แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 474 ฉีฉีพูดโกหก
ตอนที่ 474 ฉีฉีพูดโกหก
เมื่อหม่าเทาเย็บแผลเสร็จแล้ว หลังจากทำการตรวจสมอง เจ้าหน้าที่รปภ.ของโรงพยาบาลผู่จี้คนหนึ่งก็พาสันติบาลคนหนึ่งเข้ามา
เจ้าหน้าที่สันติบาลมาถึงก็สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นทันที
หม่าเทาบอกเจ้าหน้าที่สันติบาลว่า เขากำลังคุยกับอดีตภรรยาอยู่ดีๆ หัวหน้าหลูก็พุ่งเข้ามา เอาท่อนไม้มาตีเขาหัวแตกเลือดไหล จนเป็นลมหมดสติไป
หัวหน้าหลูพลันฉุนเฉียวขึ้นมา เบิกตากว้าง “คุณพูดเหลวไหล! คุณกำลังลงไม้ลงมือกับสหายเสี่ยวเถา ข่มขู่คุกคามสองแม่ลูกอยู่ชัดๆ ผมถึงได้ขัดขวางคุณเพียงแต่ในขณะที่กำลังโกลาหลลงมือหนักไปเล็กน้อยเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าคุณกำลังคุยกับเสี่ยวเถาดีๆ แล้วผมก็เข้าไปทำร้ายคุณเหมือนกับที่คุณพูด!”
“ฉันไม่ได้พูดเหลวไหล!” หม่าเทาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ยืนกรานว่าหัวหน้าหลูจงใจทำร้ายคน แล้วยังสั่งให้สันติบาลรีบใส่กุญแจมือเขาเดี๋ยวนี้
หม่าเทาไม่ใช่คนเปิดสถานีตำรวจเสียหน่อย ทำไมสันติบาลจะไปเชื่อฟังเขา
สันติบาลสอบถามคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ว่าความจริงเป็นยังไงกันแน่
อย่าว่าแต่อีกสองสามคนที่เหลือจะไม่พูดสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อหัวหน้าหลูและเถาจืออวิ๋นเพราะเป็นเพื่อนร่วมงานของพวกเขาเลย
ต่อให้พวกเขาสองสามคนไม่มีความเกี่ยวข้องกับหัวหน้าหลูและเถาจืออวิ๋น พวกเขาก็ทำได้แค่ส่ายหน้า แสดงออกว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องราวที่แท้จริงแม้แต่น้อยเท่านั้น
เพราะพวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจว่าหม่าเทานั้นข่มขู่คุกคามเถาจืออวิ๋นหรือไม่
พวกเขาแค่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของเถาจืออวิ๋นถึงได้รีบวิ่งเข้าไป
สุดท้ายเจ้าหน้าที่สันติบาลก็ถามเถาจืออวิ๋น ว่าอดีตสามีของเธอได้ทำการคุกคามหล่อนสองแม่ลูกหรือไม่
เถาจืออวิ๋นลังเลเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น “ก็คงถือได้ว่าอย่างนั้นค่ะ ฉันบอกว่าฉันไม่ยินยอมจะแต่งงานซ้ำกับเขา เขาไม่เพียงไม่ไปเท่านั้น ยังจับฉันเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ทำให้ลูกชายของฉันตกใจกลับแทบแย่”
หม่าเทาโกรธจนหน้าแดงไปหมด ถลึงตาใส่เถาจืออวิ๋น “นี่คุณช่วยคนนอกพูดโกหกได้ยังไงกัน?”
เถาจืออวิ๋นเบ้ปากอยู่ในใจ เขาเองก็เป็นคนนอกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง
แต่ใบหน้าหล่อนกลับมีความน้อยเนื้อต่ำใจ “ฉันไม่ได้โกหก สิ่งที่ฉันพูดทุกอย่างล้วนเป็นความจริง”
เจ้าหน้าที่ถามฉีฉี “เมื่อกี้นี้คุณพ่อของหนูทำอะไรกับคุณแม่บ้างเหรอ หนูบอกลุงได้ไหม?”
ร่างเล็กๆ ของฉีฉีเกาะเถาจืออวิ๋นเอาไว้แน่น แล้วพูดด้วยความตื่นกลัว “คุณพ่อจะตีคุณแม่ครับ คุณพ่อยังบอกว่า ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อฟังเขา เขาจะตีแม่ให้ตายเลย”
หม่าเทาปรี๊ดแตกขึ้นมาตรงนั้น ตะคอกใส่ฉีฉี “ฉันเคยไปพูดแบบนั้นตอนไหนกัน? แกไปเรียนมาจากไหน ถึงได้มากัดคนอื่นมั่วๆ!”
ฉีฉีตกใจกลัวด้วยท่าทางน่ากลัวของเขา จนร้องไห้จ้าออกมาทันที
เถาจืออวิ๋นรีบโอบเขามาไว้ในอ้อมกอดพร้อมปลอบขวัญไม่หยุด
เจ้าหน้าที่ตะคอกใส่หม่าเทา “คุณเงียบไปเลย!”
หม่าเทาเพิ่งจะถูกขังอยู่ที่สถานีตำรวจมา10วัน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่สันติบาลก็ขาสั่นพั่บๆ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตะคอกขึ้นมา ความกล้าของเขาก็แทบจะกระเจิงไปหมด
เขากัดฟันฝืนพูดอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ลูกชายของผมใส่ร้ายผม”
เจ้าหน้าที่พูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ลูกชายของคุณเพิ่งจะอายุเท่านี้ เขาจะพูดโกหกได้แล้วเหรอ?”
หม่าเทาได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ว่าเจ้าหน้าที่สันติบาลเชื่อคำพูดของฉีฉีไปแล้ว ในใจก็รู้สึกเย็นเยียบขึ้นมา แต่ก็ยังอธิบายบายด้วยความโมโห ว่าเขาไม่ได้ทำร้ายอดีตภรรยาจริงๆ
แต่ไม่ว่าเขาจะอธิบายยังไง เจ้าหน้าที่สันติบาลก็ไม่เชื่อคำพูดของเขาเลย
เจ้าหน้าที่ถามฉีฉีด้วยท่าทีใจดี “บอกลุงหน่อย พ่อของหนูมักจะตีแม่ของหนูอยู่บ่อยๆ งั้นเหรอ?”
ฉีฉีอิงอยู่ในอ้อมอกของเถาจืออวิ๋น แล้วพยักหน้า “ตั้งแต่คุณแม่ทะเลาะกับคุณพ่อเพื่อต้องการหย่า คุณพ่อก็ชอบตีคุณแม่บ่อยๆ ครับ คุณแม่ถูกตีจนทนไม่ไหว เลยพาผมย้ายออกไป”
แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นคำโกหก แต่ฟังไปแล้วกลับราวกับเรื่องจริงอย่างไรอย่างนั้น
จนแม้แต่หัวหน้าหลูและเหล่าเพื่อนร่วมงานต่างก็เชื่อสนิท
เพื่อนร่วมงามสองสามคนนั้นล้วนแสดงสีหน้าเหมือนเพิ่งเข้าใจขึ้นมา
“ฉันว่าแล้วเชียว เสี่ยวเถาไม่เอาบ้านของตัวเองแต่ปล่อยให้สามีเก่ายึดเอาไป ที่แท้ก็เพราะถูกสามีเก่าตีจนหนีไป”
หม่าเทายิ่งรู้สึกหมดทางแก้ตัว ร้อนรนจนหัวที่เลือดไหลออกไปจำนวนมากนั้นเกิดวิงเวียนขึ้นมา
เจ้าหน้าที่เชื่อคำให้การของฉีฉี แล้วตัดสินว่าเมื่อก่อนหม่าเทาเคยมีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเถาจืออวิ๋น
ครั้งนี้มาหาเถาจืออวิ๋นอดีตภรรยา ก็ได้ทำการข่มขู่คุกคาม หัวหน้าหลูพบเห็นเข้า จึงทำร้ายหม่าเทาโดยทำไปเพื่อความชอบธรรม
แม้ว่าการกระทำนั้นจะเลยเถิดไป แต่ก็ยังสามารถเข้าใจได้ นอกจากนี้อาการของผู้บาดเจ็บก็ไม่ได้ร้ายแรง จึงไม่สืบสวนเอาโทษทางกฎหมายกับเขา เพียงแค่ให้ชดใช้รักษาพยาบาลก็พอ
หม่าเทาข่มขู่คุกคามผู้อื่น จึงกำหนดโทษปรับ30หยวน และควบคุมตัวเป็นเวลาห้าวัน
ว่ากันตามเหตุผล อย่างน้อยต้องตัดสินให้ควบคุมตัวหม่าเทาหนึ่งอาทิตย์ขึ้นไปด้วยซ้ำ
แต่เจ้าหน้าที่สันติบาลเห็นว่าเขาบาดเจ็บไม่น้อย จึงเมตตาผ่อนปรนให้เล็กน้อย
หม่าเทาโกรธจนแทบจะดิ้นตาย เขาเป็นผู้บาดเจ็บแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นผู้กระทำผิดไปเสียได้
หัวหน้าหลูผู้กระทำผิดอยู่ชัดๆ แต่กลับกลายเป็นผู้กล้ายืนหยัดเพื่อความถูกต้อง
เถาจืออวิ๋นไม่มีทางให้หัวหน้าหลูรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลของหม่าเทาแน่นอน
หล่อนจ่ายค่ารักษาที่ต้องชดใช้ให้ทั้งหมดคิดเป็น15หยวนแก่เจ้าหน้าที่ แล้วเดินไปพร้อมกับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าหลู
พลันบังเอิญพบกับฟางจั๋วหรานและหลินม่ายที่หน้าประตูแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล
เมื่อเถาจืออวิ๋นเห็นสีหน้าเจ็บปวดของหลินม่ายก็รีบถามอย่าเป็นกังวล “ม่ายจื่อ เธอเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนเหรอ?”
เมื่อตอนเที่ยงหลินม่ายกินอาหารที่เริ่มเสียแล้วเข้าไป จึงท้องเสียมาตลอดทั้งบ่าย แต่เธออายเกินกว่าที่จะพูด เพราะกลัวว่าเถาจืออวิ๋นจะดุเธอขึ้นมา
จึงโบกมือแล้วเอ่ยอย่างเลี่ยงๆ “ไม่ได้ไม่สบายตรงไหนหรอก แค่เป็นลมแดดนิดหน่อยน่ะ”
เถาจืออวิ๋นพูดอย่างจริงจัง “ถึงจะบอกว่าใกล้ถึงวันชาติแล้ว แต่อากาศตอนกลางวันก็ยังร้อนมากนะ ต่อไปออกจากบ้านอย่าลืมพกยาฮั่วเซียงเจิ้งชี่(1)หรือว่าน้ำมันเขียวไว้ด้วยล่ะ ห้ามเห็นเรื่องเวียนหัวหน้ามืดเป็นเรื่องเล็กน้อยเด็ดขาด มันอาจอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะ”
หลินม่ายพยักหน้ารัวๆ แล้วจึงถามขึ้น “ทำไมพี่กับฉีฉีถึงมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้ล่ะ พวกพี่มีใครไม่สบายเหรอ?”
เถาจืออวิ๋นไม่อยากให้หลินม่ายต้องกังวลใจเพราะตนเอง จึงโกหกหลินม่ายไป บอกว่ามาเยี่ยมผู้ป่วยกับเพื่อนร่วมงานที่โรงงาน
ที่ประตูใหญ่ของโรงพยาบาล เถาจืออวิ๋นก็แยกกับเหล่าเพื่อนร่วมงานแล้วหัวหน้าหลูบอกว่าหล่อนต้องพาฉีฉีกลับไปบ้านแม่
หัวหน้าหลูเอ่ยอย่างอาสาตัว “ผมไปส่งพวกคุณสองแม่ลูกกลับบ้านเอง จะได้ไม่เกิดอันตรายระหว่างทาง”
เหล่าเพื่อนร่วมงานเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจเจตนาของหัวหน้าหลูทันที
ตอนนี้ดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ฟ้าก็ยังมีแสงสว่างอยู่เลย ระหว่างมันจะไปมีอันตรายได้อย่างไร?
หัวหน้าหลูแคอยากจะเข้าหาคนในครอบครัวของเสี่ยวเถาต่างหาก
เป็นเพื่อนร่วมงานกันทั้งนั้น ทุกคนย่อมช่วยเปิดทางให้อยู่แล้ว ต่างก็พากันพูดสนับสนุนให้หัวหน้าหลูไปส่งเถาจืออวิ๋นกลับบ้านแม่
เถาจืออวิ๋นรีบปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกค่ะๆ พวกเรานั่งรถประจำทางไม่กี่ป้ายก็ถึงแล้ว ไม่มีอันตรายอะไรหรอก”
พูดจบหล่อนก็จูงฉีฉีเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าใครก็ดูออกทั้งนั้นว่าหล่อนไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับหัวหน้าหลูไปมากกว่านี้
หัวหน้าหลูลูบจมูกอย่างเก้อเขิน แล้วแสร้งกลับบ้านพร้อมกับเหล่าเพื่อนร่วมงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อเถาจืออวิ๋นพาฉีฉีกลับมาถึงบ้านแม่ ก็ทำเอาพ่อเถาแม่เถาตกอกตกใจยกใหญ่ พากันถามหล่อนว่าทำไมถึงกลับมาในเวลานี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า
นอกจากจะเกิดเรื่องแล้ว ลูกสาวก็ไม่มีทางรีบพาฉีฉีมากินข้าวด้วยกันในเวลานี้ได้
ลูกสาวก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าในเวลานี้ที่บ้านพวกเขากินอาหารเย็นเสร็จกันไปนานแล้ว
เถาจืออวิ๋นพูด “ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้นึกไว้ว่าจะมาหรอกค่ะ แต่หลังจากซื้อผักมาแล้ว จู่ๆ ก็เกิดไม่อยากทำอาหารขึ้นมา ก็เลยพาฉีฉีมากินข้าวด้วยน่ะค่ะ”
เมื่อแม่เถาได้ยินว่าหลานรักยังไม่ได้กินข้าว ก็รู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง
นางหยิบคุ้กกี้จากตู้เก็บอาหารให้ฉีฉีกินรองท้อง ส่วนเถาจืออวิ๋นไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
เป็นแม่คนแล้วยังปล่อยให้ลูกท้องหิว พ่อเถาแม่เถาไม่ด่าหล่อนก็นับว่าดีแล้ว ยังจะให้มาสนใจว่าหล่อนหิวหรือไม่หิวอีก
แม่เถาต้มบะหมี่ใส่ไข่ดาวสองชามใหญ่ ให้ลูกสาวและหลานชายคนละชาม
ทว่าเพิ่มไข่ดาวในชามของฉีฉีให้อีกหนึ่งฟอง
เมื่อสองแม่ลูกกินบะหมี่จนหมด เถาจืออวิ๋นถึงได้เล่าเรื่องที่หม่าเทามาหาหล่อนเพราะอยากแต่งงานซ้ำ และถูกหัวหน้าหลูเอาท่อนไม้ฟาดเข้าเมื่อครู่นี้ให้แก่พ่อแม่ที่แก่ชราฟัง
พ่อเถาแม่เถาต่างก็โกรธเกรี้ยวอย่างมาก ด่าทอเป็นการใหญ่ว่าหม่าเทาช่างไร้ยางอาย ไม่นึกว่าจะกล้ามาขอให้เถาจืออวิ๋นแต่งงานซ้ำ
แม่เถาพูด “รอให้ไอ้สารเลวนั่นถูกปล่อยตัวออกมาจากสถานีตำรวจแล้ว แม่จะให้พี่ชายสองคนของลูกไปหาเขา แล้วเตือนเขาว่าถ้าเขายังมาตามราวีลูกอีก ก็อย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจแล้วกัน!”
เถาจืออวิ๋นรีบพูดขึ้น “ห้ามให้พวกพี่ชายไปหาหม่าเทาเด็ดขาดนะคะ ตอนนี้เขาเป็นพวกไร้เหตุผลคนหนึ่ง ถ้าพี่ๆ ไปหาเขา ไม่รู้ว่าเขาอาจจะใส่ร้ายป้ายสีพี่ชายทั้งสองคนยังไงบ้าง บางทีถ้าเขาใส่ร้ายว่าพี่ชายทั้งสองคนทำร้ายเข้าขึ้นมาจะทำยังไงล่ะคะ?”
แม่เถาเหล่ตามองเธอ “ลูกคิดได้แล้วแม่จะคิดไม่ได้หรือไง? แน่นอนว่าแม่ไม่มีทางให้พี่ชายทั้งสองของลูกไปเจอกับเขาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว แต่ให้ไปที่โรงงานของเขาตรงๆ เรียกหัวหน้าของเขาไปพบเขาด้วยกัน ให้เขาไม่มีโอกาสจะกัดพี่ชายของลูกได้เลย”
เมื่อนั้นเถาจืออวิ๋นถึงพยักหน้า แสดงความเห็นพ้อง
พ่อเถาพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “หัวหน้าหลูคนนั้นที่ลูกพูดถึงเมื่อกี้นี้ ลูกต้องซื้อของไปขอบคุณเขาให้ดีๆ สักหน่อยนะ พ่อจำได้ว่านี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาช่วยลูก ครั้งแรกก็ช่วยลูกยึดห้องคืนมา แม้ว่าจะเป็นงานที่โรงงานมอบหมายมา แต่เขาก็ยังทำอย่างทุ่มเท บอกขอบคุณเขาสักหน่อยก็ยังไม่เป็นไร ครั้งนี้เขายังสั่งสอนไอ้สารเลวหม่าเทานั่นให้ลูกอีกถ้าพวกเราไม่ไปขอบคุณเขาถึงที่ ก็คงดูเลือดเย็นเกินไปแล้ว”
เถาจืออวิ๋นพูด “ฉันรีบร้อนมาขนาดนี้ ก็เพราะเขานั่นแหละ”
พ่อเถาแม่เถาได้ยินก็สับสนงุนงง “นั่นหมายความว่ายังไงกัน?”
(1)ยาลูกกลอนฮั่วเซียงเจิ้งชี่ คือยาตำรับจีนโบราณ มีสรรพคุณแก้ไข้ 4 ฤดู แก้ไข้ตัวร้อนเนื่องจากหวัด แก้ปวดหัวตัวร้อน ท้องอืด อาเจียน ท้องเสีย
สารจากผู้แปล
ทำดีมากฉีฉี พ่อแบบนี้อย่ามีเลยดีกว่า
ม่ายจื่อ อาหารเสียแล้วก็ทิ้งเถอะ อย่าไปเสียดายเลย เกิดเจอพวกอะฟลาท็อกซินหรือเชื้อหน่อไม้ปี๊บนี่เธอเกมเลยนะ
ไหหม่า(海馬)