แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 726 ปลอบโยนกู่เยี่ยน
ตอนที่ 726 ปลอบโยนกู่เยี่ยน
ตู้เจวียนไปยังสวนสุ่ยมู่ชิงหวาท่ามกลางลมหนาวด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม
หล่อนมองเห็นกงเสวี่ยฉินและฉือเหล่ยกำลังพูดคุยกันอยู่หน้าอนุสาวรีย์จากระยะไกล
ตู้เจวียนไม่เปิดปากเรียกพวกเขาเหมือนเคย
หล่อนเลือกเดินไปหลังอนุสาวรีย์อย่างเงียบงันเพื่อแอบฟังสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน
เสียงของกงเสวี่ยฉินแว่วเข้าหูหล่อนอย่างชัดเจน “ตู้เจวียนก็ไร้เหตุผลจริง ๆ ฉันไม่คิดว่าหล่อนจะคิดมากจนถึงขนาดนี้ นายและหลินม่ายก็เป็นแค่คนรู้จัก เป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นเรียน หล่อนเองก็รู้อยู่แก่ใจ ทำไมถึงไม่ยอมรับ หล่อนมักจะจับผิดหลินม่ายทุกครั้งและไม่ฟังที่ฉันเกลี้ยกล่อมเลย ฉันรู้สึกว่าหล่อนหวาดระแวงและไม่ไว้วางใจ นายควรเลิกกับหล่อน ไม่เช่นนั้นวันข้างหน้านายจะมีแต่ทุกข์ตรม ว่าแต่ วันหยุดฤดูหนาวนี้นายจะไม่กลับบ้านจริง ๆ เหรอ? ถ้านายไม่กลับบ้าน ฉันก็จะไม่กลับและอยู่เป็นเพื่อนนายนะ ตกลงไหม?”
ตู้เจวียนโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เมื่อนำหลายสิ่งมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันก็ทำให้หล่อนได้เห็นความจริง
กงเสวี่ยฉินพยายามเป็ยเพื่อนที่ดีของหล่อน เพราะต้องการเข้าใกล้ฉือเหล่ย
แต่ตู้เจวียนและฉือเหล่ยคบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ดังนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงไม่อาจสั่นคลอนได้ง่าย
ดังนั้นกงเสวี่ยฉินจึงจงใจพูดซ้ำ ๆ ต่อหน้าหล่อนว่าหลินม่ายและฉือเหล่ยสนิทกันเกินไปและเจอกันบ่อยเกินไป ซึ่งทำให้หล่อนหวาดระแวง
อันที่จริงนั่นคือการยั่วยุให้หล่อนจับผิดหลินม่าย
แต่ทั้งหมดเป็นเพราะหล่อนถูกหลอก หล่อนถูกยุยงให้ผิดใจต่อหลินม่าย ทั้งยังออกคำสั่งให้หล่อนอยู่ห่างจากฉือเหล่ย
ยิ่งหล่อนรังควานหลินม่ายมากเท่าไหร่ ฉือเหล่ยก็ยิ่งเกลียดหล่อนมากขึ้นเท่านั้น
ในท้ายที่สุดฉือเหล่ยก็จะรู้สึกผิดหวังและเลิกกับหล่อน และกงเสวี่ยฉินก็จะฉวยโอกาสปลอบใจฉือเหล่ย
ผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจมาก!
ตู้เจวียนทนไม่ได้อีกต่อไปและเดินออกจากด้านหลังอนุสาวรีย์
หล่อนจ้องมองกงเสวี่ยฉินด้วยความโกรธ “ฉันไร้เหตุผลงั้นเหรอ? เป็นเธอไม่ใช่เหรอที่บอกว่าหลินม่ายสวยเกินไป หากหล่อนได้ใช้เวลากับฉือเหล่ยบ่อย ๆ ความสนิทสนมจะทำให้หล่อนและฉือเหล่ยตกหลุมรักกันอย่างกู่ไม่กลับ ดังนั้นเธอจึงใช้ฉันเป็นเครื่องมือเพื่อกำจัดหลินม่ายให้ห่างจากฉือเหล่ยใช่ไหม? เธอบอกว่าฉันเห็นอย่างไรเหตุผลใช่ไหม? แล้วทำไมถึงไม่พูดเรื่องที่ตัวเองมีจิตใจชั่วร้ายล่ะ? เธอพยายามยั่วให้ฉันจับผิดหลินม่ายเพื่อให้เป็นที่เกลียดชังต่อฉือเหล่ย จากนั้นเธอก็จะใช้โอกาสนี้เข้าใกล้เขา ไร้ยางอายเสียจริง!”
กงเสวี่ยฉินไม่คาดคิดว่าตู้เจวียนจะปรากฏตัวกะทันหัน และได้ยินการสนทนาของหล่อนกับฉือเหล่ย เมื่อเป็นเช่นนี้หล่อนก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
แต่หล่อนกลับยังคงแสดงออกอย่างเฉยเมยและกล่าวหาว่าตู้เจวียนกระทำผิดต่อหล่อน
ตู้เจวียนโกรธมากจนอยากจะฉีกกงเสวี่ยฉินเป็นชิ้น “ฉันทำผิดต่อเธองั้นเหรอ? หลินม่ายและฉันสืบสวนเรื่องนี้จนถึงที่สุดแล้ว และได้รู้ว่าคนที่ใส่ยาระบายลงไปก็คือเธอ เธอพยายามฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียว และพยายามบีบให้ฉันออกนอกสนามแห่งรักนี้ อีกทั้งเธอยังพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันเกลียดชังและต่อว่าหลินม่าย เพราะการกระทำเช่นนั้นจะทำให้ฉือเหล่ยเกลียดชังฉันมากยิ่งขึ้น ยิ่งหลินม่ายเกลียดฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็จะไร้พรรคพวกมากเท่านั้น ยิ่งฉือเหล่ยเกลียดฉันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องการจะเลิกกับฉัน และเธอก็จะใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกับเขา เธอมันน่ารังเกียจมาก!”
กงเสวี่ยฉินทำหน้าบึ้งพลางกล่าว “ฉันไม่ได้ให้ยาระบายแก่เธอ หลินม่ายเป็นคนทำทั้งหมด อย่าหลงกลหล่อนสิ”
ระหว่างทางกลับไปมหาวิทยาลัย หล่อนก็นึกถึงวิธีรับมือ ไม่มีใครรู้เรื่องการวางยาระบายตู้เจวียนยกเว้นตัวหล่อนเอง
แม้จะพบส่วนผสมของยาระบายอยู่ในถ้วยน้ำของตู้เจวียน แต่ตราบใดที่หล่อนปฏิเสธจะยอมรับ แม้ทุกคนจะสงสัยก็ไม่มีใครทำอะไรจริงไหม?
ตราบใดที่ไม่มีใครสามารถแสดงหลักฐานได้ หล่อนก็เป็นผู้บริสุทธิ์
แม้ว่ากงเสวี่ยฉินจะยังคงโต้เถียง แต่ฉือเหล่ยก็ไม่ใช่คนโง่
เขาพูดกับกงเสวี่ยฉินอย่างเย็นชา “ไปให้พ้น อย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก เพราะฉันกลัวว่าจะอดทุบตีเธอไม่ได้”
ใบหน้าของกงเสวี่ยฉินพลันซีดเซียว แต่ยังคงพยายามที่จะพูดเพื่อปกป้องตัวเอง
ฉือเหล่ยหยุดหล่อนและตะโกน “ไปให้พ้น!”
เมื่อได้ยินดังนั้น หล่อนก็ทำได้เพียงวิ่งหนี
หลังกงเสวี่ยฉินจากไป ตู้เจวียนก็มองไปยังฉือเหล่ยอย่างกระตือรือร้น “เรายังจะเป็นเหมือนเดิมได้ใช่ไหม?”
หล่อนชอบฉือเหล่ยมาก และไม่ต้องการเลิกกับเขาเลย
ฉือเหล่ยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าว “มันยากสำหรับฉันที่จะยอมรับเธอในตอนนี้ เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะ”
ตู้เจวียนพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
เวลาบ่ายสี่โมง หลินม่ายเดินทางกลับจากสถานีโทรทัศน์ CCTV
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจัดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องทำอะไร
หลินม่ายปรุงอาหารรสเลิศให้กับพวกเขาหลังจากที่ไม่ได้ทำอาหารมานาน
ทั้งครอบครัวกินดื่มกันอย่างเต็มที่ ยกเว้นฟางจั๋วหรานผู้ซึ่งรู้สึกหดหู่และไม่ค่อยอยากอาหาร
หลินม่ายรู้ว่าทำไมเขาถึงอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ยากที่จะอธิบายต่อหน้าผู้เฒ่าทั้งสอง
หลังอาหารเย็น ทั้งครอบครัวก็นั่งหน้าทีวีดูข่าว หลังจบการรายงานข่าวก็ถึงเวลาที่ ‘รายการประกวดนางแบบของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว’ จะออกอากาศ
เนื่องจากหลินม่ายจะไปที่ยังสถานที่บันทึกเสียงในตอนบ่าย จึงไม่ได้ดูการแข่งขันรอบรองชนะเลิศทั้งหมด
จุดประสงค์หลักคือเพื่อแก้ปัญหาเรื่องที่ตู้เจวียนได้รับยาระบาย
แต่ตอนนี้หลังจากได้ดูการแข่งขันผ่านทีวี เธอก็รู้ว่ากู่เยี่ยนถูกคัดออก
แม้หล่อนจะถูกคัดออก แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้เหมือนผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ
หล่อนกล่าวอำลาผู้ชมอย่างสง่างามด้วยรอยยิ้มและน้ำตา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง
เมื่อผู้เข้าแข่งขันเข้าสู่การออดิชั่น พวกหล่อนก็จะถูกจัดให้เก็บตัวในที่พักเดียวกันโดยห้องเสื้อจิ่นซิ่ว
นอกเสียจากว่าจะเป็นผู้เข้าแข่งขันพิเศษอย่างตู้เจวียนที่ยังต้องอาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัย ก็ไม่จำเป็นต้องย้ายเข้าไปอยู่ในที่พักที่ห้องเสื้อจิ่นซิ่วจัดเตรียมไว้ให้
โรงแรมที่ผู้เข้าแข่งขันเข้าพักมีโทรศัพท์ในทุกห้อง
หลินม่ายโทรศัพท์ไปปลอบใจและให้กำลังใจกู่เยี่ยน
โดยปกติแล้วเธอมักไม่ค่อยให้กำลังใจผู้อื่น เธอคิดเสมอว่าจะมีผู้ใหญ่คนใดที่ต้องการกำลังใจบ้าง? พวกเขาโตพอที่จะให้กำลังใจตัวเองได้แล้วไม่ใช่เหรอ?
แต่เธอให้กำลังใจกู่เยี่ยนเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรับความเสียใจไม่ไหวจนเผลอทำอะไรที่ใครไม่อาจคาดคิด
ตราบใดที่ทำงานหนัก หล่อนก็สามารถมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ได้เสมอ
กู่เยี่ยนได้รับโทรศัพท์จากหลินม่ายก็รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหล “ประธานหลินโปรดวางใจ ฉันจะไม่ยอมแพ้ต่อตัวเองและความฝันในใจของฉัน ถ้าวันหนึ่งฉันพบว่าความฝันของฉันไม่เป็นจริง ฉันก็แค่กลับไปทำไร่ทำสวนที่บ้านเกิด และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ได้เป็นเกษตรกรที่ยอดเยี่ยมค่ะ”
หลินม่ายกล่าว “ดีแล้ว เพียงแค่ก้าวออกมาและทำตามความฝันโดยไม่หวั่นเกรงก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว”
เมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องนอนในตอนกลางคืน หลินม่ายก็ปลอบฟางจั๋วหราน “ฉันแค่ไปเจียงเฉิงเพื่อจัดการเรื่องของบริษัท อีกไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว”
ฟางจั๋วหรานกอดเธอไว้ในอ้อมแขน “คุณเคยรู้ไหมว่าผมไม่อยากจะห่างจากคุณเลยสักวัน?”
หลินม่ายกอดคอเขาพลางจูบ “ฉันต้องไปจัดการเรื่องของบริษัท แล้วจะกลับมาเพื่อชดเชยให้คุณนะ”
“ทำไมต้องรอชดเชยให้ผมหลังจากกลับมาด้วย? คุณก็ชดเชยตอนนี้เลยสิ”
ฟางจั๋วหรานโยนหลินม่ายลงบนเตียงขณะพูดและจูบเธออย่างรุนแรง
หลินม่ายหายใจไม่ออกเพราะแรงจูบ จึงผลักเขาออกไปด้วยแรงทั้งหมดของเธอ ก่อนจะกลิ้งตัวออกจากอ้อมแขนชายหนุ่ม
ฟางจั๋วหรานไม่ยอมปล่อยเธอไป เขาเอื้อมมือคว้าเธอไว้ทันที
หลินม่ายหัวเราะคิกคักและหลีกเลี่ยงเขา
ทั้งสองไล่จับกันบนเตียง บรรยากาศสีชมพูลอยอวลราวกับก้อนสายไหม
ไม่ว่าหลินม่ายผู้เป็นดังกระต่ายขาวตัวเล็กจะซ่อนตัวได้อย่างไร ก็ยังถูกหมาป่าตัวใหญ่อย่างฟางจั๋วหรานจับได้เสมอ
เสียงอันอ่อนโยนแว่วหวานของหลินม่ายยังคงดังก้อง
—อย่ามายุ่ง
—คุณเอามือไว้ตรงไหนน่ะ?
—อ่อนโยนกว่านี้หน่อยสิ
—อย่ารุนแรงเกินไปนะ
—นี่ ใจเย็นหน่อยสิคะ
คุณหมอฟางช่างแข็งแกร่งอย่างมาก ราวกับว่าการทำงานทั้งวันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหมดพลังแม้แต่น้อย
พละกำลังของชายหนุ่มในวัยยี่สิบตอนปลายอย่างเขาทำให้หลินม่ายเกือบจะแตกสลาย
หลินม่ายถึงกับมอบคำนิยามให้เขาว่า ‘ชายผู้เป็นดั่งดาบแกร่งที่ไม่เคยเก่า’
ฟางจั๋วหรานไม่ค่อยพอใจกับคำนิยามนี้นัก เพราะเขามีอายุไม่ถึงสามสิบปีและยังหนุ่มแน่น จะเปรียบเทียบเขาเป็นดาบเก่าดุจคนอายุแปดสิบปีได้อย่างไร?
วัยยี่สิบแปดเป็นวัยที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชาย เพราะนั่นคือวัยที่ก้าวเข้าสู่วัยรุ่นตอนปลายและวัยกลางคนตอนต้น
แต่ในเมื่อภรรยาสุดที่รักของเขาเปรียบเขากับชายชรา เขาก็จะต้องลงโทษเธอให้สาสม
การลงโทษดำเนินไปอย่างยาวนานจนถึงเวลาตีหนึ่ง และหลินม่ายก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
โชคดีที่เธอมีสุขภาพที่ดี จึงไม่อ่อนเพลียเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า
หลังอาหารเช้า ฟางจั๋วหรานขับรถไปส่งหลินม่ายที่สนามบิน
อาหวงเดินตามโต้วโต้วและกระดิกหางโดยคิดว่าเจ้านายจะเอามันไปด้วย
โต้วโต้วลูบหัวสุนัขและพูดอย่างจริงจัง “สัตว์เลี้ยงไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นฉันไม่สามารถพาแกไปด้วยได้ แกรอฉันอยู่ที่บ้านนะ ฉันจะกลับมาหาในอีกไม่กี่วัน”
อาหวงคร่ำครวญสองสามครั้ง ยืนอยู่ที่ประตูบ้านและมองดูพวกเขาออกไป
เครื่องบินออกเดินทางเวลาแปดโมงเช้าและเดินทางถึงเจียงเฉิงในเวลาบ่ายสองเนื่องจากเที่ยวบินล่าช้า
หลังออกมาจากสนามบิน หลินม่ายสูดอากาศบริสุทธิ์และยังคงคิดว่าเจียงเฉิงเป็นเมืองที่ดีที่สุดสำหรับเธอเสมอ
แม้ชาวเหนือจะไม่ชอบเจียงเฉิงเพราะอากาศชื้นเกินไปในฤดูหนาว แต่เธอก็คิดว่าเจียงเฉิงยอดเยี่ยมที่สุด
อาจเป็นเพราะว่าดินแดนแห่งนี้คือบ้านเกิดของเธอ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็พบว่าน้าหวงเลิกงานและเดินทางกลับไปแล้ว ทั่วทั้งบ้านในตอนนี้ว่างเปล่า
ดอกล่าเหมยกับดอกเหมยแดงที่ปลูกไว้เมื่อปีก่อนได้เบ่งบานแล้ว ส่งกลิ่นหอมอบอวลท่ามกลางลมหนาว
หลังจากเข้าไปในบ้าน หลินม่ายเก็บสัมภาระและวางแผนที่จะไปยังสำนักงานใหญ่ด้วยจักรยาน
ขณะเข็นจักรยานออกจากสวน เพื่อนบ้านที่เห็นเธอก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ออกไปข้างนอกเหรอ?”
หลินม่ายก็ตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ”
เพื่อนบ้านถามอีกครั้ง “ทำไมไม่ขับรถไปล่ะ? ฉันว่าอากาศหนาวเกินกว่าจะขี่จักรยานนะ”
หลินม่ายยังคงเผยรอยยิ้ม “รถสองคันถูกนำไปเมืองหลวงหมดแล้วค่ะ ในบ้านตอนนี้ไม่มีรถยนต์เหลืออยู่เลย”
“งั้นก็นั่งแท็กซี่ออกไปสิ” เพื่อนบ้านเสนอ “ตอนนี้ในเจียงเฉิงมีแท็กซี่จำนวนมาก การนั่งแท็กซี่ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน รถแท็กซี่ก็แล่นผ่านมา
หลินม่ายนำจักรยานกลับเข้าไปในโรงเก็บของและเรียกแท็กซี่ที่หน้าบ้านเพื่อนั่งไปยังสำนักงานใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ว้าย วางแผนเคลมตั้งนานแต่โป๊ะแตกต่อหน้าผู้ชายกับเพื่อนจนได้ ไปไกลๆ เลยค่ะ
เสียดายกู่เยี่ยนที่ไม่เข้ารอบ แต่ก็ถือว่าน้องทำเต็มที่แล้วนะคะ
ไหหม่า(海馬)