แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 698 หลินม่ายเขียนเพลง
ตอนที่ 698 หลินม่ายเขียนเพลง
หลินม่ายเอียงศีรษะถาม “ทำไมคุณถึงเชื่อว่านั่นเป็นแค่ข่าวลือ ไม่ใช่เรื่องจริงล่ะคะ?”
ฟางจั๋วหรานยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เพราะมันยากมากที่คุณจะหาผู้ชายที่หล่อเหลากว่า ดีกว่า และอ่อนโยนกว่าผม ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกนี้ที่คู่ควรกับความรักของคุณหรอก นอกจากผม”
มุมปากของหลินม่ายกระตุก ผู้ชายคนนี้หยิ่งยโสและหลงตัวเองมากเกินไปแล้ว
แต่สิ่งที่เขาพูดก็เป็นความจริง
ถึงอย่างนั้นเขาก็ลืมพูดสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่สุด
นั่นคือไม่มีใครในโลกนี้ที่จะปฏิบัติตัวได้ดีไปกว่าเขา
หลังจากส่งฟางจั๋วหรานกลับไป หลินม่ายก็รู้สึกเปลี่ยวใจไม่น้อย
สิ่งที่น่ายินดีคือ ฟางจั๋วหรานจะให้เธออยู่ในหัวใจของเขาเสมอและตลอดไป
ตราบใดที่เธอเรียกหา เขาก็จะมาหาเธอโดยเร็วที่สุด
สิ่งที่น่าวิตกคือเขาทำงานกะกลางคืนมาทั้งคืนและเหนื่อยมาก แต่ยังต้องรีบมายังมหาวิทยาลัยเพื่อปิดปากคนที่ปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับเธอ!
หลินม่ายกลับไปยังโรงอาหารก่อนหน้า หัวหน้าแผนกฝูยังคงนั่งรอเธออย่างเชื่อฟัง
หลินม่ายเดินมานั่งตรงข้ามเขาและพูดคุยเกี่ยวกับงานโดยตรง
“บรรดานักธุรกิจไม่ยอมลงโฆษณาเพราะไม่มีความมั่นใจในความสามารถของเรา ดังนั้นเราควรให้ความมั่นใจแก่พวกเขาเพื่อพวกเขาจะเต็มใจลงโฆษณาในรายการของเรา
หัวหน้าแผนกฝูถามด้วยความสงสัย “แต่เราจะให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจกับพวกเขาได้อย่างไรครับ?”
หลินม่ายกล่าวอย่างมั่นใจ “ก่อนอื่น เราต้องให้สถานี CCTV ลงโฆษณาของการประกวดนางแบบของห้องเสื้อจิ่นซิ่วทุกวัน นอกจากนี้เราก็ต้องร่วมมือกับสถานี CCTV เพื่อเผยแพร่โฆษณาทางสถานีวิทยุต่าง ๆ ภายในหนึ่งสัปดาห์ รายการประกวดนางแบบของเราจะเป็นที่รู้จักของทุกครัวเรือนในประเทศ นอกจากนี้จะมีการประกาศรางวัลและโบนัสเพื่อดึงดูดผู้เล่นให้เข้าร่วมมากที่สุด ตราบใดที่ความนิยมและความสนใจเพิ่มขึ้น เรทติ้งก็จะไม่ตกเมื่อรายการออกอากาศ”
เธอหยุดและนิ่งคิดไปขณะหนึ่ง “เมื่อทำการออดิชั่น เราจะยังไม่ลงโฆษณาตอนนี้ เราจะให้เรตติ้งเป็นตัวกำหนด หากเรทติ้งพุ่งสูง เหล่านักธุรกิจจะต้องเดินทางมาที่สถานีเพื่อซื้อโฆษณา และเราจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”
หัวหน้าแผนกฝูฟังคำพูดของหลินม่ายและชื่นชมเธอ “คุณหลินนี่ฉลาดจริง ๆ เลยนะครับ”
หลินม่ายยิ้มอย่างอ่อนโยน
ไม่ใช่ว่าสมองของเธอดีกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะเธอมีประสบการณ์ชีวิตมาก่อน
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “เราต้องเพิ่มเงื่อนไขว่า ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และรองชนะเลิศอันดับสองจะได้เป็นพรีเซนเตอร์ของห้องเสื้อจิ่นซิ่วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบยี่สิบคนสุดท้ายจะได้เป็นนางแบบพิเศษของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว หากมีแมวมองมาเห็นพวกหล่อนเดินแบบ พวกหล่อนจะได้รับการว่าจ้างอย่างแน่นอน”
หลังจากคุยเรื่องงานแล้ว หลินม่ายก็ไปเรียน
เธอพบเพื่อนร่วมห้องระหว่างทาง
ห้องเรียนที่เพื่อนคนนี้เรียนในตอนบ่ายอยู่ติดกับห้องเรียนที่หลินม่ายเรียน ดังนั้นพวกเธอจึงไปทางเดียวกัน
เพื่อนร่วมห้องทุกคนมารวมตัวกันถามหลินม่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าหัวหน้าแผนกฝูและเธอเป็นอะไรกัน
แม้หลินม่ายจะไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน แต่ตอนนี้เรื่องราวการพบชวนระหว่างเธอและหัวหน้าแผนกฝูก็แพร่กระจายไปทั่ว
หากเธอยังไม่บอกความจริง ผู้คนจะยังคงสงสัยว่าเธอมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับหัวหน้าแผนกฝูใช่ไหม?
หลินม่ายบอกกลุ่มเพื่อนร่วมห้องที่ซุบซิบนินทาอย่างกันอย่างเฉยเมย หัวหน้าแผนกฝูเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอ เหตุผลที่เขาเดินทางมาหาเธอบ่อยครั้งในช่วงเวลานี้ก็เพื่อรายงานการทำงานให้ได้ทราบ
เพื่อนร่วมห้องหลายนิ่งเงียบอยู่นาน
หมายความว่ายังไง หลินม่ายเป็นนายใหญ่อย่างนั้นเหรอ?
ไม่เพียงเพื่อนร่วมห้องเท่านั้นที่สงสัย แต่นักศึกษาที่ฟังอยู่ก็รู้สึกงุนงงอย่างมาก
น่าเสียดายที่กริ่งชั้นเรียนดังขึ้นแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงต้องวิ่งเข้าห้องเรียนไป
ทันทีที่เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น เพื่อนร่วมห้องหลายคนก็วิ่งมายังห้องเรียนของหลินม่ายเมื่อถามว่าเธอมีลูกน้องคอยรายงานได้อย่างไร?
นักเรียนหลายคนไม่รีบร้อนที่จะเข้าเรียนคาบต่อไป แต่ยืนห่างออกไปหนึ่งหรือสองเมตรเพื่อรอคำตอบของหลินม่าย
หลินม่ายบอกเพื่อนร่วมห้องว่าเธอเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ดังนั้นจึงมีลูกน้อง
ทั้งเพื่อนร่วมห้องและเพื่อนร่วมชั้นปีต่างตกใจ
เมื่อครั้งที่ได้รู้ว่าหลินม่ายเปิดร้านขายซาลาเปา พวกเขาก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยชิงหวา มีเพียงหลินม่ายเท่านั้นที่ทำธุรกิจระหว่างเรียน
แต่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่า เธอไม่เพียงเริ่มธุรกิจขนมอย่างซาลาเปาเท่านั้น แต่ยังเปิดโรงงานเสื้อผ้าอีกด้วย!
ทุกคนสอบถามเกี่ยวกับขนาดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของเธอ
หลินม่ายพูดอย่างถ่อมตัว “ขนาดไม่ใหญ่นัก แค่พอหากินเลี้ยงชีพได้”
เพื่อนร่วมห้องต่างมองหน้ากัน เธอเพียงถ่อมตัวใช่ไหม?
หญิงสาวมากมายเดินออกมาจากห้องเรียนพลางหัวเราะเสียงดัง ก่อนเหลือบเห็นหัวหน้าแผนกฝูนอกห้องเรียน
เพื่อนร่วมห้องผลักหลินม่าย “ลูกน้องเธอมาแล้ว” หลังจากพูดจบ พวกเธอก็จากไป
หัวหน้าแผนกฝูเดินเข้าไปหาหลินม่าย
หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
หัวหน้าแผนกฝูกล่าว “ผมต้องการรายงานให้คุณทราบเกี่ยวกับเรื่องโฆษณาสำหรับการประกวดนางแบบ”
หลินม่ายถามขณะเดิน “อะไรนะ? สถานี CCTV ไม่ยอมให้โฆษณาเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ แต่ผมคิดว่าโฆษณาที่ผลิตโดยสถานี CCTV ยังไม่ดึงดูดใจพอ แต่ผู้อำนวยการอิ่นบอกว่าการโฆษณาในลักษณะการประกาศควรออกมาตามแบบที่พวกเขากำหนด ไม่อาจทำแบบอื่นได้”
หลินม่ายถาม “มีตัวอย่างให้ฉันฟังไหม?”
“มีครับ” หัวหน้าแผนกฝูหยิบเครื่องบันทึกเทปขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเอกสารและกดปุ่มเล่น
ทันใดนั้น เสียงของผู้ประกาศหญิงก็ดังขึ้น “ประกาศสำคัญ ประกาศสำคัญ สถานี CCTV และห้องเสื้อจิ่นซิ่วร่วมกันจัดการจัดประกวดนางแบบขึ้นเป็นครั้งแรกในจีน ซึ่งจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ หญิงสาวท่านใดมีความสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรและมีความมั่นใจในตนเอง สามารถสมัครได้แล้ววันนี้ โดยการรับสมัครจะแบ่งออกเป็นห้าพื้นที่ ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เจียงเฉิง และเจิ้งโจว ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัลสามหมื่นหยวน รองชนะเลิศอันดับหนึ่งจะได้รับเงินรางวัลสองหมื่นหยวน และรองชนะเลิศอันดับสองจะได้รับเงินรางวัลหนึ่งหมื่นหยวน นอกจากนี้ยังมีรางวัลนางแบบหุ่นสวย รางวัลขวัญใจช่างภาพ รางวัลขวัญใจมหาชน และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายรอคุณอยู่ หากรู้ตัวว่าท่านเป็นคนสวย สูง และมั่นใจ จงรีบสมัครเลย!”
หากจะให้กล่าวตามตรง โฆษณาประกาศนี้ก็ฟังดูไร้ที่ติ
แต่น้ำเสียงของผู้ประกาศคนนี้เป็นทางการเกินไป ทำให้ความน่าสนใจลดลงอย่างมาก
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าว “ฉันจะเขียนเพลงและทำวีดีโอประกอบเพื่อโปรโมตการประกวดนางแบบของเรา”
หัวหน้าแผนกฝูพยักหน้า “ต้องรีบเลยนะครับ ผู้อำนวยการอิ่นวางแผนที่จะปล่อยโฆษณารายการตั้งแต่คืนนี้แล้ว”
หลินม่ายพยักหน้า “ได้ค่ะ”
การพูดคุยเรื่องงานกับหัวหน้าแผนกฝูเป็นไปอย่างล่าช้าจนทำให้หลินม่ายเข้าเรียนสาย เมื่อมาถึงชั้นเรียน เธอก็ถูกอาจารย์จ้องมองด้วยความไม่พอใจ
หลินม่ายนั่งลงด้านหลัง แม้ท่าทางของเธอดูเหมือนจะตั้งใจฟัง แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงเรื่องธุรกิจไม่หยุดพัก
เธอพยายามนึกถึงบทเพลงแห่งยุคปัจจุบันเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและค้นหาเพลงใดเหมาะสมที่จะเป็นเพลงประกอบการประกวดมากที่สุด
หลังจากการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เธอก็เลือกมาสองบทเพลง ได้แก่ ‘ชีวิตที่เบิกบาน’ โดยราชากางเกงหนัง และ ‘ความฝันของฉัน’ โดยบริษัทหัวเว่ย
มันยากสำหรับเธอที่จะเลือกระหว่างสองเพลง ดังนั้นเธอจึงจับฉลาก และเพลงที่ได้คือ ‘ชีวิตที่เบิกบาน’
เพลงนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดและยังเป็นแนวร็อค
แต่วงป๊อปร็อคอย่างวงบียอนด์เป็นที่นิยมอย่างมากในยุคนี้
ด้วยเหตุผลนี้ก็อาจดึงดูดใจผู้คนได้
อีกทั้งเนื้อเพลงนี้ยังมีแรงบันดาลใจและเต็มไปด้วยพลังบวก เหมาะที่จะเป็นเพลงประกอบการประกวด
ทันทีที่เลิกเรียนในช่วงบ่าย หลินม่ายก็ตรงไปยังสถานี CCTV ทันที
เธอต้องการส่งมอบบทเพลง ‘ชีวิตที่เบิกบาน’ ให้กับผู้กำกับอิ่นเพื่อให้เขารีบนำใส่โฆษณาการประกวดนางแบบให้ทันออกอากาศในเวลากลางคืนได้
ทันทีที่กลับมาถึงหอพัก เธอก็เห็นฟางจั๋วหรานรออยู่นอกหอพักแล้ว
หลินม่ายวิ่งมาหาเขาและพูดอย่างเป็นทุกข์ “คุณมาที่นี่ทำไมคะ? ทำไมไม่กลับบ้านไปพักผ่อน?”
ฟางจั๋วหรานยิ้มอย่างอ่อนโยนและเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับให้เธอ “ผมนอนมาแปดชั่วโมงแล้วและพักผ่อนเพียงพอแล้ว”
ทั้งสองเข้าไปในรถ และหลินม่ายขอให้ฟางจั๋วหรานพาเธอไปยังสถานี CCTV
ฟางจั๋วหรานติดเครื่องยนต์พลางเอ่อยถาม “คุณไปทำอะไรที่สถานี CCTV?”
หลินม่ายเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง
ฟางจั๋วหรานถามด้วยความประหลาดใจ “คุณแต่งเพลงได้ด้วยเหรอ?”
หลินม่ายจะแต่งเพลงได้อย่างไร? เธอเพียงคัดลอกมาก็เท่านั้น
หลินม่ายเกาคิ้วด้วยความรู้สึกผิด “ฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้นหรอก ฉันเรียนรู้มาจากรุ่นพี่สาขาวิชาดนตรีเลยลองแต่งดูเล่น ๆ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้ไหม”
ฟางจั๋วหรานถามด้วยรอยยิ้ม “คุณร้องเพลงให้ผมฟังได้ไหม?”
“ได้สิ แต่คุณห้ามหัวเราะเยาะนะ”
ฟางจั๋วหรานยิ้มพลางกล่าว “ผมเองก็ร้องเพลงไม่เป็น จะไปหัวเราะคุณได้ยังไง”
เขาพูดความจริง การร้องเพลงนับเป็นข้อบกพร่องอย่างหนึ่งของเขา
ทุกครั้งที่เขาร้องเพลงออกมา ก็ทำให้หลินม่ายหัวเราะเยาะได้ทุกเมื่อ
หลินม่ายกระแอมและร้องเพลง
‘ล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า ยืนขึ้นอย่างทรหดครั้งแล้วครั้งเล่า แม้ปีกจะแตกสลาย แต่ก็ยังพยายามบินไปสู่ท้องฟ้าสีคราม ฉันต้องการมีชีวิตที่เบ่งบาน เบ่งบานกว่าดอกไม้นั้น แพรวพราวกว่าดวงอาทิตย์…’
หลังร้องจบ ฟางจั๋วหรานก็ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะกล่าว “เพราะมาก!”
เมื่อมาถึงสถานี CCTV หลินม่ายก็เดินเข้าไปด้านใน โดยที่ฟางจั๋วหรานรอคอยอยู่ในรถ
หลินม่ายมาที่นี่ด้วยเรื่องงาน ดังนั้นคงไม่เหมาะสมนักหากสามีของเธอจะตามเข้าไปด้วย
หัวหน้าแผนกฝูรออยู่ที่ประตูสำนักงานสถานี CCTV แล้ว และพาหลินม่ายไปพบผู้อำนวยการอิ่นโดยตรง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ม่ายจื่อเป็นทุกอย่างแล้วจริงๆ ตั้งแต่ประธานบริษัทยันโปรดิวเซอร์เพลง
ไหหม่า(海馬)