แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 748 ชาวสวนในเมืองหูลู่ขายผัก (1)
ตอนที่ 748 ชาวสวนในเมืองหูลู่ขายผัก (1)
เงาร่างค่อนข้างคุ้นเคยที่หลินม่ายเห็นนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นซูอวี้อิ๋ง
หล่อนเป็นเจ้าของตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่ง
ภูมิหลังครอบครัวของซูอวี้อิ๋งนั้นดีมาก ดังนั้นหน้าที่การงานและรายได้ของหล่อนจึงเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ
โดยปกติแล้ว ข้าราชการรุ่นที่สามที่มีภูมิหลังแบบหล่อนไม่จำเป็นต้องเปิดตลาดผักเลย เพียงเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระก็สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างสบาย
แต่แฟนเก่าของสามีหล่อนเปิดร้านขายเครื่องสำอาง และกิจการก็ดำเนินไปได้เป็นอย่างดี
เมื่อแม่สามีเห็นหล่อน ก็มักจะชื่นชมแฟนเก่าของเขาให้หล่อนฟังอยู่เสมอ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่หล่อนเกลียด
แม่สามีมักชมเชยว่าผู้หญิงคนนั้นยอดเยี่ยม เรียนจบจากต่างประเทศ และจัดการบริหารธุรกิจในโรงงานได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งยังหาเวลาว่างมาเปิดร้านขายเครื่องสำอาง ซึ่งสร้างรายได้ให้หล่อนเป็นจำนวนมาก
แม่สามีมักดูถูกซูอวี้อิ๋งว่าเป็นหญิงงี่เง่า เรียนจบต่างประเทศ แต่กลับไม่มีทักษะอะไรเลย
หากไม่ใช่เพราะมีพื้นฐานครอบครัวดี หล่อนคงนอนอดตายข้างถนนไปนานแล้ว
อีกทั้งแม่สามีของหล่อนยังว่าครอบครัวของพวกเขาต้องทนทุกข์กับโชคร้ายมาแปดชั่วอายุคน พอมีซูอวี้อิ๋งเข้ามาก็ยิ่งโชคร้ายเข้าไปอีก
ไม่เพียงแม่สามีเท่านั้นที่ดูถูกซูอวี้อิ๋ง แต่ครอบครัวสามีของหล่อนทั้งหมดรวมถึงสามีก็ดูถูกหล่อนด้วย
โดยเฉพาะสามีของหล่อนที่ยังคงเสียใจจนทุกวันนี้เพราะต้องแต่งงานกับซูอวี้อิ๋ง
หากไม่ใช่เพราะซูอวี้อิ๋ง เขาและอดีตแฟนสาวคงได้อยู่ด้วยกันไปตั้งนานแล้ว
เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในครอบครัวของสามี โดยเฉพาะความประทับใจของแม่สามีต่อหล่อน ซูอวี้อิ๋งจึงตัดสินใจทำธุรกิจบางอย่างเพื่อพิสูจน์ว่าหล่อนไม่ใช่คนงี่เง่า
เมื่อเห็นว่าตลาดฝูตัวตัวของหลินม่ายทำเงินได้มากมาย หล่อนจึงขอความช่วยเหลือจากพ่อของตนและเปิดตลาดฮุ่ยหมินสองแห่ง
แต่เธอไม่ต้องการทำให้หลินม่ายขุ่นเคือง เพราะกลัวการตอบโต้ ดังนั้นตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งจึงอยู่ห่างจากตลาดฝูตัวตัวของหลินม่าย
แต่หลังจากเปิดกิจการ ยอดขายของตลาดสดทั้งสองแห่งก็ไม่ค่อยดีนัก ทำให้หล่อนมักถูกแม่สามีและสามีเยาะเย้ย
หล่อนทนไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงเสี่ยงที่จะรุกรานหลินม่ายและส่งคนไปชิงเอาแหล่งผักเรือนกระจกของเธอในเขตชานเมืองของปักกิ่งโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม
หล่อนเชื่อเสมอว่าธุรกิจที่ย่ำแย่ของตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งของหล่อนเกิดจากการไม่มีผักเรือนกระจกขาย
หล่อนคิดว่าตราบใดที่ธุรกิจของตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองดีขึ้น สามีและแม่สามีของหล่อนจะเปลี่ยนมุมมองและหยุดดูถูกหล่อน
แน่นอนว่าผักเรือนกระจกทำให้ธุรกิจของตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งดีขึ้นมาก
แต่หลังจากธุรกิจดำเนินไปได้เพียงสิบวัน ตลาดผักฝูตัวตัวก็เริ่มขายผักเรือนกระจกราคาถูกที่ส่งมาจากมณฑลหูเป่ย ซึ่งดึงดูดลูกค้าจำนวนมากในทันที
ซูอวี้อิ๋งกระวนกระวายมาก จึงแอบไปที่ตลาดผักฝูตัวตัวเพื่อทำการสำรวจ
ภาพที่เห็นทำให้หล่อนโกรธมากขึ้น
ผู้คนเบียดเสียดกันเข้าสู่ตลาดฝูตัวตัวอย่างแน่นขนัด พยายามแก่งแย่งกันซื้อผักสดใหม่ราวกับไม่กังวลถึงเรื่องราคา แต่ตลาดทั้งสองแห่งของหล่อนกลับไม่มีคนเข้าเลย
เมื่อกลับมาที่ตลาดของตน ซูอวี้อิ๋งจึงสั่งให้ผู้จัดการสองคนของหล่อน นั่นคอผู้จัดการเฉวียนและผู้จัดการหม่าไปยังชานเมืองในเช้าวันพรุ่งนี้เช้าเพื่อซื้อผักเรือนกระจก และลดราคาผักเรือนกระจกของเกษตรกรเหล่านั้นลงสามสิบเปอร์เซ็นต์
บีบบังคับให้พวกเขาขายผัก พร้อมข่มขู่ว่าหากไม่ขายจะปล่อยให้ผักเน่าทิ้งคาสวน
หลินม่ายไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับแผนการของซูอวี้อิ๋งที่จะซื้อผักเรือนกระจกจากเกษตรกรไร้ยางอายเหล่านั้นในราคาต่ำ
แม้จะรู้เรื่องนี้ เธอก็จะไม่เข้าไปยุ่ง ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ถือเป็นศัตรู ดังนั้นเธอจึงคิดจะมองดูพวกเขาอยู่ห่าง ๆ
ในเวลาประมาณตีสี่ของเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้จัดการสองคนของซูอวี้อิ๋งได้นำทีมขับรถบรรทุกไปยังชานเมืองปักกิ่งเพื่อซื้อผักจากโรงเรือน
เกษตรกรเหล่านี้ได้เก็บเกี่ยวผักเรือนกระจกให้พวกเขาแล้ว รอเพียงให้พวกเขาไปซื้อเท่านั้น
แต่เมื่อพวกเขาได้ยินราคาที่ลดลงถึงหนึ่งในสามของราคาเดิม ชาวบ้านก็ต่างแสดงความไม่พอใจ
พวกเขาล้อมรอบผู้จัดการทั้งสองคนและตะโกนประท้วงอย่างบ้าระห่ำ
ผู้จัดการทั้งสองไม่พูดอะไร เพียงเยาะเย้ยอยู่ในใจ
คนเหล่านี้ไม่มีมนุษยธรรม พวกเขาจะเอาผักของหลินม่ายไปเป็นของตัวเองได้อย่างไร?
ทั้งสองฝ่ายจนมุมเป็นเวลานาน
เกษตรกรคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง “เราไม่ต้องขายผักให้พวกเขา เราก็แค่เช่ารถเข้าไปในเมือง และขายผักให้กับตลาดฝูตัวตัว!”
เกษตรกรอีกคนเอ่ยถามด้วยความกังวล “แล้วตลาดฝูตัวตัวจะรับซื้อผักของพวกเราเหรอ?”
เกษตรกรอีกคนกล่าวขึ้น “เราก็ขายให้ตลาดฝูตัวตัวด้วยราคาที่ต่ำลงเล็กน้อย พวกเขาจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
ผู้จัดการสองคนของซูอวี้อิ๋งกล่าว “ถึงพวกคุณจะนำผักไปขายให้ตลาดฟูตัวตัวในราคาต่ำลงเล็กน้อย แต่ก็อย่าลืมว่าพวกคุณจะต้องเช่ารถเพื่อนำสินค้าไปขายให้พวกเขา ขายให้เราก็ยังดีกว่า จะได้ช่วยประหยัดค่ารถด้วย”
แต่ชาวสวนเหล่านั้นปฏิเสธที่จะขายในราคาต่ำไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ผู้จัดการสองคนของตลาดฮุ่ยหมินเข้าใจว่าเกษตรกรเหล่านี้ต้องการเอาชนะ และพวกเขาก็ต้องการผลักดันราคาให้สูงขึ้นด้วย
แต่ปัญหาคือตลาดฝูตัวตัวไม่ต้องการผักในเรือนกระจกของพวกเขา ไม่ว่าจะราคาถูกแค่ไหนก็ตาม
ผู้จัดการสองคนของตลาดฮุ่ยหมินไม่พูดอะไรและขับรถออกไปทันที
พวกเขามีแผนของตนเอง
ตราบใดที่ตลาดฝูตัวตัวปฏิเสธที่จะรับผักเรือนกระจกของเกษตรกรเหล่านี้ เกษตรกรเหล่านี้จะต้องขายให้พวกเขาอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะลดราคาอีกครั้งเพื่อให้เกษตรกรเหล่านี้รู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
หลังจากรับประทานอาหารเช้าไม่นาน ผู้จัดการก็ส่งคนไปสั่งสินค้าปีใหม่ทั้งหมดที่หลินม่ายต้องการ
หลินม่ายไม่มีอะไรทำจึงไปยังตลาดฝูตัวตัว
เมื่อจ้าวเลี่ยงทำตามคำแนะนำของเธอ ลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายซื้อของในตลาดก็มีมากยิ่งขึ้น ทำให้ตลาดคึกคักตั้งแต่เช้าตรู่
โดยเฉพาะที่ร้านที่จำหน่ายน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลกรวด ลูกค้าแทบจะแย่งกันซื้อ
หลินม่ายพอใจมากและวางแผนที่จะไปที่ตลาดฮุ่ยหมินเพื่อดูว่าวันนี้ธุรกิจของพวกเขาซบเซากว่าเดิมหรือไม่
ทันทีที่เดินออกจากตลาดฝูตัวตัว เธอเห็นจ้าวเลี่ยงพูดคุยกับกลุ่มเกษตรกรด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
รถแทรกเตอร์จอดอยู่ข้างกลุ่มเกษตรกร และบนรถแทรกเตอร์ก็เต็มไปด้วยผักนานาชนิด
…………………………………………………
สารจากผู้แปล
ที่แท้เถ้าแก่เนี้ยตลาดอีกที่ก็คือยัยอวี้อิ๋งหรอกเหรอ ทำธุรกิจยังไงให้ขุดหลุมฝังตัวเองเนี่ย
ไหหม่า( 海馬)