แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 326 หวังหรงลองเสื้อ
ตอนที่ 326 หวังหรงลองเสื้อ
“อยู่จ้ะ” ทันทีที่คุณป้าคนนั้นหันกลับมา ก็พบว่าหวังหรงที่คุยกับพวกหล่อนก่อนหน้านี้นั้นหายไปเสียแล้ว
หล่อนแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ทำไมพอหันมาหล่อนก็หายไปแล้วล่ะ?”
หลินม่ายถามด้วยรอยยิ้ม “คนคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงเหรอคะ?”
พวกคุณป้าทั้งหลายพากันอธิบายถึงรูปร่างหน้าตาของหวังหรงกันคนละอย่างสองอย่าง
หลินม่ายฟังจบ ก็วาดเค้าโครงในหัวออกมาเป็นภาพของหวังหรง
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ยัยนั่นคิดจะก่อเรื่องอะไรอีก?
หวังหรงเห็นหลินม่ายออกมาแล้ว แต่ไม่อยากให้เธอเห็นตัวเอง
ท่ามกลางความกระวนกระวาย หล่อนก็วิ่งหนีเข้าไปข้างหลังแผงร้านขายแพนเค้กข้าวข้างถนน ย่อตัวลงทำเป็นผูกเชือกรองเท้าแล้วหลบซ่อนตัว
กระทั่งเห็นว่าหลินม่ายเข้าไปในร้านเซาเข่าของตัวเองแล้ว หวังหรงถึงยืนขึ้นแล้วแอบย่องหนีไป
แม่ค้าร้านขายแพนเค้กข้าวมองหล่อนที่เดินจากไปด้วยสายตาแปลกประหลาด
เมื่อหวังหรงมาถึงห้างเจียงเฉิง ก็ตรงไปยังลานขายสินค้าเครื่องแต่งกายที่ชั้นสองทันที
หล่อนสำรวจดูทั่วทั้งชั้นสอง
บนเสาคานที่บูธขายเสื้อผ้าของหลินม่ายนั้นแขวนโปสเตอร์ขนาดใหญ่ของเธอเอาไว้ ซึ้งสะดุดตาของหวังหรงในทันที
ทันใดนั้นหวังหรงก็โกรธจนแทบระเบิด
ยัยจิ้งจอกนี่ไม่ใช่แค่ไม่ติดคุก แต่ยังทำโปสเตอร์ที่สวยขนาดนี้ออกมาอีก!
หล่อนกัดฟันเดินเข้าไป
พนักงานส่งเสริมการขายในชุดสูทกระโปรงสวยงามที่มีโลโก้เสื้อผ้ายูนีคที่แต่งหน้าแต่งตาพองามคนหนึ่งเข้ามาตอนรับในทันที
พนักงานขายถามด้วยรอยยิ้มหวาน “คุณคนสวย หากต้องการเสื้อผ้าแบบไหน เชิญเลือกและลองได้ตามสบายเลยนะคะ”
หวังหรงแค่นหัวเราะเย็นชา แล้วเดินไปเลือกเสื้อผ้าหน้าชั้นวางสินค้า
ทว่า…หล่อนชอบเดรสไปหมดเสียทุกชุด จะทำอย่างไรดีล่ะ?
แถมหล่อนก็ไม่อยากจะจ่ายเงินซื้อเสียด้วย
อย่างนั้นก็เอาชุดทั้งหมดมาลอง สนุกสนานไปกับมัน แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ซื้อเลยแม้แต่ตัวเดียว ให้พนักงานขายพวกนั้นโมโหให้ดิ้นตายไปเลย!
หวังหรงว่าแล้วก็ทำทันที หล่อนอุ้มเสื้อผ้ากองใหญ่ไปลองที่ห้องลองเสื้อ
ห้างในยุคนี้ยังไม่มีห้องลองเสื้อ เป็นหลินม่ายนั่นเองที่ติดตั้งห้องลองเสื้อที่บูธขายสินค้าของตน เพื่อส่งเสริมธุรกิจการค้าให้ดียิ่งขึ้น
พนักงานส่งเสริมการขายสามคนนั้นเห็นหวังหรงหอบเสื้อผ้ามากมายขนาดนั้นไปที่ห้องลองเสื้อ ก็คิดจะขวางหล่อนเอาไว้
ทั้งสามมองหน้ากัน
พวกหล่อนทุกคนต่างทำงานเป็นพนักงานส่งเสริมการขายเป็นครั้งแรก ทั้งระยะเวลาก็ไม่นาน ไม่มีประสบการณ์การทำงานมากนัก เมื่อพบกับสถานการณ์เช่นนี้ ในเวลานั้นจึงไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันทำงาน จำนวนคนในห้างมีไม่ถึงครึ่งของช่วงวันหยุด แต่ก็ยังมากอยู่ดี ลูกค้าของยูนีคนั้นก็มีไม่น้อย
หวังหรงคนเดียวหอบเสื้อผ้ามากมายขนาดนั้นไปลองในห้องลองเสื้อ ลูกค้าคนอื่นๆ ก็ไม่ได้เข้าไปลองเสื้อผ้าพอดี
ลูกค้าจำนวนไม่น้อยส่งเสียงอย่างไม่พอใจกันเซ็งแซ่ ถึงขั้นมีลูกค้าบางคนโมโหจนโยนเสื้อผ้าทิ้งแล้วออกจากร้านไป ต่อให้พนักงานทั้งสามจะเกลี้ยกล่อมรั้งไว้เท่าไรก็ไม่เป็นผล
เมื่อพนักงานทั้งสามเห็นว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ จึงปรึกษากันทันที
และตัดสินใจว่าระหว่างพวกเธอทั้งสาม จะให้อาจี๋ที่สามารถจัดการปัญหาได้ดีและกล้าหาญมากที่สุดไปเรียกหวังหรงออกมา
อีกสองคนที่เหลือ จะขายสินค้าไปด้วยและบรรเทาอารมณ์ของลูกค้าคนอื่นไปพร้อมกัน
อาจี๋เดินถึงหน้าประตูห้องลองเสื้อแล้วเคาะประตู เอ่ยอย่างนุ่มนวล “คุณคนสวย คุณอย่าลองเสื้อผ้ามากขนาดนั้นในคราวเดียวได้ไหมคะ ข้างนอกยังมีลูกค้ากำลังต่อคิวรอลองเสื้อผ้าอยู่อีกมากนะคะ”
ลูกค้าเหล่านั้นเองก็พากันตะโกนขึ้นมาด้านนอกห้องลองเสื้อ “ใครเขาลองเสื้อผ้าแบบคุณกัน ลองเสื้อผ้ามากมายขนาดนั้น จะไม่ให้คนอื่นเขาลองบ้างหรือยังไง? นี่มันเกินไปแล้วจริงๆ !”
หวังหรงทำหูทวนลมต่อเสียงข้างนอก แล้วลองเสื้อผ้าในห้องลองเสื้ออย่างเต็มที่ หล่อนมองเงาตัวเองในกระจกอย่างชื่นชมตัวเอง ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ
เมื่อลองเสร็จชุดหนึ่ง ก็ใช้มีดปอกผลไม้กรีดในจุดที่ไม่เตะตาของเสื้อผ้าเป็นรอยยาว
พร้อมกับสาปแช่งอยู่ในใจ “ฉันขอให้เธอร่ำรวย! ขอให้เธอสุขสมหวังแล้วกันนะ!”
เมื่อจินตนาการถึงฉากที่ลูกค้าสุ่มเลือกมาเจอเสื้อผ้าตัวนี้แล้วมันขาด พอเลือกอีกตัวแล้วก็ยังขาดอีก สุดท้ายก็เดินออกไปด้วยความโมโห หล่อนก็รู้สึกเบิกบานใจขึ้นมา
ให้ดีที่สุดคือแผนการนี้ของตน สามารถทำลายชื่อเสียงของยูนีคได้ จนไม่มีลูกค้าหันมาเหลียวแลอีกถึงจะดี!
หลินม่ายหยิบขิงจากร้านเซาเข่าของตัวเองและเตรียมจะกลับบ้าน
แต่เมื่อนึกถึงการปรากฏตัวของหวังหรง ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
กลัวว่าหล่อนจะก่อกวนที่บูธเสื้อผ้าที่ห้างเจียงเฉิงของตน เธอจึงไปที่บูธในห้างเจียงเฉิงทันที
คิดที่จะกำชับพนักงานทั้งสาม ให้ระมัดระวังในเวลาทำงาน อย่าให้ใครแอบมาเล่นสกปรกได้
แต่เพิ่งเดินมาถึงหน้าบูธของตัวเอง ก็เห็นลูกค้าจำนวนไม่น้อยถือเสื้อผ้าที่เลือกไว้แล้ว กำลังบ่นต่อว่าอยู่ตรงนั้นไม่หยุด
หลินม่ายเข้าไปสอบถามด้วยรอยยิ้มว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ลูกค้าเหล่านั้นสีหน้าบึ้งตึง ชี้ไปที่ห้องลองเสื้อ แล้วเล่าที่มาที่ไปกับเธอ
หลินม่ายกล่าวขอโทษ “ขอโทษจริงๆ ค่ะ เป็นเพราะพวกเราไม่ทำงานให้ดีเอง จึงทำให้พวกคุณได้รับประสบการณ์ในการซื้อสินค้าที่ไม่ดีนัก อีกเดี๋ยวจะมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ให้เพื่อเป็นการขอโทษนะคะ”
เมื่อลูกค้าเหล่านั้นที่เดิมทีกำลังเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเห็นท่าทีที่ดีของหลินม่าย ก็ต่างมีสีหน้าอ่อนลง
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะ แต่เพราะลูกค้าคนนั้นไม่มีความเอื้อเฟื้อเองต่างหาก”
หลินม่ายเดินไปหน้าห้องลองเสื้อ แล้วเคาะประตูอย่างแรง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ลูกค้าที่อยู่ข้างในกรุณาออกมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ฉันเรียกเจ้าหน้าที่รปภ.มาแล้ว ถ้าคุณยังไม่ออกมาภายในหนึ่งนาที ก็อย่าโทษว่าฉันให้รปภ.พังประตูเข้าไปก็แล้วกันนะคะ!”
หวังหรงฟังออกว่าเป็นเสียงออกหลินม่าย หล่อนทั้งตื่นตระหนก ทั้งโกรธเคือง
ทำไมตนเพิ่งจะมาที่บูธขายสินค้าของเธอ เธอก็ตามมาทันทีเลยล่ะ?
หล่อนมองเสื้อผ้าที่ถูกหล่อนกรีดด้วยมีดปอกผลไม้เต็มพื้นในห้องลองเสื้อ แล้วพูดสร้างสถานการณ์ตบตา “เสื้อผ้ายูนีคของพวกคุณปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างนี้เหรอ? ฉันจะไปประจานพวกคุณที่สำนักหนังสือพิมพ์!”
หลินม่ายจิตใจนิ่งสงบ “เอาที่คุณสบายใจเถอะ แต่ตอนนี้เชิญออกมาทันทีเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”
ลูกค้าจำนวนไม่น้อยสมทบกับหลินม่าย “ถ้าอยากจะประจานก็เอาเลย ถ้าคุณกล้าประจานว่ายูนีคไม่ให้เกียรติลูกค้า พวกเราก็จะประจานการกระทำไร้ศีลธรรมของคุณ ดูซิว่าถึงตอนนั้นคนที่โดนด่าจะเป็นใคร!”
“เคยเห็นคนไร้ยางอายมาบ้าง แต่ไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน ยึดห้องลองเสื้อไม่ยอมให้คนอื่นเขาได้ลองเสื้อผ้าบ้าง หล่อนก็สมควรโดนแล้วล่ะ!”
หวังหรงลังเลอยู่ในห้องลองเสื้ออยู่พักหนึ่ง ไม่กล้าทำให้เรื่องใหญ่โต
หล่อนกลัวว่าหากก่อเรื่องจนจัดการไม่ไหว หลินม่ายคงจะกลั่นแกล้งหล่อนสารพัด อย่างเช่นมาตรวจสอบเสื้อผ้าที่หล่อนเคยลองไปแล้ว
รอยขาดบนเสื้อผ้าที่ถูกหล่อนใช้มีดปอกผลไม้กรีดพวกนั้นจะต้องถูกเปิดเผยออกมาแน่
ถึงตอนนั้นถ้านังสารเลวนี่เอาเรื่องไปฟ้องฟางจั๋วหราน ฟางจั๋วหรานจะปล่อยหล่อนไว้เหรอ?
ฟางจั๋วเยวี่ยยังมีคลิปวีดีโออนาจารของหล่อนอยู่ในมือ บางทีฟางจั๋วหรานอาจจะเอามันมาประจานหล่อนก็ได้ เป็นแบบนั้นหล่อนก็จะจบเห่โดยสมบูรณ์
ใช้โอกาสตอนที่โทสะของหลินม่ายยังไม่ถึงขีดสุด และหวังเพียงให้ตนออกจากห้องลองเสื้อเท่านั้น อย่างนั้นตนแค่ยอมออกไป จากนั้นรีบเผ่นหนีไปให้ไวก็พอ
เมื่อคิดเช่นนั้น หวังหรงก็จงใจเดินออกมาจากห้องลองเสื้ออย่างเชื่องช้า
หล่อนโยนเสื้อผ้ากองใหญ่ในอ้อมแขนใส่หลินม่ายแล้วกำลังจะเดินจากไปทันที ราวกับคนที่ถูกสบประมาทอย่างร้ายแรงก็ไม่ปาน
ต้องแสดงให้เต็มที่
เพียงแค่ตนแสดงท่าทางออกมาให้เพียงพอ หลินม่ายนังสารเลวนั่นถึงจะไม่สงสัยว่าตนเคยเล่นสกปรกกับเสื้อผ้าที่เคยลอง
ถึงอย่างไรคนคำนวณก็ไม่เท่าฟ้าลิขิตหรอก
หวังหรงเกือบจะหนีไปได้แล้ว แต่หลินม่ายกลับดึงตัวหล่อนเอาไว้ “ก่อนที่เราตรวจสอบเสื้อผ้าพวกนี้ที่เธอเคยลองไปแล้วจนหมด เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
หวังหรงตื่นตระหนก ดวงตาสอดส่ายไปมา ก่อนจะพูดกับกลุ่มลูกค้าที่เตรียมจะเข้าไปลองเสื้อผ้าในห้องลองเสื้อเหล่านั้น
“พวกคุณอย่าไปซื้อเสื้อผ้าของยูนีคนะ ลองเสร็จแล้วยังต้องตรวจสอบอีก นี่มันเป็นการสบประมาทกันชัดๆ!”
ลูกค้าไม่น้อยต่างกลอกตา ไม่แยแสหล่อน
สาวน้อยสองสามคนเห็นหล่อนขวางหูขวางตาจึงจงใจตั้งตัวเป็นศัตรูกับหล่อน “ก็พวกเราจะซื้อ ให้เธอโมโหตายไปเลย!”
หลินม่ายเอ่ยถากถางหวังหรง “วางใจได้เลย คนอื่นลองเสื้อผ้าไม่มีขั้นตอนแบบนี้หรอก แค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่แตกต่างจากคนอื่นถึงมีขั้นตอนนี้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปยุแยงหรอก”
หวังหรงยิ่งลนลานเข้าไปใหญ่ “นี่เธอกำลังเลือกปฏิบัติกับฉันเหรอ? ฉันจะร้องเรียนเธอกับผู้จัดการห้าง!”
ในตอนนั้นผู้จัดการข่งก็บังเอิญมาเดินตรวจความเรียบร้อยพอดี เห็นว่าบูธของหลินม่ายมีคนแออัดก็คิดในใจ วันนี้ยังไม่ถึงช่วงสุดสัปดาห์เสียหน่อย ทำไมลูกค้าของยูนีคถึงเยอะขนาดนี้กัน?
จนเมื่อเดินเข้าไปแล้ว ถึงรู้ว่าหลินม่ายกำลังทะเลาะกับลูกค้า
เขาขมวดคิ้ว กำลังจะขัดขวางตำหนิหลินม่าย
ตั้งแต่เกิดความขัดแย้งกับหลินม่ายเมื่อปีที่แล้ว และถูกหลินม่ายร้องเรียนลงหน้าหนังสือพิมพ์ ขอแค่ลูกค้ากับพนักงานขายเกิดข้อพิพาทกัน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เขาก็จะตำหนิพนักงานก่อน เพื่อทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกเหมือนเป็นพระเจ้า
แต่ในตอนนั้นเอง พนักงานขายทั้งสามคนของหลินม่ายก็ตรวจสอบเสื้อผ้าทั้งหมดที่หวังหรงเคยลองเสร็จเรียบร้อยพอดี
หล่อนพูดกับหลินม่ายด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง “ประธานหลินคะ เสื้อผ้าทุกตัวล้วนมีรอยมีดกรีดขาดทั้งนั้นเลยค่ะ เอามาขายไม่ได้แล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาไงดีคะหลินม่าย จะถลกหนังจิ้งจอกตัวนี้ยังไงดี มาทำเสื้อผ้าเขาขาดแบบนี้มันสมควรโดนหักมือไหม
ไหหม่า(海馬)