แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 276 หมายเรียกจากตำรวจ
ตอนที่ 276 หมายเรียกจากตำรวจ
ขณะหลินม่ายกำลังกินซาลาเปาที่เจ้าตัวเล็กเอามาเสิร์ฟให้ ก็ได้ยินเสียงเอะอะที่ด้านนอก ราวกับว่ามีคนกำลังเถียงกัน
เธอจึงกระซิบถามโจวฉายอวิ๋นที่เดินเข้ามาพร้อมกับชามต้านจิ่ว “ข้างบ้านมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
คนเป็นพี่ค่อนแคะอย่างเหยียดหยาม “จะมีเรื่องอะไรก็คงไม่แปลกหรอก ตอนที่เธอไปกว่างโจว มีใครก็ไม่รู้มาที่บ้านนี้ทุกสองวันเพื่อตามสืบอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าไปก่อเรื่องอะไรไว้ หรือเฮ่อเชิ่งวางแผนอะไรอยู่หรือเปล่า”
หลินม่ายไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก และเริ่มสนใจเรื่องยอดขายของร้านในช่วงที่เธอไม่อยู่แทน ว่ามีอะไรเกิดขึ้นไหม
เธอไม่ค่อยกังวลเรื่องตลาดเพราะมีเฉินเฟิงดูอยู่แล้ว อย่างไรเขาก็คงจัดการอะไร ๆ ได้ดี
โจวฉายอวิ๋นตอบว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่มีอะไรน่าห่วง ขายดีเหมือนเดิม”
และเริ่มพูดถึงเถาจืออวิ๋นขึ้นมา “เสี่ยวเถามาที่นี่เมื่อสองสามวันก่อน เอาเสื้อผ้ามาส่งให้หลายร้อยชุด ฉันเลยกองไว้ที่ห้องฉัน วันนี้ก็น่าจะมาส่งอีก”
หลินม่ายเอ่ยต่อ “ถ้าพี่เขามาเรียกฉันด้วยนะ จะได้จ่ายค่าทำชุดของสองสามรอบที่ผ่านมาให้สักหน่อย”
คนเป็นพี่รับคำ หลังจากกินข้าวเสร็จก็ล้างจานให้และเรียกโต้วโต้วให้ไปข้างล่างด้วยกัน ปล่อยให้หลินม่ายพักผ่อน
แต่ลูกสาวกลับไม่อยากไป “ไม่เอาค่ะ หนูอยากอยู่กับแม่มากกว่า”
ตั้งแต่โต้วโต้วได้รับการผ่าตัดหัวใจ หล่อนก็แทบไม่กระโดดโลดเต้นเท่าไร และทำตัวเรียบร้อยขึ้นมาก
หลินม่ายจึงบอกกับโจวฉายอวิ๋น “ให้หลานอยู่บนนี้ก็ได้ ไม่เสียงดังหรอก”
โจวฉายอวิ๋นจึงลงไปชั้นล่างคนเดียว
หลินม่ายหลับไปทันทีที่ถึงเตียง
ระหว่างที่หลับสนิทอยู่นั้นเธอก็ถูกโจวฉายอวิ๋นปลุกขึ้นมาด้วยท่าทางร้อนใจ
“ม่ายจื่อ ตื่นเร็ว ตำรวจมาบอกว่าเธอเป็นผู้ต้องสงสัยคดีทำร้ายร่างกาย พวกเขาให้เธอไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ”
หลินม่ายสับสนนิดหน่อย “ฉันเนี่ยนะไปทำร้ายใคร ไม่เห็นรู้เลย?”
นอน ๆ อยู่ก็มีเรื่องเกิดขึ้นได้จริง ๆ สิน่า
เจ้าของร้านสาวรีบลุกขึ้น จัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วก็ลงไปชั้นล่าง
มีเจ้าหน้าที่ตำรวจรออยู่ชั้นล่างอย่างที่ว่า
พนักงานในร้านเห็นว่าเธอลงมาก็สีหน้ากังวล
ขณะที่หน้าร้านมีคนมายืนมุงดูด้วยความสนใจ
หลินม่ายถามตำรวจก่อน “ฉันไปทำร้ายใครคะ ฉันไม่ได้อยู่เจียงเฉิงหลายวัน จะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไง ไม่ได้แยกร่างได้นะ”
ตำรวจออกหมายเรียกให้เธอ “เหยื่อชื่อหวังหรง แจ้งความว่าคุณทำร้ายร่างกายเธอด้วยการจ้างอันธพาลมา ถึงไม่ได้อยู่ที่เจียงเฉิง แต่ก็ไม่ใช่เป็นข้อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ โปรดไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำด้วยครับ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” หลินม่ายกำลังจะตามตำรวจไปอย่างไม่ลังเล
“ม่ายจื่อ!” โจวฉายอวิ๋นเรียกรั้งไว้ด้วยท่าทางไม่สบายใจอย่างมาก
หลินม่ายเอ่ยอย่างมั่นใจ “ไม่ต้องกังวลไป ต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจสิ ถูกแล้ว ต้องทำแบบนี้ถึงจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ ใครกันแน่ที่ทำผิด เดี๋ยวก็ได้รู้กัน”
โจวฉายอวิ๋นอุ้มโต้วโต้วขึ้นมาและบอกให้กลุ่มคนหลบออกไป มองหลินม่ายขึ้นสามล้อตำรวจที่มีในยุคนี้ออกไปด้วยความสบายใจ
ป้าหูข้างบ้านที่เห็นว่าหลินม่ายถูกตำรวจพาตัวไปโรงพักก็ดีใจมาก ตะโกนขึ้นเสียงดัง “เห็นกันแล้วใช่ไหมว่ายัยนั่นเป็นคนเลว ฉันบอกแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นจ้างคนมาทำร้ายคนอื่นจริง ๆ ถ้าโดนจับได้ต้องติดคุกสักปีครึ่ง”
หลี่หมิงเฉิงได้ยินก็อยากจะเข้าไปเอาเรื่องแต่โจวฉายอวิ๋นห้ามเอาไว้
“ม่ายจื่อโดนตำรวจเรียกไปแล้ว ถ้านายยังจะก่อเรื่องอีกฉันคงจะบ้าตาย”
“ผมจะไปหาอาจารย์ฟาง เผื่อเขาจะช่วยอะไรได้” หลี่หมิงเฉิงรีบออกไปหลังพูดจบ
ฟางจั๋วหรานขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีที่ฟังเรื่องราวทั้งหมด เขารีบลางานไปที่สถานีตำรวจในทันที
หลินม่ายถูกสอบปากคำอยู่ เขาไม่เห็นใครที่นี่นอกจากหวังหรงที่อยู่ในห้องพักของสถานีตำรวจใบหน้าบวมช้ำ
หวังหรงเองก็เห็นเขาเช่นกัน จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้มองเขาอย่างเขิน ๆ
หล่อนอยากจะเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ แต่ก็กลัวถูกโกรธ จึงลังเลอยู่
คุณหมอหนุ่มมองหล่อนอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถาม “ทำไมเธอถึงต้องให้ร้ายใส่ความม่ายจื่อด้วย?”
หวังหรงผิดหวังมากและอยากจะร้องไห้ “ฉันไม่ได้ให้ร้ายหล่อนนะคะ”
ฟางจั๋วหรานขึ้นเสียงอย่างเย็นชา “ใครถูกใครผิด เธอนั่นแหละที่รู้ดีที่สุด ถ้าฉันมีหลักฐานว่าเธอจงใจใส่ความม่ายจื่อ ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”
หวังหรงเปลี่ยนสีหน้าเป็นเย็นชา ไร้ซึ่งความกลัวและพูดกับเขา “งั้นฉันจะรอนะคะ”
ในห้องสอบสวนมีไฟส่องมาที่หน้าของหลินม่าย
ตำรวจเอ่ยถามว่า “คุณมีความขัดแย้งกับหวังหรงไหม?”
หลินม่ายตอบอย่างใจเย็น “พูดให้ถูกคือหล่อนต่างหากที่มาขัดแย้งกับฉันค่ะ”
เจ้าหน้าที่สอบสวนอีกคนหนึ่งถาม “แล้วมันต่างกันยังไง?”
“ต่างสิคะ” สีหน้าของหลินม่ายดูจริงจังมาก “ถ้าฉันมีความขัดแย้งกับหล่อน ฉันก็มีแนวโน้มที่จะทำร้ายหล่อน แต่ถ้าหล่อนเป็นฝ่ายมาขัดแย้งกับฉัน หล่อนก็อาจจะเอาเรื่องนี้มาแก้แค้นฉันก็ได้”
ตำรวจคนหนึ่งถามต่อ “แล้วความขัดแย้งที่ว่ามันยังไง”
หลินม่ายอธิบาย “หล่อนคิดว่าฉันแย่งแฟนหล่อน เลยมักจะแค้นฉันอยู่ตลอด แล้วก็วางแผนมาหาเรื่องให้ฉันอยู่เรื่อย ๆ แต่ประเด็นคือแฟนฉันไม่ได้เคยเป็นอะไรกับหล่อน”
“หล่อนเคยทำอะไรคุณมาบ้าง” ตำรวจอีกคนถาม
หลินม่ายเล่าทุกเรื่องที่หวังหรงทำอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นก็พูดว่า “คุณไปถามพี่ชายหล่อนกับเพื่อนของเขาที่เรือนจำได้เลยค่ะว่าทำไมพวกเขาถึงติดคุก หรือจะไปถามครอบครัวของลูกพี่ลูกน้องหล่อนก็ได้ ว่าหล่อนหลอกใช้ให้ฟางถิงมาทำอะไรกับฉันบ้าง พวกคุณจะได้รู้ว่าฉันไม่ได้โกหก”
ตำรวจทั้งสองมองหน้ากันไปมา
สิ่งที่หลินม่ายให้ปากคำต่างจากหวังหรงมาก
หวังหรงบอกว่าหลินม่ายทำทุกอย่าง แต่หลินม่ายกลับบอกว่าหวังหรงต่างหากที่เป็นคนต้นเรื่อง
ตำรวจคนหนึ่งกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป ยังไงเราจะตรวจสอบอย่างละเอียด หวังหรงแจ้งความว่าคุณจ้างอันธพาลไปทำร้ายร่างกายหล่อน คุณอธิบายเรื่องนี้ได้ไหม?”
หลินม่ายยิ้มตอบ “ถ้าฉันบอกว่าหล่อนใส่ร้ายฉัน คุณจะเชื่อหรือเปล่าคะ?”
ตำรวจอีกคนเสริม “เพื่อนของหล่อนมาเปิดร้านขายของแข่งกับคุณ คุณไม่พอใจหล่อน เลยเป็นแรงจูงใจในการก่อคดี”
หลินม่ายหัวเราะเยาะ แล้วให้การว่า “คนทั้งซอยรู้ว่าร้านนั้นแทบจะขายของไม่ได้เลย สู้ร้านฉันไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ ใครกันแน่ที่ควรจะเป็นฝ่ายแค้นหรือแก้แค้น คุณคงจะได้รู้หลังจากตรวจสอบเรื่องราวรอบด้านทั้งหมดแล้ว อย่าไปฟังความข้างเดียวแล้วสรุปเอาแบบนี้เลยนะคะ”
ตำรวจให้คำมั่น “วางใจได้ครับ เราไม่ได้เลือกข้างอยู่แล้ว เราแค่ถามคำถามพวกนี้เพื่อหาแรงจูงใจในการก่อคดีและตรวจสอบข้อเท็จจริง”
ข้อสงสัยทั้งหมดถูกซักถามเรียบร้อยและยังไม่มีหลักฐานอะไรว่าหลินม่ายคือคนร้าย ตำรวจจึงปล่อยตัวเธอออกมา
เมื่อหวังหรงเห็นว่าหลินม่ายเดินออกมา หล่อนก็ชักสีหน้าไม่พอใจทันที
ทำไมตำรวจปล่อยยัยนั่นไปง่าย ๆ
ทีตอนที่พี่ชายหล่อนโดนคดี พวกเขาถูกจับทันทีและไม่ได้รับการปล่อยตัวอีกเลย แม้แต่ตอนนี้ก็ยังติดคุกอยู่
หวังหรงอดไม่ได้ที่จะจ้องไปทางฟางจั๋วหราน
ต้องเป็นเขาแน่ที่ใช้เส้นสายช่วยนังนั่นออกไป
ตอนที่ย่าของหล่อนขอร้องให้เขาช่วยพี่ชายหล่อน เขากลับปฏิเสธเพราะบอกว่าไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ได้
แต่ตอนนี้เขากลับยอมทำเรื่องสกปรกเพื่อช่วยยัยนี่
ฟางจั๋วหรานเองก็เห็นว่าแฟนสาวเดินออกมาเช่นกัน จึงรีบเข้าไปหาเธอ ความกังวลใจคลายลงชัดเจน “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลินม่ายชำเลืองมองไปทางหวังหรงที่กำลังจ้องมาอย่างหาเรื่อง “ถ้าฉันไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจคงจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ มีคนหาเรื่องมาให้ถึงที่ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำยังไงต่อ”
“ไม่เป็นไร มันไม่ใช่ความผิดคุณอยู่แล้ว ไม่ต้องสนใจว่าฝ่ายนั้นจะทำอะไรหรอก คุณต้องปลอดภัย” ฟางจั๋วหรานจงใจมองไปทางหวังหรงอย่างมีความนัยบางอย่าง
หลินม่ายจับมือเขาแล้วพูดอย่างโกรธ ๆ “คุณเองก็… เรื่องเล็กแค่นี้ไม่มีค่าเท่าการงานของคุณที่โรงพยาบาลเลย ไม่เห็นต้องตามมาให้ลำบากนี่คะ”
ชายหนุ่มรีบตอบ “เรื่องของคุณไม่เคยเป็นเรื่องเล็กสำหรับผม”
หวังหรงยิ่งโกรธมากที่ฟางจั๋วหรานเย็นชากับหล่อนแต่ไปดูแลนังสารเลวนั่น!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะหัวเราะให้ยัยหรงสักหน่อยดีไหมเนี่ย วางแผนหาเรื่องเขาแต่กลายเป็นว่าตัวเองโดนเอง
ไหหม่า(海馬)