนี้
เป็นสไตล์ชุดแบบที่เคยเห็นเมื่อชาติที่แล้วของตัวเอง
เมื่อเถาจืออวิ๋นเห็นแบบของชุด ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ม่ายจื่อ ฉันไม่คิดว่าเธอจะมีพรสวรรค์ในการออกแบบขนาดนี้ แบบชุดนี้สวยมากเลย”
หลินม่ายหัวเราะนิดหน่อย เธอเองไม่แน่ใจว่านี่เรียกว่าพรสวรรค์ได้หรือไม่
เถาจืออวิ๋นตัดชุดตามภาพที่เธอส่งให้ทันทีในวันนั้น
หลินม่ายนำชุดที่สั่งตัดมาสวมในช่วงเช้า แม้แต่ฟางจั๋วหรานก็เอ่ยชมว่าชุดสวยเหมาะกับเธออย่างมาก
ตลาดสดเปิดทำการทุกวัน 12 ชั่วโมงเต็ม ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงสองทุ่ม
พนักงานทำงานแบ่งเป็นสองกะ หกชั่วโมงต่อวัน
หลินม่ายจ้างงานตามนี้เพราะมองว่าหลายครอบครัวจะได้มีรายได้สองทาง
สามารถเอาเวลาก่อนและหลังเลิกงานที่ตลาดไปรับซื้อผักได้ด้วย มีรายได้สองทางจะได้มั่นคงกว่า
พิธีเปิดตลาดวางแผนไว้ว่าเป็นเวลา 6:56 น. ในตอนเช้า ซึ่งหมายถึง ลิ่วลิ่วต้าชุ่น เลขมงคลให้โชคลาภ
หลินม่ายไปถึงที่ตลาดตอนหกโมงครึ่ง
เฉินเฟิงแต่งตัวเรียบร้อย ยืนอยู่ที่ทางเข้าตลาด พูดคุยและหัวเราะอย่างมีความสุขกับเหล่าพี่น้องและมีเหลียนเฉียวอยู่ข้าง ๆ
วันนี้เหลียนเฉียวแต่งตัวสวยมากด้วยเช่นกัน หล่อนสวมเสื้อทรงปีกค้างคาว กระโปรงทรงสอบ ถุงน่องลูกฟูกสีดำ ตัดกับริมฝีปากแดงสด
และยังคงสวมเครื่องประดับทั้งต่างหู แหวน และกำไลข้อมือทองอีกด้วย
แม้ว่าปกติหล่อนจะสวมเครื่องประดับบ้างชิ้นสองชิ้นอยู่เสมอ แต่ยังไม่มีครั้งไหนที่สวมครบชุดเท่านี้มาก่อน
หลินม่ายแอบสังเกตว่าเครื่องประดับทุกชิ้นนั้นเป็นงานทำมือทั้งหมด และยังมีลวดลายประณีตแบบคลาสสิก จนหลายคนสงสัยว่าหล่อนไปเอาของเก่าแก่ที่ไหนมาสวม
เหลียนเฉียวมักจะชอบจับคู่เสื้อผ้าทันสมัยกับเครื่องประดับคลาสสิก แต่โดยรวมแล้วดูไม่ขัดตาสักนิด ลงตัวพอดีมีเสน่ห์มาก
หลังจากที่หลินม่ายทักทายเฉินเฟิงแล้ว เธอก็หันไปชมเหลียนเฉียวสองสามประโยค
แต่เหลียนเฉียวไม่ได้สนใจเธอเท่าไร
หลินม่ายเมินความเย็นชานั้นด้วยการแนะนำให้ฟางจั๋วหรานกับเฉิงเฟิงรู้จักกัน
ฟางจั๋วหรานยื่นมือไปจับมือกับเฉินเฟิงอย่างเป็นมิตร “ผมได้ยินเรื่องของคุณมานาน ขอบคุณที่ช่วยเหลือม่ายจื่อของผมอยู่หลายครั้งนะครับ”
เฉินเฟิงเอื้อมมือไปจับแล้วเหยียดยิ้มเย็น “ยินดีเสมอ หล่อนเป็นทั้งเพื่อนและหุ้นส่วนที่ดีของฉัน ที่ช่วยเหลือก็เพราะจะได้สานสัมพันธ์ต่อกันไว้”
เมื่อฟางจั๋วหรานรู้สึกได้ถึงเจตนายั่วยุในคำพูดเหล่านั้นก็เอ่ยย้ำพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ว่าจะเพราะอะไร ม่ายจื่อของผมก็ได้รับความช่วยเหลือจากคุณ เพราะแบบนี้ผมเลยต้องขอบคุณมากนะครับ”
เฉินเฟิงจ้องกลับอย่างขุ่นเคืองนิดๆ
พวกปัญญาชนนี่น่ารำคาญเสียจริง ๆ
ฟางจั๋วหรานนิ่งสนิท ไม่สนใจการก่อกวนของเขาเลย
ผู้หญิงท่าทางเย็นชาที่ยืนอยู่ข้างเฉินเฟิงน่าจะเป็นเหลียนเฉียว
เมื่อคิดถึงเรื่องที่หลินม่ายบอกว่าหลังจากเหลียนเฉียวกลับมา เฉินเฟิงจะไปรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน
คุณหมอหนุ่มจึงเอ่ยถามไปว่า “ผมอยากจะเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณ พอจะมีเวลาไหมครับ?”
เฉินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นายรอให้สินค้าของม่ายจื่อที่นำเข้ามาหมดไปก่อนก็ได้”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าเห็นด้วย
ทันทีที่ถึงเวลาฤกษ์ 6:56 น. เฉินเฟิงก็จุดประทัดทันที
เชือกชนวนถูกต่อเข้ากับประทัดอีกหลายนัดที่ส่งเสียงดังนับหมื่นครั้ง ใช้เวลามากกว่ายี่สิบนาทีกว่าจะหมด
เฉินเฟิงไม่เพียงแต่เตรียมของเหล่านี้มา เขายังให้พรรคพวกจัดหาคณะเชิดสิงโตมาอีกด้วย
การเชิดสิงโตและจุดประทัดดำเนินไปพร้อม ๆ กัน เสียงเครื่องตีอย่างฆ้อง กลองก็ดังอึกทึก ดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาชม
เมื่อเหล่าลูกค้ามาดูแล้วเห็นประกาศเปิดตลาด ก็พากันเข้ามาดูตลาดสด
ประกาศเป็นสีขาวดำเขียนว่า : ลูกค้าทุกคนที่ซื้อสินค้ามากกว่า 5 เหมา ในวันนี้จะได้รับผักกวางตุ้งฮ่องเต้เป็นของแถม
ฤดูนี้เป็นฤดูที่ผักกวางตุ้งฮ่องเต้เติบโตได้ดี หนึ่งเดือนสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึงสามครั้ง ทำให้ราคาตกอย่างมาก
แต่ถ้าได้เป็นของแถม อย่างไรลูกค้าก็อยากได้
และอีกอย่างในยุคนี้ยังไม่เคยมีการให้ของแถมจากยอดซื้อมาก่อน
แม้จะเป็นเพียงแค่ผักกวางตุ้งฮ่องเต้นิดหน่อย ลูกค้าก็เต็มใจที่จะซื้อของเพิ่มเพื่อให้ถึงยอดที่จะได้รับของแถม
แถมมูลค่าที่กำหนดไว้ก็เพียงแค่ 5 เหมาเท่านั้น ไม่ได้มากมายเลย
ใครบ้างที่ไม่ได้ใช้เงินจำนวนเท่านี้ในการจ่ายตลาดทุก ๆ เช้า?
หลังจากนั้นไม่นานลูกค้าก็เนืองแน่นอยู่ภายในตลาดสด
หลินม่ายและฟางจั๋วหรานเข้าไปด้านในและเดินดูความเรียบร้อย
ทางเข้าจะเป็นร้านขายอาหารปรุงสำเร็จ มีหมั่นโถว ฮวาเจวี่ยน ซาลาเปานึ่ง ขายอยู่ ลูกค้าต่อคิวซื้อยาวมาก
ตลาดสดดูสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย พนักงานทำความสะอาดสองสามคนในเครื่องแบบสีเหลืองคอยดูแลเรื่องความสะอาดของพื้น
ที่แผงขายของ พนักงานขายในชุดเอี๊ยมสีแดงยืนอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเต็มใจบริการ
มีของสดให้เลือกหลาหลายในตลาดนี้
ผักสด เนื้อสัตว์ ไข่สด เลือกสรรได้ตามใจ
ผลไม้พื้นบ้าน ผลไม้ต่างประเทศ มีให้เลือกหลายสิบชนิดซึ่งตลาดอื่น ๆ ทำไม่ได้
ยังมีของทะเลอีกหลายประเภท ไม่เพียงแค่ของทะเลแห้งเท่านั้น ยังมีปลาสด กุ้ง และปลาแล่แล้วอีกด้วย
ช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าว พวกของทะเลสดอย่าง ปลาสด กุ้ง หรือเนื้อปลามักจะมีกลิ่นคาว
แต่เมื่อหลินม่ายลองตรวจสอบก็พบว่าไม่ใช่กลิ่นเหม็นแบบของเสียแต่อย่างใด แต่เป็นกลิ่นคาวแบบอาหารทะเลสดใหม่
เธอจึงหันไปถามเฉินเฟิง “คุณทำยังไงให้ของพวกนี้ยังสดอยู่”
“ก็อัดน้ำแข็งตอนส่งมาจะได้สด มีวิธีอื่นอีกเหรอ?”
“น้ำแข็งราคาเท่าไร ต้องจ่ายแพงเลยนะเพื่อซื้อน้ำแข็ง”
“ถึงจะต้องเสียเงินเยอะหน่อย แต่ปีนี้ของทะเลหาได้เยอะมาก ปลาพวกนี้ราคาเท่ากับกะหล่ำปลี พอมาเฉลี่ย ๆ กันแล้วต้นทุนก็เลยยังไม่มากเท่าไหร่”
หลินม่ายพยักหน้าตามแล้วเสนอขึ้นว่า “ไปลองติดต่อเช่าห้องเย็นดูดีกว่า ในช่วงที่สินค้าราคากำลังถูกแบบนี้ควรซื้อเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่พอจะทำได้ ใส่ในช่องแช่แข็ง เอามาขายในช่วงเทศกาล รับรองว่าขายดีมากแน่ ๆ”
เฉินเฟิงรับคำอย่างเห็นด้วย
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อาหารทะเลแห้งถ้าได้ราคาถูกก็ลองซื้อกลับมาเยอะขึ้นอีก เพราะยังไงเราก็มีโกดังอยู่ เอามาเก็บของแห้งพวกนี้ได้”
เฉินเฟิงพยักหน้ารับ
เหลียนเฉียวไม่พอใจที่เห็นว่าชายที่หล่อนทั้งรักและนับถือดูเหมือนเป็นเพียงลูกน้องตัวจ้อยของคนอื่น
หลินม่ายเดินไปที่ร้านขายอาหารทะเลแห้ง
สาหร่ายทะเลถูกกองไว้สูง แต่ลูกค้าก็ยังรีบพากันมาจับจองราวกับกลัวว่ามันจะหมด
เพราะนี่คือสาหร่ายคุณภาพดีในราคาถูกที่มีขายบางฤดูกาลเท่านั้น แถมยังมีจำนวนเพียงไม่มากอีกด้วย
ตอนนี้ตลาดสดของหลินม่ายเปิดขายในราคาที่แพงกว่าตลาดของรัฐเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใครจะไม่อยากมาซื้อ
เพราะกลัวจะเกิดความวุ่นวาย หลินม่ายจึงเสนอขึ้นว่า “สาหร่ายพวกนี้อย่าขายทีละเยอะ ๆ แบบนี้เลยดีกว่า น่าจะต้องจำกัดแค่คนละไม่เกินหนึ่งชั่งพอ ไม่อย่างนั้นฉันกลัวว่าคนหลัง ๆ จะซื้อไม่ได้ เดี๋ยวจะเบียดกันแย่งซื้อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา”
เฉินเฟิงหันไปเรียกลูกน้องทันที พนักงานที่ร้านของทะเลแห้งจึงประกาศจากโทรโข่งขึ้นมา “เนื่องจากวันนี้เรามีลูกค้าเยอะมากที่อยากซื้อสาหร่ายทะเล วันนี้ผมขายให้ได้แค่คนละหนึ่งชั่งเท่านั้นนะครับ แต่เรายังมีสินค้ามาเติมอีกในวันพรุ่งนี้ และมีมาขายทุกวัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปครับว่าจะหาซื้อไม่ได้”
ลูกค้าที่อยู่ด้านหลังก็รู้สึกสบายใจขึ้น สาหร่ายทะเลสูงเท่าภูเขา จำกัดให้ซื้อคนละ 1 ชั่ง เมื่อถึงคิวพวกเขาก็น่าจะยังมีของอยู่
ฟางจั๋วหรานต้องไปทำงานต่อ ทั้งคู่เดินไปรอบ ๆ และออกจากตลาดไป
เหลียนเฉียวพูดกับเฉินเฟิงเสียงเย็น “หัวหน้า ทำคนเดียวไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“ทำไม ?”
“ฉันไม่อยากให้หัวหน้าต้องคอยเป็นเหมือนลูกน้องที่ทำตามคำสั่งใคร”
“นี่จะให้ฉันทำตัวไม่รู้จักบุญคุณคนหรือไง” สีหน้าของเฉินเฟิงเย็นชา “อย่าแม้แต่จะคิดเชียว”
เหลียนเฉียวได้ยินแบบนั้นก็เสียใจมาก
สิ่งที่เฉินเฟิงมักจะทำอยู่เสมอ ก็คือเขาเอาแต่ปกป้องหลินม่ายอยู่ตลอด
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เขาเป็นแค่คู่หูธุรกิจเท่านั้นจ้ะ อย่าเพิ่งคิดมากนะ ม่ายจื่อเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว
ไหหม่า(海馬)