แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 416 จ้างแม่บ้าน
ตอนที่ 416 จ้างแม่บ้าน
ทันทีที่หลินม่ายเข้ามาในบ้าน คุณย่าฟางก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “กระเป๋าหนังสือใบน้อยนี่ซื้อมาจากไหนเหรอ สวยจริงเชียว! ถ้ารู้แต่แรกว่าเธอจะซื้อกระเป๋าหนังสือที่สวยขนาดนี้ บ่ายวันนี้ย่าคงไม่พาโต้วโต้วไปที่กระเป๋ากับอุปกรณ์การเรียนแล้วล่ะ”
หลินม่ายยิ้มพลางพูด “กระเป๋าหนังสือใบนี้เป็นของที่พี่จืออวิ๋นทำให้ค่ะ ก่อนหน้านี้ฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะทำกระเป๋าหนังสือให้โต้วโต้วด้วย ก็เลยซื้อกระเป๋าใบใหม่ให้โต้วโต้วแล้วเหมือนกัน เดาว่าคงจะไม่ได้ใช้แล้วล่ะค่ะ”
โต้วโต้วนอนคว่ำอยู่บนโซฟา เปิดซิปกระเป๋าหนังสือใบเล็ก เห็นอุปกรณ์เครื่องเขียนอยู่ข้างใน จึงพูดอย่างประหลาดใจระคนดีใจ “ข้างในมีเครื่องเขียนด้วย!”
พูดจบ ก็หยิบเครื่องเขียนพวกนั้นออกมา กำลังคิดจะเอามาวาดรูปขีดเขียนบนสมุดวาดภาพบนโต๊ะน้ำชา
หลินม่ายตีก้นน้อยๆ ของหล่อนเบาๆ “อย่าเล่นเครื่องเขียนพวกนั้นสิ แม่ซื้อไว้ให้ใช้ที่โรงเรียนอนุบาลนะ”
คุณย่าฟางเองก็ตีก้นของหล่อนเบาๆ เช่นกัน “ตอนบ่ายย่าเพิ่งซื้อเครื่องเขียนให้หนู หนูกลับใช้ทิ้งใช้ขว้างไปเกือบหมดแล้ว ยังจะใช้ของที่แม่ซื้อให้อีกเหรอ ห้ามใช้ของสิ้นเปลืองนะ!”
เจ้าหนูน้อยมุ่ยปากอย่างไม่พอใจ แล้วเอาเครื่องเขียนใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าดินสอ
แต่ฟางจั๋วเยวี่ยกลับพูดให้กำลังใจ “อาเพิ่งจะซื้อเครื่องเขียนให้หนูชุดหนึ่งไม่ใช่เหรอ? ชุดนั้นของอาเก็บไว้ใช้ที่โรงเรียนอนุบาล ส่วนชุดนี้ของคุณแม่หนูก็เอามาใช้สิ”
คุณย่าฟางฟาดฝ่ามือลงบนหลังเขาอย่างแรง “ทำไมไม่สอนโต้วโต้วให้ดีๆ หน่อย สอนให้เธอฟุ่มเฟือยเสียได้!”
โต้วโต้วที่กำลังใช้เครื่องเขียนชุดที่หลินม่ายซื้อให้เธออย่างสิ้นเปลือง ด้วยการยุยงของฟางจั๋วเยวี่ย เมื่อเห็นฟางจั๋วเยวี่ยโดนตีก็ไม่กล้าทำอีก ก่อนนั่งลงบนโซฟาอย่างว่าง่าย เบิกตามองเขาถูกตีจนร้องโอดโอย
ท่ามกลางเสียงร้องโอดโอยของฟางจั๋วเยวี่ย หลินม่ายก็หยิบชุดยีนที่เถาจืออวิ๋นทำให้โต้วโต้วออกมา แล้วพูดกับหล่อน “นี่เป็นเสื้อผ้าใหม่ที่คุณน้าเถาทำให้หนูจ้ะ หนูดูซิว่าชอบหรือเปล่า”
“ชอบค่ะ!” เจ้าหนูน้อยส่งเสียงอย่างร่าเริง แล้วหยิบเสื้อตัวบนขึ้นมาสวม
คุณย่าฟางเมินฟางจั๋วเยวี่ย แล้วช่วยโต้วโต้วลองเสื้อผ้า ชมไม่หยุดปากว่าเสื้อผ้าเด็กชุดนี้สวยมาก
หลินม่ายเดินเข้าไปในครัว แล้วเริ่มเตรียมอาหารเย็น
ฟางจั๋วเยวี่ยเดินเข้ามา พูดด้วยรอยยิ้มแป้น “ขอบคุณครับพี่สะใภ้”
หลินม่ายชำเลืองมองเขาอย่างสับสนงุนงง “ทำไมมาขอบคุณฉันล่ะ?”
“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เอาเสื้อผ้าใหม่ออกมาให้โต้วโต้วลองใส่ ผมคงโดนการโจมตีต่อเนื่องของคุณย่าไปแล้ว”
หลินม่ายเลือกผักไปพลางพูดอย่างซื่อสัตย์และยุติธรรม “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ตอนที่ฉันให้โต้วโต้วลองเสื้อผ้าก็ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องช่วยนายหรอก นั่นก็แค่ผลพลอยได้เท่านั้นเอง”
“ไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องขอบคุณพี่อยู่ดี”
หลินม่ายส่ายหัว “ไม่ต้องขอบคุณจริงๆ ต่อไปนายอย่าซื้อของให้โต้วโต้วไปเรื่อยอีกล่ะ ได้ยินพี่ชายนายบอกว่าเงินแต่ละเดือนของนายไม่พอใช้ นายซื้อของให้โต้วโต้ว สิ้นเดือนหน้าก็คงต้องกินแกลบแล้ว”
มุมปากของฟางจั๋วเยวี่ยโค้งขึ้นก่อนออกจากห้องครัวไป
พี่ใหญ่นี่จริงๆ เลย เอาเรื่องน่าขายหน้าแบบนี้ไปบอกพี่สะใภ้ได้ยังไงกัน?
แล้วต่อไปเขาจะเผชิญหน้ากับพี่สะใภ้ยังไง!
ฟางจั๋วหรานกลับบ้านมาหลังเลิกงาน เขาเองก็ซื้อเสื้อผ้าใหม่และกระเป๋าหนังสือพร้อมเครื่องเขียนอะไรพวกนั้นสำหรับวันเปิดเรียนพรุ่งนี้มาให้โต้วโต้วด้วยเช่นกัน
ทำเอาเจ้าตัวน้อยดีอกดีใจ
ขณะกินข้าว ฟางจั๋วหรานก็พูดกับหลินม่าย “เปิดเรียนวันแรกพรุ่งนี้ ผมกับโต้วโต้วจะส่งคุณไปโรงเรียนก่อน จากนั้นผมค่อยส่งโต้วโต้วที่โรงเรียนอนุบาล”
หลินม่ายส่ายหน้า “ฉันขอลากับอาจารย์ไว้แล้ว ว่าจะไม่เข้าร่วมพิธีเปิดการศึกษา ก็เลยไม่ต้องไปค่ะ”
เธอหยุดชะงักไปเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ต่อไปถ้าไม่ใช่การสอบสำคัญๆ ฉันก็ไม่ต้องไปโรงเรียนด้วยเหมือนกัน ฉันจะเรียนด้วยตัวเองที่บ้านเหมือนอย่างก่อนหน้านี้”
คุณปู่ฟางถามด้วยความเป็นห่วง “เรียนด้วยตัวเองจะเรียนได้เหรอ?”
หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะลองดูค่ะ ถ้าไม่ได้ก็กลับไปเข้าเรียนที่โรงเรียน”
ฟางจั๋วหรานพูดกับเธอ “งั้นพรุ่งนี้พวกเราไปส่งโต้วโต้วเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลด้วยกันนะ”
หลินม่ายพยักหน้า
คุณย่าฟางพูดขึ้น “พรุ่งนี้ย่ากับตาแก่นี่ก็จะไปส่งโต้วโต้วเข้าเรียนด้วยเหมือนกัน รู้จักทางเอาไว้ จะได้รับแกตอนเลิกเรียนได้ง่ายๆ”
หลินม่ายคีบเป็ดตุ๋นเบียร์ลงในถ้วยใบเล็กให้โต้วโต้ว “ดูสิคุณปู่ทวดย่าทวดรักหนูขนาดไหน แล้วพอหนูโตขึ้นจะต้องทำยังไงเหรอจ๊ะ?”
โต้วโต้วแทะเป็ดตุ๋นเบียร์ พลางพูดเสียงเจื้อยแจ้ว “พอหนูโตขึ้นแล้ว ต้องกตัญญูตอบแทนคุณปู่ทวดย่าทวดค่ะ”
คุณย่าฟางยิ้มพริ้ม “คนที่หนูควรกตัญญูมากที่สุดก็คือแม่ของหนูนะจ๊ะ”
คุณปู่ฟางถอนหายใจอย่างเศร้าใจ “พรุ่งนี้โต้วโต้วก็ไปโรงเรียนอนุบาลแล้ว ในบ้านเหลือแค่พวกเราคนแก่สองคน ทุกวันนอกจากทำงานบ้าน ทำกับข้าวแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ทำเลย”
ฟางจั๋วหรานพูดกับคุณปู่ฟางคนแก่ทั้งสอง “ถ้าคุณปู่ไม่พูดถึงเรื่องทำกับข้าวทำงานบ้านขึ้นมา ผมก็เกือบจะลืมบอกพวกท่านไปแล้ว ว่าผมจ้างแม่บ้านคนหนึ่งมาให้คุณปู่คุณย่าแล้ว เขาจะมาทำงานในวันพรุ่งนี้ครับ”
หลินม่ายตะลึง “คุณจ้างแม่บ้านให้คุณปู่คุณย่าเหรอ? ฉันเองก็กำลังจะให้วังเสี่ยวลี่ช่วยหาแม่บ้านให้พอดีเลย”
ฟางจั๋วหรานรู้ว่าหลินม่ายชอบกินกระเพาะปลามาก แต่คุณปู่คุณย่าฟางต่างก็ไม่กินกระเพาะปลากัน ดังนั้นจึงคีบกระเพาะปลาเพียงชิ้นเดียวมาใส่ลงในชามของหลินม่าย
ฟางจั๋วเยวี่ยที่ชอบกินกระเพาะปลาเหมือนกันช้าไปหนึ่งก้าว ตะเกียบค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ
เขามองไปยังพี่ชายคนโตของเขาอย่างไม่พอใจ
เมื่อก่อนตอนที่กินข้าวด้วยกัน ตราบใดที่มีกระเพาะปลา พี่ใหญ่ก็จะคีบให้เขาเสมอ แต่ตอนนี้เอาไปให้พี่สะใภ้เสียแล้ว
สถานะของของตนในใจของพี่ใหญ่หดลดลงไปฮวบฮาบ ช่างน่าสงสารนัก
ฟางจั๋วหรานพูดกับหลินม่าย “ก่อนหน้านี้ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะจ้างแม่บ้านให้คุณปู่คุณย่า ทำไมคุณลืมไปได้ล่ะ?”
“ฉันไม่ได้ลืม แต่เห็นว่าหลังจากนั้นคุณก็ไม่ได้พูดถึงอีก นึกว่าคุณงานยุ่งเกินไปจนลืมไปแล้ว ก็เลยจะให้วังเสี่ยวลี่ช่วยหาแม่บ้านให้น่ะค่ะ”
ฟางจั๋วหรานพูด “คุณแค่บอกปัดกับวังเสี่ยวลี่ไปก็พอแล้ว”
คุณย่าฟางพูดขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ทำไมพวกเธอสองคนไม่แม้แต่จะถามความเห็นของฉันกับปู่ของเธอเลย แล้วทำตามอำเภอใจ จะจ้างแม่บ้านมาให้พวกเรา ฉันกับปู่เธอก็ไม่ใช่ว่าขยับไม่ได้เสียหน่อย จะเอาแม่บ้านมาทำไมกัน? ถ้าต้องการแม่บ้าน ปู่เธอก็คงยื่นขอกับทางการได้ตั้งนานแล้ว”
ด้วยคุณสมบัติของคุณปู่ฟาง หลังเกษียณไม่เพียงแค่สามารถขอแม่บ้านจากเบื้องบนมาได้ฟรีๆ ยังสามารถยื่นขอคนขับรถกับรถยนต์หงฉี พร้อมกับคฤหาสน์ในอาณาบริเวณกว้างขวางสักหลังด้วยก็ยังได้
แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการสิ่งใดเลยเช่นกัน
ความคิดของเขานั้นเรียบง่ายมาก หลังเกษียณมีเงินเดือนพอให้ใช้แบบไม่ลำบากก็ดีแล้ว ไม่ขอรบกวนประเทศชาติ ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ต้องการเป็นเพียงคนแก่วัยเกษียณธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ฟางจั๋วเยวี่ยคีบหัวปลาใส่ในชามแล้วกินเสียงดังซูดซาด
ต้มปลาผักกาดดองที่พี่สะใภ้ทำนี่อร่อยจริงๆ
เขาพูดเสียงอู้อี้ด้วยปากที่ยัดอาหารเข้าไปจนเต็ม “คุณย่า พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้กตัญญูต่อพวกท่าน จะจ้างแม่บ้านให้ พวกท่านแค่รับไว้ก็พอแล้ว จะคัดค้านขึ้นมาทำไมกันล่ะครับ? ถึงคุณย่ากับคุณปู่จะสามารถขยับตัวได้ แต่อายุก็มากขนาดนี้แล้ว วิลล่าก็ใหญ่ขนาดนี้ พวกท่านสองคนทำความสะอาดครั้งหนึ่งก็เหนื่อยจนหอบ เป็นฟู่เฉียงทั้งนั้นที่ช่วยพวกท่านทำงานบ้าน พ่อแม่ของฟู่เฉียงรักษาอาการป่วยหายแล้วก็ต้องกลับไปยังชนบท พี่ชายกับพี่สะใภ้ใครจะมีเวลามาทำงานบ้าน ไม่จ้างแม่บ้านแล้วจะทำยังไงล่ะครับ?”
ฟู่เฉียงที่ถูกพูดถึงเงยหน้าขึ้นมาจากชามอาหารแล้วพูด “ผมทำงานบ้านนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกครับ”
หลินม่ายเองก็เอ่ยเกลี้ยกล่อม “คุณปู่คุณย่าอุทิศกว่าครึ่งค่อนชีวิตให้กับประเทศชาติ เกษียณแล้งก็ควรจะได้ดื่มด่ำกับชีวิตให้เต็มที่สิคะ อีกอย่างการที่จั๋วหรานจ้างแม่บ้าน ก็ยังเป็นการหางานทำให้กับสังคมตำแหน่งหนึ่งด้วยนะคะ”
คุณปู่ฟางขมวดคิ้วพูด “แต่พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย มันจะไม่ดีต่อร่างกายด้วยน่ะสิ”
ฟางจั๋วหรานพูด “รอสวนด้านหลังของบ้านเราสร้างสวนผักแปลงพืชแล้ว คุณปู่คุณย่าก็สามารถดูแลดอกไม้ ต้นไม้ผล และผักต่างๆ ได้นะครับ นอกจากกล่อมเกลาอารมณ์ความนึกคิดได้แล้ว ยังเป็นการออกกำลังกายไปได้ด้วย แบบนี้ไม่ยอดเยี่ยมไปเลยเหรอครับ?”
คุณปู่ฟางครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดกับคุณย่าฟาง “เอาตามที่พวกเด็กๆ จัดการก็แล้วกัน ฉันเองก็ไม่อยากให้เธอลำบากลำบนทำงานบ้านเหมือนกัน”
พวกฟางจั๋วหรานทั้งสามคนเห็นคุณปู่ฟางกำลังแสดงความรักอย่างหวานชื่นกับคุณย่าฟาง ทุกคนต่างก็ลอบอมยิ้ม
ใบหน้าชราวัยของคุณย่าฟางแดงเรื่อขึ้นมาอย่างกะทันหัน พลันกลอกตาใส่คุณปู่ฟาง “ดูซิผมของคุณก็ขาวโพลนจนหมดหัวแล้ว ยังจะพูดจาน้ำเน่าต่อหน้าเด็กๆ อีก”
คุณปู่ฟางหัวเราะอย่างพาซื่อ
พวกฟางจั๋วหรานทั้งสามคนเอ่ยขึ้นประสานเสียง “พวกเราไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น!”
แม้ว่าเจ้าตัวน้อยจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เอ่ยขึ้นเสียงใสเช่นกัน “หนูเองก็ไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ!”
ทำเอาทุกคนต่างหัวเราะลั่น
หลังจากหัวเราะกันเสร็จ คุณย่าฟางก็พูดขึ้น “แม่บ้านต้องอยู่ในบ้านด้วยสินะ ย่าไม่ค่อยชินกับการมีคนนอกอยู่ในบ้านเลย ทุกวันแม่บ้านทำงานเสร็จแล้วก็ให้กลับไปได้หรือเปล่า?”
หลินม่ายพยักหน้า “ได้สิคะ ให้แม่บ้านทำงานเป็นรายชั่วโมงก็ได้แล้วล่ะค่ะ”
คุณย่าฟางถาม “จ้างเป็นรายชั่วโมงเหรอ อย่างนั้นจะจัดแผนงานของหล่อนยังไงล่ะ?”
หลินม่ายใคร่ครวญเล็กน้อย แล้วพูด “ให้ทำงานเป็นรายชั่วโมงทุกเช้าจัดการงานบ้านทั้งหมดให้เรียบร้อย จากนั้นทำอาหารเที่ยงหนึ่งมื้อแล้วเลิกงานได้เลยค่ะ คุณย่าคิดว่ายังไงบ้างคะ?”
คุณย่าฟางพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อนั้นหลินม่ายจึงพูดถึงเรื่องที่จะจัดงานเลี้ยงขอบคุณอาจารย์ในวันอาทิตย์นี้ขึ้นมา
คุณปู่ฟางพูด “น่าจะจัดตั้งนานแล้ว ฉันกับย่าเห็นเธอยุ่งอยู่ทุกวันจนจะบินได้อยู่แล้ว ก็เลยไม่กล้าพูดถึงน่ะ”
คุณย่าฟางแนะนะว่าให้จัดงานเลี้ยงที่วิลล่า สถานที่กว้างขวาง บรรยากาศก็ดี
หลินม่ายนึกเพียงไม่อยากเป็นจุดสนใจ ไม่อยากให้พวกอาจารย์เห็นว่าที่อยู่ของแฟนหนุ่มของเธอเป็นวิลล่า
จึงเสนอให้จองโต๊ะจัดเลี้ยงที่โรงแรมสักสองโต๊ะจะสะดวกกว่า
ฟางจั๋วหรานมีความคิดตรงกับเธอ
คุณปู่คุณย่าฟางทั้งสองเห็นด้วยกับพวกเขา แต่ขอให้หลินม่ายเชิญคนมาเยอะๆ หน่อย จะครึกครื้นสักนิด
ส่วนฟางจั๋วหรานไม่ต้องเชิญใครมา
ใครเขาเชิญเพื่อนร่วมงานมางานเลี้ยงขอบคุณอาจารย์ของคู่หมั้นกัน เหมือนกับการล่ารายชื่อเพื่อรับเงินของขวัญอย่างนั้น ฟางจั๋วหรานก็ไม่ได้ขัดสน แล้วจะให้คนอื่นมาวิจารย์เขาลับหลังไปทำไมกัน
หลังกินอาหารเย็นเสร็จ ฟางจั๋วหรานก็ส่งหลินม่ายกลับบ้าน
ขณะที่ผ่านร้านเซาเข่าเหรินเจียนเยียนหั่วระหว่างทาง หลินม่ายก็ตั้งใจเรียกวังเสี่ยวลี่ออกมาโดยเฉพาะ
บอกกับเธอว่าไม่ต้องจ้างแม่บ้านแล้ว เพราะฟางจั๋วหรานจ้างแม่บ้านเอาไว้แล้ว
วังเสี่ยวลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันยังหาแม่บ้านเหมาะๆ ไม่ได้อยู่พอดีเลยค่ะ แต่ว่าฉันหาผู้เช่าบ้านได้แล้วนะ พรุ่งนี้ก็สามารถเซ็นสัญญาได้เลย ประธานหลินต้องมาดูผู้เช่าสักหน่อยนะคะ”
หลินม่ายส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เธอจัดการตามที่ตัวเองเห็นเหมาะสมเถอะ”
เรื่องเล็กๆ แบบนี้ ต่อไปเธอก็คงไม่ต้องลงแรงทำด้วยตัวเองแล้ว
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เกิดเป็นน้องโต้วโต้วนี่มันดีจริงๆ น้า โดนคนทั้งบ้านสปอยล์แบบเต็มที่เลย
ไหหม่า(海馬)