แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 672 งานแต่ง
ตอนที่ 672 งานแต่ง
ฟางจั๋วหรานอุ้มหลินม่ายออกจากห้อง ไป๋เซี่ยพลันร้องเรียก “ช้าก่อน ฉันจะแสดงอะไรให้พวกเธอดู”
ถึงแม้ฟางจั๋วหรานจะประหลาดใจ เขาก็ยังอุ้มหลินม่ายไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้เขาแสดง
การแสดงของไป๋เซี่ยเป็นศิลปะการต่อสู้ของทหารชุดหนึ่ง
หลังจากการแสดงเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ย้ำเตือนฟางจั๋วหรานอีกครั้ง ถ้าเขากล้าทำให้หลินม่ายเสียใจ เขาจะใช้ศิลปะการต่อสู้ของทหารชุดนี้ทำร้ายเขาให้กลายเป็นซาลาเปาไส้หมูแดง
หลินม่ายซาบซึ้งใจเสียจนขอบตาแดงก่ำ
แต่หลังจากนั้นไป๋เซี่ยก็ถูกพ่อไป๋ตีหัวเข้าหนึ่งที “อายุยี่สิบกว่าแล้ว ยังจะเล่นซนอยู่อีก!”
ไป๋เซี่ยอมยิ้มลูบศีรษะตัวเองที่ถูกตี ขอแค่น้องเขยของเขาไม่กล้ารังแกเสวี่ยเป่าในภายหน้า ถึงเขาจะถูกตีอย่างไรก็คุ้ม
ฟางจั๋วหรานเดินอุ้มหลินม่ายที่ทั้งสวยและบอบบางราวกับช่อกุหลาบออกไปที่สวน
เพื่อนบ้านที่มองมาจากข้างนอกตะลึงงันทันทีที่เห็นเจ้าสาวในอ้อมแขนของฟางจั๋วหราน
เพื่อนบ้านหลายคนโพล่งถามออกมา “มงกุฎหงส์บนหัวของเจ้าสาวกับเครื่องประดับทองทั้งหมดบนตัวของหล่อนเป็นทองแท้หรือ?”
ไป๋เหยียนพี่สาวคนโตตอบด้วยรอยยิ้ม “ทั้งหมดเป็นทองแท้ แถมเป็นทองคำบริสุทธิ์ เจ้าบ่าวซื้อมาจากฮ่องกงค่ะ”
เพื่อนบ้านในละแวกบ้านเดียวกันนี้พากันจิ๊ปากอย่างอิจฉา ถามต่อว่าทำไมฟางจั๋วหรานรวยขนาดนี้
ฟางจั๋วเยวี่ยตอบ “พี่ชายของผมไม่เพียงแต่เป็นศาตราจารย์แผนกศัลยกรรม แต่ยังมีบริษัทอยู่ที่อเมริกาอีกด้วย แน่นอนว่าเขาต้องรวย”
เพื่อนบ้านล้วนแสดงความยินดีกับพ่อไป๋ที่หาลูกเขยที่ดีอย่างนี้ได้
พ่อไป๋ปลื้มใจมากจนหน้าบาน
ฟางจั๋วหรานอุ้มหลินม่ายเข้าไปในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ของเธอ จากนั้นก็ดำเนินการนำบรรดาสินเดิมทังหลายใส่รถบรรทุกขนาดเล็ก
ฟางจั๋วเยวี่ยอยากขึ้นรถคันเดียวกับเถาจื่ออวิ๋น แต่ถูกหลิวหย่งเจียงผลักไปข้าง ๆ หน้าเขาพลันมืดครึ้มด้วยความโกรธ
แต่วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดของพี่ชายเขา เขาจึงได้แต่อดทนไว้
หลินม่ายเคยบอกไว้ว่าเธออยากจัดงานแต่งกลางแจ้ง
ถึงแม้จะไม่สามารถแต่งงานที่ทะเลสาบตงหูตามความฝันของเธอ แต่ฟางจั๋วหรานก็จัดเตรียมงานแต่งกลางแจ้งให้เธอที่สือชาไห่
สถานที่แต่งงานเต็มไปด้วยลูกโป่งและดอกไม้ผ้าหลากหลายสีสัน ภาพนี้สวยงามเป็นอย่างมาก
ตอนที่พวกเขามาถึงสถานที่จัดงานแต่ง พี่ไป๋เหยียนก็พาหลินม่ายไปเปลี่ยนชุดแต่งงานในห้องแต่งตัวที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว
หลินม่ายประหลาดใจเล็กน้อย
ท่ามกลางรายละเอียดการจัดงานแต่งที่เธอเตรียมกับฟางจั๋วหราน ไม่มีรายการเปลี่ยนชุดแต่งงาน
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น เธอเป็นคนจีน การสวมใส่ชุดแต่งงานสีขาวตอนแต่งงานนับว่าเป็นเรื่องไม่เป็นมงคล
เธอถามพี่สาว “พี่จำผิดหรือเปล่า งานแต่งของฉันไม่ต้องใส่ชุดเจ้าสาวนะ”
“ไม่ผิด ๆ ชุดซิ่วเหอ[1]ใส่แค่ตอนออกจากห้อง ตอนมาถึงงานแต่งแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นชุดเจ้าสาว เรื่องนี้น้องเขยเป็นคนบอก”
ไป๋เหยียนพูดจบแล้วก็ดันหลังหลินม่ายเข้าไปในห้องแต่งตัว
ตอนไป๋ลู่ปรากฎตรงหน้าเธอพร้อมกับถือชุดเจ้าสาวเอาไว้ เธอก็อดกรีดร้องออกมาไม่ได้
มันเป็นชุดแต่งงานสีแดงทรงหางปลา
หลินม่ายไม่ใช่คนเตี้ย สัดส่วนร่างกายของเธอก็ดีเยี่ยม
เมื่อสวมใส่ชุดแต่งงานสีแดงทรงหางปลานั้นเข้าไป ก็กลายเป็นนางเงือกที่สง่างามทันที
เธอคิดว่านี่เป็นเซอร์ไพรส์ชิ้นใหญ่ที่สุดแล้วที่ฟางจั๋วหรานเตรียมไว้ให้เธอ แต่เธอนึกไม่ถึงว่าจะมีเซอร์ไพรส์ชิ้นใหญ่กว่านี้ในอนาคต
ฟางจั๋วหรานให้เถาจืออวิ๋นส่งกล่องเครื่องประดับหรูหรากล่องใหญ่มาให้เธอ
ทุกคนในห้องแต่งตัวจ้องมองกล่องเครื่องประดับกล่องใหญ่กล่องนั้น มองหลินม่ายค่อย ๆ เปิดมันออก
ทุกคนคิดว่าคงเป็นเครื่องประดับทองอีกชุด แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเครื่องเพชรชุดหนึ่ง
นอกจากแหวนแล้ว ก็มีทุกสิ่งที่จำเป็นตั้งแต่ต่างหูไปจนถึงมงกุฎ
แสงแดดนอกหน้าต่างสว่างสดใสทอแสงจ้าเข้ามาในห้องแต่งตัวผ่านหน้าต่าง ทำให้มงกุฎเพชรในกล่องเจิดจ้าเป็นพิเศษ กระทั่งเปล่งประกายระยิบระยับจับตา
รูมเมทคนหนึ่งถามเถาจืออวิ๋น “เครื่องเพชรทั้งหมดนี้เป็นของจริงหรือ?”
ถึงแม้คนธรรมดาที่อยู่แผ่นดินห่างไกลจากทะเลในยุคนี้จะไม่ไขว่คว้าเพชร ชอบแค่เครื่องประดับเงินและทองเท่านั้น
แต่นักศึกษามหาวิทยาลัยมักจะดูหนังต่างประเทศ ดังนั้นจึงรู้ว่าเพชรมีค่ามากกว่าทอง
บางทีเครื่องเพชรชุดนี้ทั้งชุดอาจจะประเมินค่าไม่ได้
เถาจืออวิ๋นยิ้มตอบคำถาม “แน่นอนว่าเป็นของจริง นี่เป็นของที่คุณยายเจ้าบ่าวเตรียมไว้ให้เจ้าสาวของเขาก่อนที่ท่านจะเสียน่ะ”
เพื่อนเจ้าสาวทุกคนตกตะลึง
ถอนหายใจอยู่ในใจ สามีของหลินม่ายรวยจริง ๆ!
ผู้หญิงทุกคนมีความฝันอยากจะเป็นเจ้าหญิง หลินม่ายก็มีความฝันอยากเป็นเจ้าหญิงเช่นเดียวกัน
เธอไม่สนใจว่าเพชรเหล่านี้จะเป็นของปลอมหรือของจริง ถึงแม้จะเป็นของปลอม ขอแค่เจ้าชายขี่ม้าขาวกุมมือเธอไว้ในมือของเขาราวกับเจ้าหญิง เธอก็มีความสุขแล้ว
หลังจากหลินม่ายแต่งตัวเสร็จ งานแต่งก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ พ่อไป๋ในชุดสูทเดินเข้ามาหาฟางจั๋วหรานพร้อมกับลูกสาวตัวน้อยที่สวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์
ถึงแม้หลินม่ายจะถูกพร่ำบอกว่าเธอต้องยิ้มอย่างสง่างาม แต่เธอกลับไม่สามารถควบคุมสีหน้าของตัวเองได้เลย เธอยิ้มจนเห็นเหงือก ทุกคนเห็นได้ว่าเจ้าสาวเบ่งบานมากขนาดไหน
อย่างไรก็ตามเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ที่จุดสิ้นสุดของพรมแดงกลับมีใบหน้านิ่งเย็นราวกับน้ำแข็ง ทำให้คนที่ไม่รู้ต่างนึกว่าเป็นงานแต่งคลุมถุงชน
ในความเป็นจริงฟางจั๋วหรานแค่กำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเอง เพียงเพราะหลินม่ายเคยบอกไว้ว่า เธอชอบความสุขุมมั่นคงอย่างผู้ใหญ่ของเขา
ดังนั้นเขาจึงไม่อาจหลุดมาดได้ ทั้งคู่ไม่อาจยิ้มเหมือนคนโง่ในงานแต่งได้ ต้องมีคนใดคนหนึ่งสงบสติอารมณ์เอาไว้
ทั้ง ๆ ที่เขาอยากจะยิ้มเหมือนคนเป็นบ้าจะแย่แล้ว
พ่อไป๋ส่งหลินม่ายให้ฟางจั๋วหราน เอ่ยด้วยความจริงใจ “ม่ายจื่อลำบากมาตั้งแต่เด็กแล้ว ผมหวังว่าคุณจะสามารถรักหล่อนไปตลอดชีวิต ถ้าวันใดวันหนึ่งคุณไม่รักหล่อนแล้ว ได้โปรดอย่าทำร้ายหล่อน ส่งหล่อนคืนให้ผม”
แขกผู้หญิงหลายคนอดซับน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนี้
หลินม่ายก็อยากร้องไห้เหมือนกัน แต่เธอรู้ว่าตัวเองจะร้องไห้ไม่ได้ ถ้าเธอร้องไห้ เครื่องสำอางบนใบหน้าของเธอจะเลือนออกหมด
ระหว่างแลกเปลี่ยนแหวน โต้วโต้วที่ใส่ชุดเจ้าหญิงสีชมพู และฉีฉีในชุดสูทตัวเล็ก แต่ละคนถือถาดเล็ก ๆ ที่มีแหวนอยู่และมอบให้เจ้าบ่าวกับเจ้าสาว
ฟางจั๋วหรานเคยบอกหลินม่ายไว้ว่า ของอะไรเขาก็เป็นฝ่ายรับมาได้ แต่เขาจะต้องซื้อแหวนแต่งงานให้หลินม่ายด้วยเงินตัวเอง
ดังนั้นเพชรบนแหวนแต่งงานจึงมีเพียงแค่หนึ่งกะรัต
เพชรเม็ดเล็กที่สุดบนมงกุฎเพชรที่หลินม่ายสวมใส่นั้นล้วนแต่มากกว่าหนึ่งกะรัต
แต่เธอรู้ว่าฟางจั๋วหรานทุ่มทุกอย่างที่เขามีให้กับแหวนเพชรหนึ่งกะรัตนี้
ในส่วนของการสวมแหวน ทั้งโต้วโต้วและฉีฉีอยากให้หลินม่ายสวมแหวนที่พวกเขาถือ ทำให้แขกทุกคนหัวเราะเฮฮา
สุดท้ายก็เป็นไป๋เหยียนที่ก้าวออกมาและยื่นลูกอมกระต่ายขาวให้คนละเม็ดเพื่อแลกกับแหวน เท่านั้นเองหลินม่ายกับฟางจั๋วหรานถึงได้สวมแหวนให้กันอย่างราบรื่น พิธีแต่งงานสุดท้ายท้ายจึงประสบผลสำเร็จ
ต่อไปเป็นงานเลี้ยง
งานเลี้ยงมีกำหนดการจัดที่โรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากสือชาไห่
แขกทั้งหมดเดินไปที่โรงแรมด้วยกัน
หญิงสาวแต่งตัวดีคนหนึ่งใช้โอกาสที่ฟางจั๋วหรานกำลังพูดคุยกับฟางจั๋วเยวี่ย มาอยู่ข้าง ๆ หลินม่าย ก่อนพูดแปลก ๆ ออกมา “เจ้าเล่ห์เพทุบายจริง ๆ หญิงสาวที่เคยแต่งงานมาแล้วคนหนึ่งยังจับตระกร้าล้างน้ำมาแต่งงานกับพี่จั๋วหรานได้”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็เดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากฟางจั๋วหรานอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้ฟางจั๋วเยวี่ยฟัง จึงถามหลินม่าย “เมื่อครู่นี้ซูอวี้เจี๋ยพูดอะไรกับคุณ?”
หลินม่ายถาม “ซูอวี้เจี๋ยเป็นใคร?”
“ลูกพี่ลูกน้องของซูอวี้อิ๋งน่ะ คุณยังจำซูอวี้อิ๋งได้ไหม?”
หลินม่ายพยักหน้า “จำได้สิคะ เป็นหลานสาวของครอบครัวเพื่อนที่พ่อคุณอยากแนะนำให้คุณ”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “ผู้หญิงที่คุยกับคุณเมื่อกี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของซูอวี้อิ๋ง”
หลินม่ายเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงอยากทำให้เธออับอาย เพราะอยากแก้แค้นแทนลูกพี่ลูกน้องของหล่อนนี่เอง
ฟางจั๋วหรานถามอีกครั้ง “ซูอวี้เจี๋ยพูดอะไรกับคุณ?”
หลินม่ายบอกสิ่งที่ซูอวี้เจี๋ยพึ่งพูดเมื่อสักครู่ให้เขาฟังอีกครั้ง
สีหน้าของฟางจั๋วหรานมืดครึ้มลงทันตา เขาอยากมอบงานแต่งที่สมบูรณ์แบบน่าจดจำให้สาวน้อยคนนี้ แต่มักจะมีคนกระโดดออกมาก่อเรื่องเสมอ และเขาจะไม่ทน!
เขาดึงมือหลินม่ายมาแล้วสาวเท้าก้าวไปหาซูอวี้เจี๋ย ขวางหล่อนเอาไว้ท่ามกลางแขกเหรื่อ ออกคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง “ขอโทษม่ายจื่อ เดี๋ยวนี้! ทันที!”
แขกทุกคนตกตะลึง แล้วหยุดมองพวกเขา
พ่อแม่ของซูอวี้เจี๋ยถามซูอวี้เจี๋ยด้วยความงุนงง “อวี้เจี๋ย เกิดอะไรขึ้น?”
ซูอวี้เจี๋ยกลอกตาแล้วพูด “หนูจะรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น! บางทีอาจจะเพราะมีคนได้แต่งงาน ดีใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว!”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเดินเข้ามา ได้ยินคำพูดพิลึกพิลั่นนี้ของซูอวี้เจี๋ยก็ไม่พอใจ
พ่อแม่ของซูอวี้เจี๋ยรีบขอโทษอย่างรวดเร็ว “เด็กมันไม่รู้เรื่อง พูดจาเลอะเทอะ”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเมินพวกเขา ถามฟางจั๋วหรานว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ฟางจั๋วหรานชี้ไปที่ซูอวี้เจี๋ย เล่าสิ่งที่หล่อนพูดกับหลินม่ายให้คนอื่นได้ยินอีกครั้ง
แต่เขาไม่บอกว่าหลินม่ายบอกเขา เป็นเขาเองที่ได้ยินกับหู
สีหน้าของคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางอึมครึมทันที
คุณปู่ฟางมองพ่อแม่ของซูอวี้เจี๋ยอย่างเยือกเย็น “ฉันจำได้ว่าซูอวี้เจี๋ยของพวกเธอดูเหมือนจะยี่สิบสองปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่าคนอายุยี่สิบสองปียังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง”
พ่อแม่ของซูอวี้เจี๋ยตระหนกขึ้นมาทันที บังคับให้ซูอวี้เจี๋ยขอโทษหลินม่าย
พวกเขาเมินฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ ได้ แต่ไม่กล้าดูถูกคุณปู่ฟาง
ถึงแม้คุณปู่ฟางจะลงจากตำแหน่งแล้ว แต่ถ้าเขาอยากจะพบคนตำแหน่งสูงสักคน เขาก็มีคุณสมบัติที่จะพบ และสามารถพบได้
คำพูดของคุณปู่ฟางมีน้ำหนักมาก ถึงแม้ครอบครัวซูจะผนึกกำลังกันทั้งตระกูล พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะคุณปู่ฟางเพียงคนเดียวได้
ยิ่งไปกว่านั้นผู้เฒ่าของตระกูลซูพึ่งจากไปได้ไม่นาน ดังนั้นตระกูลซูจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลฟางแม้แต่น้อย
ซูอวี้เจี๋ยขอโทษหลินม่ายอย่างไม่เต็มใจนัก สุดท้ายเรื่องจึงจบลง
………………………………………………………………………………………………………………………….
[1] ชุดซิ่วเหอ เป็นชุดแต่งงานที่ผู้หญิงสวมใส่ช่วงปลายราชวงศ์ชิงและยุคสาธารณรัฐตอนต้น ลักษณะเด่นเป็นเสื้อคอตั้งหรือคอกลม ท่อนล่างเป็นกระโปรงดัดแปลงจากกระโปรงในราชวงศ์หมิง
สารจากผู้แปล
มีแต่คนมาก่อกวนงานตลอดเลย ทำไมศัตรูเยอะขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)