แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 36 ราคาสินค้าในตลาดมืดเพิ่มสูงขึ้น
ตอนที่ 36 ราคาสินค้าในตลาดมืดเพิ่มสูงขึ้น
อากาศในเมืองเจียงเฉิงเปรียบเสมือนอารมณ์ของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ตรงที่เปลี่ยนแปลงแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
ตกดึกจู่ ๆ ฝนก็ตกปรอยลงมาทั้งคืน จนฟ้าสว่างก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
แม่เถียหนิวมองฝนที่ตกอยู่นอกบ้านด้วยความกังวลใจ ยิ่งฝนตก วันทำงานก็ยิ่งน้อยลง เงินที่จะได้รับก็น้อยลงตามไปด้วย
หลินม่ายกลับไม่ได้ร้อนใจแม้แต่น้อย เกาลัดกองที่สองได้ถูกขายออกไป ทำรายได้กว่าเก้าร้อยหยวน ประกอบกับเงินที่เหลือก่อนหน้านั้นและรายได้จากขนมฉาวเมี่ยนวอ รวมแล้วก็ประมาณหนึ่งพันสองร้อยหยวน เพียงพอสำหรับซื้อบ้านแล้ว
ต่อให้มันเทศที่เหลือจะขายไม่ออกจนเน่าเสีย มันก็ส่งผลกระทบกับเธอไม่มากนัก
หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาหลายวันจนไม่ได้พักผ่อน หลินม่ายก็หยิบตะกร้าที่ว่างเปล่าใบหนึ่งขึ้นมา ยืมร่มของเพื่อนบ้านออกไปข้างนอก ตั้งใจจะไปซื้อคูปองเนื้อสองสามใบในตลาดมืด แล้วค่อยไปซื้อเนื้อจากตลาดโดยรัฐบาล ตั้งใจจะทำอาหารอันโอชะสักมื้อ
แน่นอนว่าเธอนำจดหมายรายงานและจดหมายร้องเรียนที่เขียนร่ายเรียงไว้แล้วออกมาส่งด้วย เมื่อวานเธอไม่ได้พักเลยทั้งวัน จึงไม่มีเวลาออกมาส่ง
หลังจากที่ส่งจดหมายแล้ว ก็ตรงไปซื้อคูปองในตลาดมืด หลินม่ายเห็นผู้คนไม่น้อยพากันมาขายสินค้าเกษตร
ขายทั้งไก่ ขายทั้งเป็ด ขายทั้งไข่ไก่ ถั่วลิสง น้ำมันพืช ไปจนถึงแป้งหมี่
ทุกร้านต่างเบียดเสียดไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยซื้อของสำหรับวันปีใหม่ ทุกคนต่างแข่งกันยัดเงินให้กับพ่อค้าแม่ขายหาบเร่ ราวกับว่าสิ่งที่ยัดไปนั้นไม่ใช่เงิน แต่เป็นเศษกระดาษ
หลินม่ายเบียดตัวเข้าไปด้วยความอยากรู้ และสอบถามราคา
ปกติแล้วในตลาดมืดจะขายไก่ตัวเป็น ๆ อยู่ที่ชั่งละ 1.5 หยวน ตอนนี้เพิ่มเป็น 2.5 หยวน แถมยังต่อรองราคาไม่ได้ ใครต่อราคามีหวังโดนเจ้าของร้านไล่ตะเพิดแน่
ปกติแล้วข้าวสารในตลาดมืดจะขายชั่งละสองเหมา ตอนนี้กลับขายชั่งละสามเหมา
โดยสรุปแล้ว ของทุกอย่างแทบจะขึ้นราคาทั้งหมด
สถานการณ์นี้ล้วนส่งผลให้มีการวางแผนเศรษฐกิจ ไม่ใช่ว่าทุกบ้านจะมีรายได้เพียงพอกับการใช้จ่ายในครัวเรือน
ถ้าคูปองเพียงพอ ใครจะมาซื้อของรับวันปีใหม่ที่มีราคาแพงในตลาดมืดขนาดนี้!
หลินม่ายเห็นสถานการณ์นี้ก็พอเดาได้ว่าต่อให้ตัวเองซื้อคูปองเนื้อเพื่อไปจับจ่ายใช้สอยในตลาดของรัฐบาล ก็คาดว่าคงซื้ออะไรไม่ได้
หากหาซื้อของจากในตลาดโดยรัฐบาลได้ การค้าขายบริโภคภัณฑ์หลากหลายเหล่านั้นคงไม่มีทางคึกคักขนาดนั้น จนต้องชิงซื้อคูปองมาก่อน
แต่เจ้าของร้านขายคูปองวันนี้ยุ่งมาก
หลินม่ายเดินเล่นเพียงรอบเดียว สินค้าตามร้านต่าง ๆ ก็ถูกแย่งซื้อไปจนหมด ลูกค้าที่แย่งซื้อไม่ทันต้องคอตกกลับไปอย่างผิดหวัง
หลินม่ายไม่กล้าชะล่าใจ จึงลงทุนซื้อปลาเฉาหนึ่งตัว เต้าหู้และขาหมู ซี่โครงหนึ่งชั่ง และถั่วเหลืองงอกสองชั่งในราคาที่สูงกว่าปกติ
ทั้งยังซื้อคูปองอุตสาหกรรมและคูปองน้ำตาลหนึ่งใบจากพ่อค้าขายคูปองที่วางจนแทบจะขึ้นราอยู่แล้ว จากนั้นก็ไปซื้อร่มหนึ่งคันและลูกกวาดครึ่งชั่งจากตลาดของรัฐบาล
ร่มหนึ่งคันใช้ประโยชน์ได้เสมอ คงจะยืมเพื่อนบ้านตลอดไม่ได้ ต้องซื้อติดตัวสักคัน
เมื่อซื้อของเสร็จแล้ว หลินม่ายก็ตรงกลับหมู่บ้าน
เธอไปคืนร่มกับเพื่อนบ้านก่อน ถือโอกาสให้ลูกกวาดกำใหญ่แทนคำขอบคุณ
เพื่อนบ้านคนนั้นเบิกบานใจอย่างมาก ทั้งยังบอกอีกว่าเธอเกรงใจเกินไป
หลินม่ายกล่าวลาด้วยรอยยิ้ม แล้วกลับบ้านตัวเอง
เมื่อเข้าบ้านมา เด็กหญิงตัวน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาหาและแย่งร่มที่เพิ่งซื้อจากมือของเธอไปดูด้วยความอยากรู้ พลางหยิบของในตะกร้าของเธออย่างไม่ระวัง
หลินม่ายหยิบร่มสองคันให้สองสาวแสบ แล้วก็ลูกกวาดอีกคนละกำ ก่อนจะกำชับพวกหล่อนว่าห้ามเล่นจนชำรุดเด็ดขาด
สองจิ๋วแกะเปลือกลูกกวาดเข้าปากแทบทนไม่ไหว พลางตอบรับด้วยน้ำเสียงอู้อี้
เมื่อแม่เถียหนิวเห็นหลินม่ายซื้อววัตถุดิบกลับมามากมายขนาดนี้ ก็พลันเอ่ยถาม “ซื้อปลาซื้อเนื้อมาเยอะขนาดนี้ คงแพงน่าดู”
หลินม่ายเอ่ยไปเรื่อย “ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ สิบหยวนเห็นจะได้”
แต่ถ้าหลินม่ายและลูกชายของตัวเองได้ครองคู่กัน หล่อนก็จะกลายเป็นเจ้าบ้านในบ้านหลังนี้ ถ้าให้หลินม่ายเป็นเจ้าบ้าน เธอหาเงินมาเท่าไหร่ก็คงใช้จ่ายไม่พอ
หลินม่ายไม่รู้แผนการในใจของแม่เถียหนิว กลับมาถึงก็เริ่มทำอาหารอันโอชะทันที
เถียหนิวก็ไม่รู้เรื่องอะไรเช่นกัน เห็นเธอเตรียมจะชำแหละปลา ก็แย่งเธอทำ
หลินม่ายไม่ได้เกรงใจเขา ให้เขาชำแหละปลา จากนั้นก็นำเครื่องในและตัวปลาไปล้างจนสะอาด เฉือนหัวปลา แล่เนื้อปลามาสับเพื่อทำลูกชิ้นปลา
สองสาวแสบยังเด็กเกินไป หากทำปลาทอดแห้งผัดน้ำแดงแบบหูเป่ย ก็เกรงว่าก้างปลาจะติดคอพวกหล่อน จึงทำลูกชิ้นปลาป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น
เธอทำการดึงขนจากขาหมูทั้งห้าชิ้นนั้นจนสะอาด
แม่เถียหนิวช่วยทำด้วย จึงอดพึมพำไม่ได้ “ขาหมูไม่มีเนื้อ พวกชาวบ้านอย่างเราไม่ค่อยซื้อกัน เธอกลับเปลืองเงินซื้อมาตั้งมากมาย เอาเงินมากมายพวกนี้ไปซื้อหเนื้อสามชั้นไม่คุ้มกว่าเหรอ?”
หลินม่ายทอดถอนใจอย่างจนปัญญา ที่จ่ายไปก็คือเงินของเธอเองทั้งนั้น
ตอนเที่ยง หลินม่ายใช้หัวปลาและเครื่องในปลาบวกกับเต้าหู้มาตุ๋นเป็นหม้อไฟพร้อมกับผักดองรสจัดสำหรับพวกผู้ใหญ่ เตรียมลูกชิ้นปลาและหมูหวานให้กับเด็ก ๆ ซึ่งเจ้าแสบสองคนกินอย่างเอร็ดอร่อย
ตกค่ำเป็นเต้าหู้ทำมือ สลัดถั่วงอกเย็นและขาหมูตุ๋นฉ่ำน้ำ
เมื่อทำขาหมูตุ๋นเสร็จแล้ว แม่เถียหนิวคีบขาหมูสามชิ้นใส่ในชาม เก็บไว้ในตู้บนผนัง สำหรับเป็นมื้อพรุ่งนี้
บอกว่าตอนเที่ยงกินมากพอแล้ว กลางคืนจะเฉลิมฉลองอีกได้อย่างไร
หลินม่ายยิ้ม แล้วเอ่ยเตือนนาง “คุณป้า เงินที่ซื้อของพวกนี้ก็เงินฉันนะคะ”
เธอตั้งใจซื้อขาหมูมาห้าชิ้น ให้ทุกคนกินกันคนละชิ้น
เป้าหมายของเธอคืออยากกินทั้งทีก็กินให้หนำใจ
แม่เถียหนิวเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนซื้อ แต่เราควรใช้ชีวิตแบบประหยัดมัธยัสถ์….”
นางก็ได้แต่พูดไป ส่วนหลินม่ายก็หยิบขาหมูเหล่านั้นออกมาจากตู้ แล้วเทมันกลับลงในชาม
แม่เถียหนิวเห็นว่าเธอไม่ฟังตน จึงเกิดความไม่พอใจ
หลินม่ายไม่อยากใส่ใจความรู้สึกของนาง เธอยอมจ่ายเงินของตัวเองเพื่อให้ทุกคนได้กินของอร่อย แล้วทำไมต้องมาให้นางสนใจด้วย? แล้วนางเป็นใครถึงต้องมาควบคุมเธอ?
ระหว่างที่กินมื้อค่ำนั้น หลินม่ายก็ไม่เห็นแม่เถียหนิวเพิกเฉยต่อขาหมู จับแทะจนน้ำมันเยิ้มเต็มปากเหมือนกัน
ฝนตกคราวนี้ตกไปทั้งหมดสามวันสามคืนถึงจะหยุดลง
ในสามวันนี้ หลินม่ายได้รังสรรค์อาหารหลากหลายเมนู ไม่เหมือนกับวันแรก ทั้งยังซื้อเนื้อปลาและเนื้อเพิ่ม
ยุคสมัยนี้ การได้กินอาหารอันสมบูรณ์ในทุกวันเป็นเรื่องที่ยากจะเป็นไปได้ อย่างน้อยสำหรับเธอ เธอก็ยังไม่มีความสามารถในการหาเงินขนาดนั้น
แต่การได้กินข้าวผัดสักมื้อ หรือน้ำซุปกระดูกหมูกลับไม่เป็นปัญหา
นอกจากอาหารอันโอชะแล้ว หลินม่ายยังให้เถียหนิวคั่วเกาลัดวันละสองร้อยถึงสามร้อยชั่งในทุกวัน และเธอยังลากรถเข็นไปขายในตลาดมืดหลายครั้งในทุกวันด้วย ซึ่งจะมีคุณป้าที่ต้องการซื้อของในวันปีใหม่ระดมคนมาเหมาจนหมดเกลี้ยงทุกครั้ง
คาดไม่ถึงว่าเกาลัดคั่วจะขายดีมากในตลาดมืด รู้อย่างนี้เอามาขายในตลาดมืดก็ดี ไม่ต้องเปลืองสมองคิดกิจกรรมจับฉลากให้เสียเวลา
เกาลัดถูกขายจนหมดเกลี้ยง และฝนก็หยุดตกแล้วเช่นกัน
เพื่อเร่งขายมันเทศให้หมด หลินม่ายจึงต้องทอดขนมฉาวเมี่ยนวอตั้งแต่หกโมงครึ่งจนถึงห้าโมงเย็นทุกวัน
ขนมฉาวเมี่ยนวอกลายเป็นอาหารกินเล่นในตอนเช้า ในหนึ่งวันสามารถขายได้มากกว่าพันชิ้นเลยทีเดียว ใช้มันเทศไปกว่าสองร้อยถึงสามร้อยชั่ง
มันเทศที่คุณปู่ฟางให้มาล้วนมีน้ำหนักอยู่ที่สามชั่งขึ้นไป เมื่อนำมันเทศมาทอดขายมันก็ถูกขายจนหมดอย่างรวดเร็ว ซึ่งขายได้วันละสี่ร้อยถึงห้าร้อยชั่ง แม้วันที่สองธุรกิจจะซบเซาลง แต่ก็ยังขายได้ประมาณสามร้อยชั่ง
สุดท้ายมันเทศทั้งหมดถูกขายจนหมดเกลี้ยงภายในสามวัน เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงค่ำของวันที่ยี่สิบเจ็ดเดือนสิบสอง
คืนนี้ หลินม่ายจ่ายเงินทั้งหมดให้กับสองแม่ลูกเถียหนิว
แม้ว่าสองแม่ลูกเถียหนิวจะทำไม่ถึงครึ่งเดือน แต่หลินม่ายกลับจ่ายเงินเท่ากับสิบห้าวัน ทั้งยังแบ่งโบนัสจำนวนห้าสิบและสามสิบหยวนแก่สองแม่ลูกเถียหนิวด้วย ทำให้สองแม่ลูกเถียหนิวดีใจมาก
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ป้าอย่าล้ำเส้นค่ะ ให้รู้มั่งว่าใครเป็นเจ้าบ้าน
ได้เงินแล้วก็ไปนะคะ
ไหหม่า(海馬)