แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 694 น้องสามีและพี่สะใภ้พูดคุยกันตามลำพัง
ตอนที่ 694 น้องสามีและพี่สะใภ้พูดคุยกันตามลำพัง
เมื่อครอบครัวสามคนของหลินม่ายกลับถึงบ้าน พวกเขาก็เห็นจ้าวเลี่ยงและผู้ใต้บังคับบัญชาสองสามคนนั่งคุยกันในห้องนั่งเล่นอย่างกระตือรือร้นกับคุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และฟางจั๋วเยวี่ย
หลินม่ายถามจ้าวเลี่ยงด้วยความประหลาดใจ “คุณมาทำอะไรที่เมืองหลวง? คุณบอกว่าจะส่งคนมีความสามารถมาที่เมืองหลวงเพื่อเปิดตลาดไม่ใช่เหรอ?!”
จ้าวเลี่ยงยิ้มพลางกล่าว “ผมอยากมาเดินเล่นที่เมืองหลวงน่ะ นอกจากนี้ ฟาร์มผักสองแห่งของเราในเจียงเฉิงก็กำลังไปได้ดี ผู้จัดการของฟาร์มผักทั้งสองแห่งสามารถจัดการได้ดีโดยที่ผมไม่ต้องควบคุมดูแล ผมขี้เกียจเกินกว่าจะหาคน จึงนำทีมมาที่เมืองหลวงเพื่อเปิดตลาดด้วยตัวเอง”
แม้การเปิดตลาดผักจะยังไม่เริ่มต้น แต่จ้าวเลี่ยงสามารถไปยังชานเมืองของเมืองหลวงเพื่อเช่าที่ดินและปลูกผักเรือนกระจกก่อนได้
เมืองหลวงอยู่ทางตอนเหนือ และอุณหภูมิในฤดูหนาวก็ต่ำกว่าเจียงเฉิงมาก
การสร้างโรงเรือนสำหรับปลูกผักที่นี่ไม่ได้ง่ายเหมือนในเจียงเฉิง จำเป็นต้องมีไม้ไผ่ผ่าซีกและแผ่นฟิล์ม
การปลูกผักในโรงเรือนในปักกิ่งต้องใช้ความร้อน และความยากทางเทคนิคก็เพิ่มขึ้นมาก
หลินม่ายขอให้จ้าวเลี่ยงไปยังสถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งปักกิ่งเพื่อขอความช่วยเหลือ อาจารย์และผู้เชี่ยวชาญที่นั่นเก่งมาก พวกเขาจะช่วยเขาแก้ปัญหาทางเทคนิคได้อย่างแน่นอน
หลังจากที่จ้าวเลี่ยงและหลินม่ายคุยเรื่องธุรกิจกันเสร็จสิ้น พวกเขาก็แบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปที่ชานเมืองเพื่อเช่าที่ดิน และอีกกลุ่มไปที่สถาบันวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งปักกิ่งพื่อขอความช่วยเหลือ
หลังทุกคนจากไป หลินม่ายก็กวักมือเรียกฟางจั๋วเยวี่ย “มากับฉัน เรามีอะไรต้องพูดคุยกัน”
ฟางจั๋วหรานและคุณปู่ฟางต่างเฝ้าดูน้องเขยและพี่สะใภ้ออกจากห้องนั่งเล่นไปโดยไม่พูดอะไร
เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมหลินม่ายต้องคุยกับฟางจั๋วเยวี่ยเพียงลำพัง?
แม้ว่าพวกเขาสามคนจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่มีใครถาม
เมื่อพวกเขามาถึงห้องอ่านหนังสือ หลินม่ายปิดประตูและนั่งลงคนเดียว ขณะที่ฟางจั๋วเยวี่ยยืนอยู่
เธอพูดอย่างจริงจัง “ฉันไม่โอเคที่นายบีบบังคับขายเครื่องผลิตถุงพลาสติกให้กับฉัน จะทำอะไรควรปรึกษากันก่อนสิ!”
หลินม่ายไม่ได้เสียดายเงินหนึ่งหมื่นหยวนสักนิด แต่ไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกบังคับ
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายไม่มีความสุข ฟางจั๋วเยวี่ยก็ลูบมือด้วยความรู้สึกผิดและยิ้มประจบประแจง “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะบังคับขายเครื่องผลิตถุงพลาสติกนั้นให้กับพี่สะใภ้นะ”
แม้ว่าหลินม่ายจะไม่เข้าใจกลยุทธ์ของเขา แต่เธอก็รู้ว่าฟางจั๋วเยวี่ยกำลังพูดความจริง
การผลิตเครื่องจักรไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะต้องทำด้วยมือแล้ว ราคาวัสดุและส่วนประกอบก็แพงอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงค่าใช้จ่ายในการซื้อชิ้นส่วนเล็กน้อย
เธอมองเข้าไปในดวงตาของฟางจั๋วเยวี่ยและถามอย่างตรงไปตรงมา “บอกฉันมาว่าทำไมจู่ ๆ ถึงคิดขายเครื่องจักรให้ฉันในราคาถูกกว่าปกติ?”
แม้จะไม่ได้ขายเครื่องผลิตถุงพลาสติกให้เธอ ฟางจั๋วเยวี่ยก็สามารถทำเงินได้มากมายจากการผลิตถุงพลาสติกขาย
เขาขายมันให้กับหลินม่ายโดยไม่คำนึงถึงผลกำไร และหลินม่ายรู้สึกเสมอว่าเขาต้องมีจุดประสงค์
ฟางจั๋วเยวี่ยยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางกล่าว “เพราะพี่สะใภ้มีน้ำใจ พี่สะใภ้ให้ฉันยืมเงินเพื่อเปิดโรงงานถึงสามแสนหยวนโดยไม่คิดดอกเบี้ยใช่ไหม?”
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมาก
แม้ว่าน้องชายของสามีจะมากความสามารถ แต่เขาไม่มีแรงจูงใจในตัวเองมากนัก และมักทำตัวราวกับคนขี้เกียจ
แม้หลินม่ายจะไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ทุกคนก็มีวิถีชีวิตของตัวเอง ตราบใดที่เธอไม่ต้องจ่ายสิ่งใดไปมากกว่านี้ เธอก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขา
เมื่อฟางจั๋วเยวี่ยพูดว่าเขาต้องการเปิดโรงงาน หลินม่ายก็รู้สึกอยู่เสมอว่ามันไม่จริง
เธอเอ่ยถามทันที “ทำไมจู่ ๆ ถึงคิดเปิดโรงงาน? นายจะเปิดโรงงานแบบไหน?”
“พี่สะใภ้อย่าทำเหมือนฉันสิ้นคิดสิ ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้ว ฉันโตพอที่จะประกอบธุรกิจและดูแลตัวเองได้แล้วแน่นอนว่าโรงงานที่ฉันต้องการเปิดคือ โรงงานผลิตเครื่องจักรผลิตถ้วยชามใช้แล้วทิ้ง และเครื่องจักรผลิตถุงพลาสติกขาย! เครื่องจักรทั้งสองประเภทนี้ไม่มีจำหน่ายในท้องตลาด แต่ถุงพลาสติกและถ้วยและชามแบบใช้แล้วทิ้งมีคุณภาพสูงและราคาถูก ดังนั้นความต้องการของตลาดจะมีมากแน่ๆ หากฉันผลิตเครื่องจักรกลสองประเภทนี้ขาย ฉันจะต้องรวยอย่างแน่นอน พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วงเรื่องยืมเงินแล้วไม่จ่ายหรอก ฉันจ่ายคืนแน่”
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีก “นายพัฒนาเครื่องจักรสำหรับผลิตชามสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้งและถ้วยสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้งได้เร็วขนาดนั้นเลยหรือ?”
ฟางจั๋วเยวี่ยกล่าวด้วยความภาคภูมิ “มันไม่ต้องใช้เทคโนโลยีที่ยุ่งยากใด ๆ เลย วัสดุที่ใช้ผลิตกล่องอาหารอลูมิเนียมก็ถูกแทนที่ด้วยโฟมและพลาสติกกันหมดแล้ว”
หลินม่ายรู้ดีว่าเรื่องนี้พูดได้ง่าย แต่ทำได้ยาก
หากเปลี่ยนวัสดุก็ต้องรีเซ็ตความแรงของเครื่องจักรเมื่อมันทำงาน ซึ่งต้องมีการทดลองซ้ำหลายครั้งจึงจะสำเร็จ
หลินม่ายสัญญาจะให้ฟางจั๋วเยวี่ยยืมเงินเพื่อเริ่มต้นธุรกิจและให้คำแนะนำแก่เขา
เธอแนะนำเขาว่าไม่ควรขายเพียงเครื่องจักร แต่ควรผลิตถ้วยและชามสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้งเพื่อขายให้กับการรถไฟรวมถึงร้านขายอาหารแบบซื้อกลับบ้านด้วย
ขณะนี้ไม่มีถ้วยสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้งขายในตลาด ดังนั้นฟางจั๋วเยวี่ยจึงคิดคว้าโอกาสนี้และจะทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน
เมื่อธุรกิจค้าขายถ้วยสำเร็จรูปกำลังเฟื่องฟู เขาจะหยุดและขายเฉพาะเครื่องจักรเท่านั้น
ฟางจั๋วเยวี่ยเคยทำเครื่องผลิตถุงพลาสติกมาก่อน และขายถุงพลาสติกให้กับร้านอาหารและตลาดผักของหลินม่ายแล้ว
ถุงพลาสติกช่วยทำให้การซื้อผักหรืออาหารกลับบ้านของลูกค้าสะดวกสบายยิ่งขึ้น
สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจของตลาดผักของหลินม่ายและร้านซาลาเปาแห่งดีขึ้นมาก
ร้านค้าอื่น ๆ และผู้ค้ารายย่อยที่ได้เห็นก็ต่างซื้อถุงพลาสติกจากฟางจั๋วเยวี่ย
เขาทำเงินได้มากมายภายในระยะเวลาอันสั้น
น่าเสียดายที่ถุงพลาสติกมีราคาถูกเกินไป และกำไรจากการขายถุงพลาสติกหนึ่งร้อยใบก็ได้เพียงหนึ่งเหมาเท่านั้น
นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เงินที่เขามีไม่เพียงพอจะก่อตั้งโรงงาน ซึ่งนำพาไปสู่การหยิบยืมเงินจากหลินม่าย
ฟางจั๋วเยวี่ยพยักหน้า “ฉันรู้เรื่องนี้ดี”
หลินม่ายขอให้เขาตรวจสอบเครื่องผลิตถ้วยสำเร็จรูปแบบใช้แล้วทิ้งหลังจากที่กลับไป เพราะเธอต้องการเปิดแฟรนไชส์ร้านเปาห่าวชือในปักกิ่ง
น้องสามีและพี่สะใภ้เดินออกจากห้องอ่านหนังสือทันทีที่ตกลงกันได้
ฟางจั๋วหรานถามหลินม่ายอย่างเงียบงันทันที ว่าเธอและฟางจั๋วเยวี่ยคุยอะไรกันในห้องอ่านหนังสือ
เมื่อฟางจั๋วหรานถาม เธอก็เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
ฟางจั๋วหรานไม่ได้คาดหวังว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะคิดการใหญ่เช่นนี้ และเขาก็ค่อนข้างประหลาดใจ
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในห้องนอนก็ดังขึ้น และหลินม่ายก็วิ่งไปรับสาย
หัวหน้าแผนกฝูแห่งแผนกวางแผนของสำนักงานใหญ่ในเจียงเฉิงเป็นผู้โทรมา
เขารายงานว่าแผนกประชาสัมพันธ์และแผนกบัญชีได้เตรียมงบประมาณไว้อย่างคร่าว ๆ แล้ว การจัดงานแฟชั่นโชว์แบบประกวดนางแบบจะต้องลงทุนไม่ต่ำกว่าหลักล้าน
เขารู้สึกว่าไม่คุ้มที่จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อโฆษณาให้กับร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว
ร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วเป็นที่รู้จักกันดีในตลาดในประเทศอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการโฆษณา
หลินม่ายกล่าว “อย่ากังวลเลยค่ะ บริษัทแค่ลงเงินค่าโฆษณา สุดท้ายก็ปล่อยให้โฆษณานี้ช่วยทำกำไรและนำเงินนั้นมาจ่าย”
หัวหน้าแผนกฝูตกตะลึงเมื่อได้ยิน “ขนแกะจะงอกบนแกะได้อย่างไร?”
หลินม่ายสั่งให้เขาขายโฆษณานี้ให้กับสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อที่เขาจะได้เงินที่จ่ายไปกลับคืนมา
หัวหน้าแผนกฝูลังเล “นี่ไม่ใช่ละครโทรทัศน์นะครับ สถานีวิทยุโทรทัศน์จะซื้อเหรอครับ?”
หลินม่ายกล่าว “คุณจะรู้ได้อย่างไรล่ะคะถ้าไม่ลองดู? สถานีวิทยุโทรทัศน์จะซื้อหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณพูดถึงมันอย่างไร เมื่อสถานีวิทยุโทรทัศน์ออกอากาศโฆษณาชิ้นแรกของฉัน แน่นอนอยู่แล้วว่าผู้คนจะไม่ชื่นชอบและไม่เห็นด้วยในตอนแรก”
หัวหน้าแผนกฝูกล่าวว่าเขาจะใช้เวลาไม่เกินห้าวันในการวางแผนร่าง จากนั้นจะเดินทางมาที่เมืองหลวงเพื่อหารือเกี่ยวกับธุรกิจกับเรื่องนี้
หลินม่ายขอให้เขารายงานให้เธอทราบทันท่วงทีถึงทุกปัญหาใดที่พบเมื่อเจรจาธุรกิจกับสถานีวิทยุโทรทัศน์
หลังจากวางสาย หลินม่ายก็โทรหาลูกชายของนายช่างจางอีกครั้ง
ลูกชายของอาจารย์จางทำเงินได้มากมายจากการตกแต่งร้านของหลินม่าย
ร่ำรวยจนสามารภซื้อบ้านในเจียงเฉิงและติดตั้งโทรศัพท์บ้านเหมือนกับทรราชท้องถิ่น
หลังจากได้รับโทรศัพท์จากหลินม่าย ลูกชายของนายช่างจางก็มีความสุขมากและถามหลินม่ายว่า เธอเคยชินกับการใช้ชีวิตในเมืองหลวงหรือไม่
หลังจากพูดไร้สาระไม่กี่คำ หลินม่ายก็หันไปที่หัวข้อนี้โดยบอกว่าเธอมีใบหน้าและต้องการให้เขาเป็นผู้นำทีมในการตกแต่ง
ก่อนที่หลินม่ายจะพูดจบ จางเหวินปิงลูกชายของนายช่างจางก็เห็นด้วย
ในช่วงเวลานี้เขาไม่ได้รับงานใด ๆ และเขาก็กำลังนั่งเบื่ออยู่ที่บ้าน หลินม่ายจึงมอบงานให้เขา ซึ่งเขาไม่สามารถขออะไรได้อีก
หลินม่ายยิ้มที่ปลายสาย “อย่าด่วนตกลง ฟังฉันก่อนค่ะ แล้วให้คำตอบฉันหลังจากที่คุณคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้”
จางเหวินปิงพูดอย่างเขินอาย “โปรดบอกผมด้วยนะครับ”
หลินม่ายบอกแผนของเธอกับจางเหวินปิง
แผนของเธอคือการจัดตั้งแผนกตกแต่ง โดยมีจางเหวินปิงเป็นผู้รับผิดชอบ
รายได้ของเขาและพนักงานประกอบด้วยสองส่วนคือ เงินเดือนพื้นฐานบวกโบนัสตามผลงาน
หลินม่ายบอกจางเหวินปิงว่า ไม่ต้องกลัวจะไม่มีงานทำ
เธอสามารถรับประกันได้ว่าจะจัดหาโครงการสามโครงการให้เขาทุกเดือน และขะมาขึ้นเรื่อย ๆ ไม่น้อยไปกว่านี้
โครงการทั้งสามนี้เพียงอย่างเดียวก็สามารถรองรับทีมตกแต่งขนาดเล็กของจางเหวินปิงได้
สิ่งที่หลินม่ายพูดไม่ใช่การล้อเล่น
จะมีร้านค้าในเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงใหม่
เมื่อร้านแฟรนไชส์ของร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วจัดตั้งขึ้น บริษัทจะจัดเตรียมการตกแต่ง
จางเหวินปิงไม่กลัวที่จะไม่มีงานทำ
แผนการตลาดของหลินม่ายเลียนแบบรูปแบบการตลาดของ KFC
KFC ไม่ได้ทำรายได้จากการขายสินค้า
และให้ผลกำไรส่วนใหญ่ของผลิตภัณฑ์แก่แฟรนไชส์และเก็บเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์สำหรับตัวเอง
ส่วนใหญ่พวกเขาสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ห่วงโซ่อุปทาน และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์
ทั้งค่าแฟรนไชส์และกำไรจากห่วงโซ่อุปทานก็ทำให้หลินม่ายมีช่องทางสร้างรายได้แล้ว
มีเพียงอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ที่ยังเป็นปัญหา และตอนนี้ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะหาเงินจากพื้นที่นี้
เพราะเธอไม่มีทักษะแบบ KFC แต่เก่งเรื่องการสร้างแวดวงธุรกิจ
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอคิดที่จะจัดตั้งแผนกตกแต่งภายในเพื่อให้การสนับสนุนการตกแต่งสำหรับแฟรนไชส์และสร้างรายได้จากการตกแต่ง
เธอไม่กลัวว่าร้านแฟรนไชส์จะสร้างกำไรไม่ได้
เธอสามารถอาศัยข้อดีจากร้านแฟรนไชส์ของตัวเองที่มีมากขึ้นเพื่อลดราคาวัสดุก่อสร้างและให้ราคาต่ำที่สุดกับผู้ผลิต
นอกจากนี้ ทีมตกแต่งยังเป็นของบริษัท ด้วยวิธีนี้จะไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างพ่อค้าคนกลาง ต้นทุนก็ต่ำลงเป็นธรรมดา
ภายใต้สมมติฐานของการรับประกันคุณภาพและปริมาณ ไม่มีใครสามารถเอาชนะราคาได้ และแฟรนไชส์ก็จะไม่มีการต่อต้านใด ๆ
ทุกวันนี้การปรับปรุงบ้านยังไม่เฟื่องฟูนัก หากจางเหวินปิงไม่พึ่งพาการตกแต่งร้านของหลินม่าย เขาก็คงไม่มีรายได้
ไม่ต้องพูดถึงการหาเงินเพื่อซื้อบ้านในเจียงเฉิงเพื่อตั้งรกราก เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนั้น
ตอนนี้หลินม่ายกำลังจะรับสมัครพนักงานตกแต่งภายในเพิ่ม หากได้คนแล้ว แม้รายได้อาจไม่มากเท่ากับตอนที่เขาทำงานคนเดียว แต่ก็ไม่ได้น้อยลงมาก
กุญแจสำคัญคือต้องมั่นคงและต้องพาทีมเพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด
เขาไม่ต้องกังวลเรื่องการรับงาน เพียงทำสิ่งตรงหน้าให้ออกมาเป็นที่พอใจก็พอ
จางเหวินปิงพยักหน้าและตกลงตามข้อเสนอของหลินม่าย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ในที่สุดจั๋วเยวี่ยก็ดูมีหลักมีฐานเสียที จริงๆ แล้วเขาเป็นคนอัจฉริยะนะ แต่ทำตัวลอยชายไปหน่อยเท่านั้นเอง
ไหหม่า(海馬)