แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 608 ศึกชิงนางระหว่างชายสองคน
ตอนที่ 608 ศึกชิงนางระหว่างชายสองคน
หลิวหย่งเจียงดูธรรมดาอย่างมากในแวบแรก แม้จะได้รับการศึกษาในต่างประเทศและเปี่ยมด้วยความรู้ก็ตาม
แต่ความรู้นั้นไม่เหมือนกับรูปร่างหน้าตาที่ตัดสินกันเพียงชั่ววูบ
หลังจากได้มีปฏิสัมพันธ์กันเป็นเวลานาน หลายคนก็ได้รู้ว่าเขาเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า
เขาไม่เพียงมีความรู้มาก เรื่องงานบ้านงานเรือนก็ไร้ที่เปรียบเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติเพียบพร้อม
บางครั้งหลิวหย่งเจียงจะทำขนมแสนอร่อยให้ฉีฉีนำไปกินที่โรงเรียนอนุบาล แต่กลับไม่นำส่งที่บ้านของเถาจืออวิ๋น
เพราะเถาจืออวิ๋นบอกว่าหล่อนไม่ต้องการถูกรบกวน
เมื่อเวลาผ่านไป เถาจืออวิ๋นไม่เพียงแต่ไม่เกลียดเขาเท่านั้น ในทางกลับกัน การพบกับเขาก็เหมือนได้พบสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
ในขณะนี้ทั้งสองคนต่างก็มีถาดผลไม้ และกำลังกินอย่างเชื่องช้าพร้อมพูดคุยกันถึงเรื่องนัดบอด
หลิวหย่งเจียงก้มศีรษะและพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งปีมานี้ ผมนัดบอดมาแล้วไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้ง”
เถาจืออวิ๋นยิ้มและถาม “คุณไม่ได้พบใครที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเลยเหรอ?”
หลิวหย่งเจียงมองหล่อนอย่างอ่อนโยน “ถ้าผมไม่ได้พบคุณ ก็อาจมีการนัดบอดหนึ่งหรือสองครั้งที่ทำให้ใจสั่น แต่น่าเสียดายที่พระเจ้าให้ผมพบคุณก่อน”
เถาจืออวิ๋นยิ้มเบา ๆ หล่อนรู้ว่าหลิวหย่งเจียงชอบตน
และยังบอกหลิวหย่งเจียงอย่างชัดเจนว่า หล่อนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา
นี่ไม่ใช่ความลับที่ซ่อนเร้นระหว่างคนทั้งสอง แต่พอเป็นความรู้สึกที่เปิดเผย ดังนั้นจึงห้ามปรามได้อย่างง่ายดายเพื่อไม่ให้เลยเถิด
เถาจืออวิ๋นกล่าว “เรื่องระหว่างเราไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ”
หลิวหย่งเจียงใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มแตงโม “ผมยังอยากรอคุณอีกสามปี หลังจากสามปี หากคุณยังคงปฏิเสธ ผมจะยอมแพ้”
เถาจืออวิ๋นพยักหน้าและหยุดพูด
แน่นอนว่าหน้าที่ของหล่อนคือการปฏิเสธเขา
ถ้าเขาปฏิเสธที่จะยอมแพ้ นั่นคือการตัดสินใจของเขา ตราบใดที่หล่อนไม่เข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ เรื่องราวเลวร้ายก็จะไม่เกิดขึ้น
เมื่อเห็นว่าพวกเขาคุยกันอย่างมีความสุข ฟางจั๋วเยวี่ยก็ไม่สามารถระงับความหึงหวงได้ และเดินเข้าไปหาพวกเขาทันที
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา เถาจืออวิ๋นและหลิวหย่งเจียงก็หันหน้ามองไปที่ฟางจั๋วเยวี่ยด้วยความประหลาดใจ
“ผมรบกวนพวกคุณหรือเปล่าครับ?” ฟางจั๋วเยวี่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ผู้ชายที่มีสัญชาตญาณอย่างหลิวหย่งเจียงสังเกตมานานแล้วว่า ฟางจั๋วเยวี่ยชอบเถาจืออวิ๋น
เขากล่าวขึ้นทันที “ใช่ รบกวนและน่ารำคาญ”
“ถ้าคุณรำคาญก็รำคาญไป คุณจะออกไปก็ได้ถ้าคิดว่าผมรบกวนใจ”
ฟางจั๋วเยวี่ยหรี่ตามองเขาด้วยความไม่พอใจ
แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ร่ำรวยที่มีเงินมากมายนัก ฐานะทางการเงินก็ไม่ต่างจากบุคคลธรรมดาทั่วไป แต่เหตุผลนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขายอมแพ้
หลิวหย่งเจียงหัวเราะอย่างโกรธเคือง ชายคนนี้เข้ามารบกวนแถมยังขับไล่ให้เขาจากไปอีกเหรอ ไม่มีทาง!
ชายสองคนยืนอยู่ข้างเถาจืออวิ๋น คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกคนอยู่ทางขวา คนด่านซ้ายดูเหมือนมังกร คนด้านขวาดูเหมือนเสือขาว ขณะที่คนตรงกลางดูไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย…
ชายทั้งสองคุยกับเถาจืออวิ๋นอย่างกระตือรือร้น และฉากนั้นก็น่าอึดอัดใจมาก
แต่ฟางจั๋วเยวี่ยไม่รู้สึกอายเลย ตราบใดที่เขาไม่อายก็เป็นคนอื่นที่ต้องอาย
หลิวหย่งเจียงไม่ได้ร่ำรวยเพียงผิวเผิน ขณะที่เขากำลังเสียหน้า แม่ของเขาก็เดินเข้ามาหา
แม่ของเขาแนะนำว่าหญิงสาวผู้นี้คือลูกสาวของเพื่อนร่วมงานของหล่อนที่เดินทางมายังเจียงเฉิง และหล่อนต้องการให้ลูกชายได้รู้จักกับหญิงสาวผู้นี้
เจียงเฉิงถือเป็นหนึ่งในสี่เตาหลอมแห่งประเทศจีน แน่นอนว่าจะไม่มีผู้ใดเลือกเดินทางมายังเมืองนี้ในฤดูร้อน
แต่คุณแม่หลิวต้องการนัดบอดให้คุณหมอหลิวผู้เป็นลูกชาย ดังนั้นหล่อนจึงยืนกรานที่จะหาข้ออ้างเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน
เนื่องจากมีแขกผู้มาเยือน ดังนั้นหลิวหย่งเจียงจึงต้องออกไปก่อน
ฟางจั๋วเยวี่ยมีความสุขมาก นี่คือข้อได้เปรียบในสนาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็ไม่ใช่คนที่ก้าวเดินออกจากสนามแห่งการแข่งขันนี้ก่อน
งานเลี้ยงเริ่มหกโมงเย็นและสิ้นสุดลงในเวลาสี่ทุ่มของวันนั้น ทุกคนต่างบอกลากัน
เฉินเฟิงช่วยพยุงเคอจื่อฉิงให้เดินออกไปอย่างระมัดระวัง
หลินม่ายซึ่งเต็มไปด้วยอารมณ์พูดกับฟางจั๋วหราน “ใครจะคิดว่าเคอจื่อฉิงและเฉินเฟิงจะเป็นคู่รักคู่แรกที่แต่งงานกัน และพวกเขาอาจเป็นคู่แรกที่มีลูกด้วย”
ฟางจั๋วหรานกล่าวต่อ “ต่อให้ไม่อยากให้เป็น แต่มันก็เป็นไปแล้ว การตั้งครรภ์จำเป็นต้องใช้เวลานาน แม้เราจะรีบเร่งมีลูกก็ไม่อาจตามพวกเขาทันหรอก เราไม่สามารถแข่งขันเพื่อเอาที่หนึ่งในเรื่องนี้ได้ แต่ผมสามารถเอาชนะพวกเขาในเรื่องอื่นได้”
หลินม่ายใบหน้าแดงก่ำ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “จะเอาชนะในเรื่องไหนได้อีกอีก?”
ฟางจั๋วหรานกล่าวอย่างจริงจัง “ตัวอย่างเช่น การดูแลก่อนคลอดและหลังคลอด ท้ายที่สุดแล้วเราทุกคนล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้ สิ่งเหล่านี้อยู่นอกเหนือขอบเขตความรู้ของเฉินเฟิง”
หลินม่ายหน้าแดงมากขึ้น เธอสงสัยถึงสิ่งที่เขากำลังคิดวางแผน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เธอมองไปรอบ ๆ อย่างซุกซน ทุกคนต่างบอกลาคุณปู่และคุณย่าฟาง ไม่มีใครสนใจพวกเขา
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครได้ยินคำพูดของฟางจั๋วหราน หลินม่ายจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจะอายุมากแล้ว แต่พวกเขาก็ชอบที่จะมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
เมื่อคนหนุ่มสาวมาเยี่ยมเยียนผู้สูงวัย อาจมีช่องว่างระหว่างวัยที้ไม่สามารถพูดคุยกันได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้สูงอายุทั้งสองคน
ฟางจั๋วเยวี่ยอาสาไปส่งเถาจืออวิ๋นที่บ้าน
หม่าเทาถูกตัดสินจำคุกสามปี และประหารชีวิตทันที
หัวหน้าหลูนอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง ซึ่งหมายความว่าเถาจืออวิ๋นจะปลอดภัยเป็นเวลาอย่างน้อยสามปี
ตอนนี้เป็นฤดูร้อน แน่นอนว่ามีผู้คนพลุกพล่านมากมายตลอดเวลา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องส่งใครมาดูแลหล่อนเป็นพิเศษ
แต่ฟางจั๋วเยวี่ยยังยืนกรานที่จะไปส่ง และเถาจืออวิ๋นก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ฟางจั๋วเยวี่ยแบกฉีฉีไว้บนบ่าของเขา และฉีฉีก็หัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
ทั้งสามกำลังเดินอยู่บนถนน บรรดาคนที่ไม่รู้จักเห็นพวกเขา ต่างก็คิดว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียว
นับตั้งแต่เหตุการณ์ใส่ร้ายหลินม่ายในห้องสอบถูกเปิดเผย หวังเหวินฟางก็ปรากฏตัวในข่าวเช่นกัน หล่อนถูกหน่วยงานสั่งพักงานและลดระดับเป็นพนักงานธรรมดา ชื่อเสียงถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
ชายผู้เป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการอาวุโสที่อยู่กับหล่อนเป็นเวลาหลายเดือนเคยพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงานกับหล่อน แต่หลังจากที่หล่อนถูกตัดสินจำคุกสามปี เขาก็เลิกกับเธอทันที
ยุคนี้ไม่มีใครยอมแต่งงานกับคนที่กำลังจะเข้าคุก แม้อีกฝ่ายจะงดงามแค่ไหนก็ตาม
นอกเหนือจากการไปทำงานและรับเงินเดือนขั้นพื้นฐานทุกวันแล้ว หวังเหวินฟางก็ไม่มีรายได้อื่น ดังนั้นชีวิตของหล่อนจึงน่าสังเวชมาก
เมื่อครู่นี้ แม่เฒ่าหวังมีอาการท้องร่วงจากการกินแตงโม และหวังเหวินฟางก็พานางเดินทางไปหาหมอ
ระหว่างทางหล่อนก็พบฟางจั๋วเยวี่ยเดินกับหญิงสาวผู้หนึ่งโดยมีเด็กอีกคนนั่งขี่คอเขาอยู่
หล่อนรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อได้เห็น รีบพยุงนางหวังเดินเข้าไปหาพวกเขา จ้องมองเถาจืออวิ๋นตั้งแต่หัวจรดเท้าและเอ่ยถาม “สหายคนนี้คือใคร?”
ฟางจั๋วเยวี่ยพูดอย่างเฉยเมย “แม่ไม่รู้จักหล่อนหรอก หล่อนคือเถาจืออวิ๋นหรือพี่เถาน่ะ”
หวังเหวินฟางดึงเขาออกไปด้านข้าง “ทำไมแกไปกับผู้หญิงคนอื่น? แกไม่ได้ไปกับลี่ลี่เหรอ? ว่าแต่แกกับลี่ลี่จะแต่งงานกันเมื่อไหร่? เห็นพวกแกรักกันมานานแล้วก็น่าจะถึงเวลาแต่งงานแล้ว แกคิดที่จะแต่งงานหลังจากผ่านไปหนึ่งปีจริง ๆ เหรอ?”
ฟางจั๋วเยวี่ยพูดอย่างเฉยเมย “ผมกับลี่ลี่เลิกกันแล้ว”
หวังเหวินฟางอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียง “ลี่ลี่ออกจะเป็นผู้หญิงสวยและเพียบพร้อม แต่แกกลับเลิกกับหล่อนเนี่ยนะ!”
ทันใดนั้นหล่อนก็เข้าใจ พร้อมชี้ไปที่เถาจืออวิ๋นด้วยแววตาแห่งความไม่พอใจพลางกล่าว “นี่ผู้หญิงใหม่ของแกเหรอ? สภาพครอบครัวหล่อนเป็นยังไงบ้าง?”
“หญิงหม้ายแม่ลูกติดน่ะ”
ฟางจั๋วเยวี่ยเกลียดการแทรกแซงของหวังเหวินฟางมากที่สุด
ยิ่งหล่อนขัดขวางเขา เขาก็ยิ่งอยากเล่นงานหล่อน เขาจึงจงใจพูดแบบนั้นเพื่อกวนประสาทอีกฝ่าย
หวังเหวินฟางโกรธจนแทบจะระเบิด “แกคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วอย่างงั้นเหรอ?”
“ก็ผมชอบหล่อนนี่ ใครจะทำไม”
ฟางจั๋วเยวี่ยโกรธมาก ดังนั้นเขาจึงพาเถาจืออวิ๋นเดินจากไป
หลังจากเดินห่างออกมาไกลแล้ว เถาจืออวิ๋นก็พูดเสียงต่ำ “ถึงคุณจะไม่เชื่อฟังครอบครัวของคุณแค่ไหน แต่อย่าได้ใช้ฉันเป็นเกราะกำบังเชียว”
ฟางจั๋วเยวี่ยถามอย่างสงสัย “ผมใช้คุณเป็นเกราะกำบังเมื่อไหร่?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมอหลิวติดนัดบอดไปแล้วหนึ่ง จั๋วเยวี่ยจะชนะใจจืออวิ๋นไหมนะ
ไหหม่า(海馬)