แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 745 เครื่องคั้นน้ำผลไม้ของคุณหมอฟาง
ตอนที่ 745 เครื่องคั้นน้ำผลไม้ของคุณหมอฟาง
หลังตื่นนอนในตอนเช้า หลินม่ายรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก เธอไม่รู้สึกเจ็บปวดที่ท้องส่วนล่างเลยตลอดทั้งคืน
เธอคิดในใจว่าซื่ออู้ทังมีสรรพคุณยอดเยี่ยมไม่น้อย และเธอรู้สึกสบายตัวมากหลังจากดื่มมัน
ใครว่ายาจีนไม่มีประโยชน์ เธอจะไปสั่งสอนบุคคลนั้น
ทันทีที่เธอขยับตัว ฟางจั๋วหรานก็ตื่นขึ้นและเอ่ยถาม “ตื่นแล้วเหรอ? ทำไมคุณตื่นเช้าจัง? นอนต่ออีกหน่อยสิ”
หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปเพื่อโอบเธอไว้ในอ้อมแขน
“ไม่” หลินม่ายผละออกจากอ้อมแขนของเขาแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง “พี่จูและลูก ๆ ต้องไปขึ้นรถไฟ ฉันต้องลุกไปเตรียมอาหารเช้าให้พวกเขา และหาของฝากให้สามีของหล่อนด้วย”
เมื่อเห็นหลินม่ายลุกขึ้น ฟางจั๋วหรานก็ลุกขึ้นตาม หลินม่ายจึงพูดอย่างโกรธเคือง “คุณจะลุกมาทำอะไร? คุณไม่มีอะไรต้องทำ นอนต่อเถอะ ไว้อาหารเสร็จแล้วฉันจะมาปลุกคุณ”
ฟางจั๋วหรานกล่าวพลางสวมเสื้อผ้า “ใครบอกว่าผมไม่มีอะไรทำ ผมต้องไปทำซื่ออู้ทังให้คุณ”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางอายุมากขึ้น พวกเขาต้องการรักษาสุขภาพ จึงมักจะรำไทเก็กทุกครั้งที่ตื่นนอน
คุณย่าฟางเห็นหลินม่ายก็ถอนหายใจ “สามีของเสี่ยวจูกำลังปกป้องชายแดนในสถานที่ที่ยากลำบากอย่างทิเบต แต่ครอบครัวของเขากลับต้องอยู่อย่างแร้นแค้น น่าสงสารเสียจริง ช่วยทำอาหารแสนอร่อยให้พวกเขาหน่อยนะ เสี่ยวจูและลูก ๆ จะได้กินจนอิ่มหนำ”
หลินม่ายกล่าว “ฉันได้ยินจากพี่จูบนรถไฟเมื่อวานนี้ว่าหล่อนต้องการซื้อบะหมี่ผัดให้กับลูกทั้งสอง ดังนั้นเช้าวันนี้เราจะกินบะหมี่ผัดกันค่ะ”
คุณย่าฟางมองเธอพลางเอ่ยถาม “บะหมี่ผัดอร่อยมากไหม? ทำไมไม่ไปที่ร้านเป่าห่าวชือแล้วเอาซาลาเปากับขนมจีบมาให้พวกเขากินล่ะ?”
หลินม่ายพยักหน้า “งั้นเช้านี้เราจะกินซาลาเปา ขนมจีบ และบะหมี่ผัดค่ะ”
คุณย่าฟางกล่าวต่อ “เมื่อวานตอนที่ย่าจัดห้องนอนสำหรับเสี่ยวจูและลูก ๆ ของหล่อน ย่าเห็นว่ากระเป๋าใบใหญ่ของหล่อนมีเพียงชุดชั้นในสำหรับเปลี่ยนของแม่และลูก แล้วก็มีถุงใส่ลูกพลับแห้งและพุทราแห้ง คิดว่าน่าจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ของหล่อนกิน สภาพครอบครัวของหล่อนยากจนมาก สามีหล่อนก็ต้องพลาดไปอยู่ในแดนไกล หล่อนเลี้ยงดูลูกทั้งสองด้วยตัวคนเดียว และไม่มีแม้แต่อาหารที่ดีพอ หลานช่วยหอบปลาและหมูของเราให้เสี่ยวจูด้วยนะ บอกให้หล่อนนำกลับไปกินที่บ้าน แล้วอย่าลืมห่อพวกเครื่องปรุง น้ำตาลทราย และเหล้าชั้นดีให้หล่อนด้วย”
หลินม่ายเองก็วางแผนที่จะทำเช่นนี้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าตอบรับแล้วขับรถออกไปซื้อซาลาเปา ขนมจีบ และบะหมี่ผัด
ซาลาเปา ขนมจีบ และปอเปี๊ยะถูกบรรจุในหม้ออะลูมิเนียมเล็ก ๆ สองสามใบ ห่อด้วยผ้าขาวบางก่อนจะถูกนำกลับมา ดังนั้นอาหารทุกชิ้นจึงยังคงร้อนอยู่เมื่อนำมาจัดวางบนโต๊ะอาหาร
ทั้งครอบครัวทักทายจูต้าหลิงและลูก ๆ อย่างอบอุ่นขณะรับประทานอาหารเช้า
หลังอาหารเช้า หลินม่ายทำการห่อปลาและหมูจำนวนมาก รวมถึงอาหารเสริมโภชนาการต่าง ๆ ให้กับจูต้าหลิงตามคำแนะนำของคุณย่าฟาง
อีกทั้งยังมีขนมปัง เค้ก ลูกอม ขนมขบเคี้ยวของโต้วโต้วจำนวนมาก รวมถึงไข่ต้มหลายสิบฟอง ทั้งหมดนี้ถูกมอบให้ชุนหลิ่วและน้องชายของหล่อน
แม้ที่บ้านจูต้าหลิงจะมีอาหารแห้ง แต่ทั้งหมดก็ทำมาจากแป้งข้าวโพด สามารถกินได้เพียงสองมื้อต่อวัน แน่นอนว่าไม่เพียงพอ
โวโวโถวเป็นอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ จึงไม่ค่อยมีใครนิยมกินมากนัก
หลินม่ายกังวลมากว่าจูต้าหลิงและลูก ๆ ของหล่อนจะขาดสารอาหาร เมื่อถึงเวลาต้องเดินทางไปทิเบต อาจทำให้พวกเขาไม่สบาย ซึ่งนั่นก็อาจทำให้เด็กน้อยไม่ได้พบกับพ่อ
ทั้งสามคนรับประทานอาหารจนอิ่มหนำ และรู้สึกได้ว่าทั่วทั้งกระเพาะของพวกเขาได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่
จูต้าหลิงปฏิเสธที่จะยอมรับสิ่งใดกลับไป โดยบอกว่าเพียงคนที่นี่ให้ที่อยู่และอาหารกินก็ทำให้พวกหล่อนรู้สึกละอายใจมากแล้ว
คุณย่าฟางจับมือหล่อนและพูดอย่างจริงจัง “สามีของเธอกำลังปกป้องประเทศที่ชายแดน และเธอกำลังดูแลครอบครัวที่บ้าน กว่าจะผ่านพ้นไปได้แต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย! นี่คือสิ่งที่เราควรจะดูแลและตอบแทนสามีของเธอ อย่าปฏิเสธเราเลย”
จากนั้นจูต้าหลิงก็เช็ดน้ำตาและรับของขวัญจากครอบครัวของคุณย่าฟาง
หลินม่ายขับรถพาจูต้าหลิงและลูก ๆ ไปที่สถานีรถไฟ
เธอซื้อตั๋วรถไฟให้พวกเขา ส่งพวกเขาขึ้นรถไฟ และกลับบ้านเตรียมต้มซุปไก่
ตอนที่อยู่เจียงเฉิง หลินม่ายและคุณปู่ฟางชอบกินซุปไก่อย่างมาก แต่ฟางจั๋วหรานไม่ค่อยชอบมันเท่าไหร่นัก แต่ครั้งนี้เธอทำซุปไก่และโทรหาฟางจั๋วหราน โดยบอกให้เขากลับมากินซุปในตอนเที่ยง
ฟางจั๋วหรานมีรถยนต์ ดังนั้นจึงสะดวกมากที่จะขับรถกลับไปรับประทานอาหารกลางวัน
น้าถูช่วยหลินม่ายฆ่าไก่ แต่หลินม่ายทำการเคี่ยวและปรุงด้วยตัวเอง
เมื่อหลินม่ายไปที่ครัว เพื่อหยิบเตาถ่าน เธอก็เห็นอ้อยดำมัดใหญ่อยู่ข้างเตาถ่าน
เธอถือเตาออกมาถามป้าถู “ใครซื้ออ้อยดำมาเยอะแยะขนาดนี้คะ ซื้อมาทั้งตลาดเลยเหรอ?”
“คุณหมอฟางซื้อมาค่ะ” น้าถูนั่งยอง ๆ อยู่กับพื้น รีดเลือดแม่ไก่ที่เพิ่งถูกฆ่าออก
หลินม่ายงุนงง “ทำไมเขาซื้ออ้อยดำมาเยอะจังล่ะคะ?”
“เพื่อคั้นน้ำอ้อยใส่น้ำซุปยาของคุณหลินไงคะ”
หลินม่ายตกตะลึง
หลินม่ายคิดมาตลอดว่าความหวานของซื่ออู้ทังที่เธอดื่มนั้นมาจากการเคี่ยวสูตรพิเศษของหมอจีนโบราณ แต่แท้จริงแล้วเกิดจากฝีมือของฟางจั๋วหราน
‘ฟางจั๋วหรานคั้นน้ำอ้อยโดยไม่ใช้ที่คั้นน้ำผลไม้ได้อย่างไร’
หลินม่ายถามความสงสัยในใจ
น้าถูกล่าว “คุณหมอฟางขอให้คนทำเครื่องคั้นน้ำอ้อยเล็ก ๆ ให้ และเขาก็ใช้เครื่องนั้นคั้น”
หลินม่ายค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
สามีเธอเฉลียวฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอ เขาถึงขนาดคิดค้นเครื่องคั้นน้ำผลไม้ได้เลยเหรอ?
เธอพบเครื่องคั้นน้ำผลไม้ในครัวตามคำบอกเล่าของน้าถู
ซึ่งเป็นเครื่องคั้นน้ำผลไม้แบบใช้มือคล้ายและอาศัยแรงดัน
เธอใส่ท่อนอ้อยที่ปอกเปลือกแล้วลงบนแผ่นโลหะด้านล่าง ก่อนจะใช้แผ่นโลหะหนักด้านบนบีบคั้นน้ำอ้อยให้ไหลลงภาชนะ
การใช้เครื่องคั้นผลไม้นี้จำเป็นต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
ความแข็งแกร่งของหลินม่ายก็ไม่น้อย แต่แม้จะใช้แรงทั้งหมดที่มี เธอก็ยังไม่สามารถบีบคั้นน้ำอ้อยออกมาได้แม้เพียงหยดเดียว
น้าถูเห็นบอก “พอเถอะค่ะคุณหนู เห็นไหมคะว่าไม่มีน้ำอ้อยไหลออกมาสักหยดเดียว?”
เพราเห็นว่าหลินม่ายมีรูปร่างผอมเพรียว หล่อนจึงคิดว่าหลินม่ายมีพละกำลังน้อย
ซึ่งในความเป็นจริงหลินม่ายแข็งแกร่งกว่าหล่อน
หลินม่ายยิ้มและหยุดพยายามคั้นน้ำอ้อยด้วยเครื่องคั้นน้ำผลไม้นี้
น้าถูพูดขณะถอนขนไก่ “ขนาดคุณหมอฟางเป็นชายร่างใหญ่ยังคั้นน้ำอ้อยด้วยเครื่องคั้นนี้อย่างยากลำบากเลยค่ะ ทุกครั้งที่เขาคั้นน้ำอ้อย เขาจะเหนื่อยและเหงื่อตก คุณหมอฟางใจดีและรักคุณมากเลยนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้ชายปฏิบัติต่อภรรยาอย่างอ่อนโยนเช่นนี้”
หลินม่ายจินตนาการถึงภาพฟางจั๋วหรานพยายามคั้นน้ำอ้อยให้ตน หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความประทับใจ
หลังจากน้าถูจัดการไก่เสร็จ หลินม่ายก็ทำความสะอาดและสับเป็นชิ้นก่อนจะนำไปผัดใส่กระทะ
หลังจากทำทั้งหมดเสร็จสิ้น โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น
หลินม่ายล้างมือ เช็ดด้วยผ้าขนหนูแล้วรีบไปรับโทรศัพท์
เป็นสายเรียกเข้าจากจ้าวเลี่ยง
เขามาบอกหลินม่ายว่า ผักเรือนกระจกที่ส่งมาจากหูเป่ยเพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้
เขาได้ขอให้ผู้จัดการที่เขาแต่งตั้งจัดเรียงผักทั้งหมดบนชั้นวาง และขายในราคาต่ำกว่าตลาดสดฮุ่ยหมินถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์
จ้าวเลี่ยงกล่าว “ผมได้ส่งคนไปแจกใบปลิวใกล้กับตลาดสดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งแล้ว พร้อมประชาสัมพันธ์บอกชาวบ้านที่นั่นว่า ตลาดสดของเราขายผักเรือนกระจกราคาถูก และพวกเขาจะมาที่ตลาดสดของเราเพื่อซื้อผักอย่างแน่นอนครับ”
หลินม่ายเชื่อสิ่งนี้
ผักเรือนกระจกขายในราคาหกสิบเหมาต่อชั่ง เมื่อพวกเขาประกาศว่าขายถูกกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นต์ ก็เท่ากับว่าพวกเขาขายในราคาสี่สิบเหมาต่อชั่ง
หากชนิดนี้มีราคาถูกกว่าสิบเหมา อีกชนิดนึงก็มีราคาถูกกว่าสิบเหมา ลูกค้ามากมายก็ประหยัดเงินได้หลายเหมาในหนึ่งวันเมื่อเดินทางมาจับจ่ายซื้อของในตลาดแห่งนี้
หลินม่ายเอ่ยเตือน “ผักของเราถูกขนส่งมาจากระยะไกล และอาจเหี่ยวเล็กน้อย อย่าลืมสั่งให้พนักงานฉีดพรมน้ำผักอยู่เสมอนะคะ เพื่อที่ผักจะได้สดตลอดเวลาและขายดีขึ้น”
จ้าวเลี่ยงกล่าว “พวกเขาทำแบบนั้นอยู่แล้วครับ”
หลังจากคุยกับจ้าวเลี่ยง หลินม่ายก็วางแผนที่จะขับรถไปยีงตลาดสดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่ง
เธอมายังตลาดสดฮุ่ยหมินเป็นครั้งแรก และเห็นผู้คนมากมายแจกใบปลิวตรงทางเข้าของตลาดสดฮุ่ยหมิน
มีคนหยิบใบปลิวไป เมื่อเห็นว่าตลาดฝูตัวตัวขายผักเรือนกระจกในราคาที่ถูกกว่าที่นี่ พวกเขาจึงกรูกันไปยังตลาดฝูตัวตัวเพื่อซื้อผัก
หลินม่ายหาที่หยุดรถ สวมหน้ากาก ดึงฮู้ดเสื้อขนเป็ดคลุมศีรษะ และพันผ้าพันคอ
เธอเดินเข้าไปในตลาดสดฮุ่ยหมิน ผู้คนสามารถมองเห็นได้เพียงดวงตาของเธอเท่านั้น
ตลาดสดฮุ่ยหมินเลียนแบบรูปแบบธุรกิจของตลาดฝูตัวตัวของเธออย่างสมบูรณ์
ไม่เพียงจำหน่ายอาหารสดทุกชนิดเท่านั้น แต่ยังจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จอีกด้วย
ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ก็สมบูรณ์มาก อาหารทะเลแห้งทุกชนิดก็มีจำหน่ายเช่นกัน และราคาก็เท่ากับตลาดฝูตัวตัว
สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือสินค้าสำหรับวันปีใหม่ เช่น ลูกกวาด เมล็ดทานตะวัน น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลทรายขาว
หลินม่ายเดาว่าต้องเป็นเพราะตลาดสดฮุ่ยหมินไม่ได้เปิดทำการมาเป็นเวลานาน ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่รู้เเหล่งซื้อสินค้าสำหรับวันปีใหม่เหล่านี้
ในช่วงทศวรรษที่ 1980 ข่าวสารถูกปิดกั้น และการซื้อสินค้าก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งพวกเขาก็จำเป็นต้องเดินทางไปดูสินค้าที่ต่างประเทศด้วยตัวเอง
การที่จ้าวเลี่ยงจัดให้คนมาแจกใบปลิวใกล้กับตลาดสดฮุ่ยหมินแห่งนี้ดึงดูดลูกค้าจำนวนมากให้ออกไป
มีลูกค้าไม่มากนักในตลาดสดขนาดใหญ่แห่งนี้ ซึ่งเรียกได้ว่าค่อนข้างร้าง
หลินม่ายซื้อซาลาเปานึ่ง หลู่ไช่ และอาหารเย็นก่อนจะจากไป
เธอเดินไปที่รถของตนและได้ยินเสียงเอะอะโวยวายอยู่ไม่ไกล
หลินม่ายมองย้อนกลับไป ก็ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น ณ สถานที่ที่แจกใบปลิวในตอนนี้
เกิดอะไรขึ้นที่นั่น?
หลังจากครุ่นคิด หลินม่ายก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้น
นั่นคือ ตลาดสดฮุ่ยหมินได้ส่งคนไปขับไล่ผู้ที่แจกใบปลิวอยู่ทางเข้าตลาด
เธอหันหลังกลับและเดินไปที่นั่นทันที
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หมอทุ่มเทสุดๆ มีแฟนแบบนี้รักตายเลย
จะเป็นเรื่องกับตลาดนี้หรือเปล่านะ ใครเป็นเจ้าของตลาดเนี่ย ทำไมทำเลียนแบบตลาดม่ายจื่อเป๊ะเลย
ไหหม่า(海馬)