แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 752 บางสิ่งบางอย่างที่มีความหมาย
ตอนที่ 752 บางสิ่งบางอย่างที่มีความหมาย
ในหูเป่ยไม่มีประเพณีการกินเกี๊ยวในวันส่งท้ายปีเก่า แต่มีในปักกิ่ง
ปีนี้มีเถาจืออวิ๋นและฉีฉีเป็นแขกผู้มีเกียรติสองคน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจัดเตรียมงานให้ใหญ่ขึ้น
เกี๊ยวเป็นอาหารที่ผู้คนทั้งประเทศหลงรัก
หลังอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ทั้งครอบครัวก็จะมารวมกันทำเกี๊ยวและรับประทานพร้อมพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ก็ไม่ใช่เพียงการรับประทานอาหารร่วมกันธรรมดาทั่วไป
ฟางจั๋วหรานมีหน้าที่สับเนื้อ
หลินม่ายวางแผนที่จะทำเกี๊ยวสองอย่าง ซึ่งก็คือไส้หมูและไส้เนื้อ
หลินม่ายและเถาจืออวิ๋นมีหน้าที่หั่นกระเทียม หอม และผักชี
แม้ว่าคุณปู่ฟางจะแก่แล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมรับอายุของเขาของตนเอง และพยายามช่วยเหลือพวกเธออย่างเต็มที่
ในชีวิตที่แล้ว ในปี 1984 หลินม่ายยังคงทำงานหนักในเจียงเฉิง
แม้จะมีเงินออมเพียงเล็กน้อย แต่ก็ลังเลที่จะซื้อทีวี เพราะเธอต้องการซื้อบ้านในเจียงเฉิงและตั้งรกรากที่นั่น ดังนั้นจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเทศกาลปีใหม่มากนัก
แต่เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนก็ต่างเล่าขานกันว่า งานปีใหม่ในปี 1984 เป็นเทศกาลปีใหม่ที่มีความคลาสสิคที่สุด
และสิ่งที่ผู้คนเล่าขานกันนั้นเป็นเรื่องจริง
งานเทศกาลปีใหม่ในปี 1984 มีเพลง ‘ฉันคือหัวใจแห่งแผ่นดินจีน’ ของจางหมินหมินและ ‘กินบะหมี่กัน’ ของเฉินเพ่ยซือและจูฉือเหมา ซึ่งเป็นเพลงที่มีความหมายดีอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินม่ายได้ดูรายการ ‘กินบะหมี่’ ซึ่งสนุกสนานเป็นอย่างมาก ผู้คนที่ได้ดูต่างก็หัวเราะลั่น
เด็กน้อยน่ารักทั้งสองไม่ค่อยเข้าใจ แต่เมื่อเห็นผู้ใหญ่หัวเราะ พวกเขาจึงทำตาม
ช่วงเวลาแห่งวันปีใหม่ดำเนินมาท่ามกลางเสียงหัวเราะ และทุกคนต่างรับรู้ได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องจุดประทัดเฉลิมฉลองแล้ว
ฟางจั๋วเยวี่ยพาฉีฉีไปยังสนามเพื่อจุดประทัดและดอกไม้ไฟ
ทันทีที่ทั้งสองออกไป เสียงแห่งความประหลาดใจของฉีฉีก็ดังขึ้น “หิมะตก หิมะตก!”
โคมไฟมากมายถูกประดับประดาทั่วห้องอาหารและทั่วบ้าน โดยปกติแล้วโคมไฟเหล่านี้จะไม่ถูกจุดเพราะใช้ถ่านมากเกินไป
โดยทั่วไปแล้วโคมไฟหรือกองไฟจะถูกจุดขึ้นเพื่อให้คุณปู่ฟางและภรรยาของเขาอบอุ่น และยังใช้เพื่อต้มน้ำร้อนอีกด้วย ซึ่งทำให้ประหยัดถ่านเป็นอย่างมาก
แต่ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พวกเขาจำเป็นต้องจุดโคมไฟไว้ประดับประดาบ้าน
ทั้งครอบครัวนั่งอยู่ในห้องที่อบอุ่นและไม่มีใครสังเกตว่าหิมะตก
ฉีฉีตะโกนว่าหิมะตก แต่ทุกคนก็ยังไม่เชื่อ
อุณหภูมิตอนกลางวันของวันนี้ยังสูงมาก หิมะจะตกได้อย่างไร?
ทุกคนจึงวิ่งออกไปดู
ในแสงสลัวของโคมไฟ ถนนที่สนามหน้าบ้าน มีเกล็ดหิมะลอยอยู่มากมาย แต่เกล็ดหิมะไม่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับทางเหนือ
คุณย่าฟางจ้องมองบนท้องฟ้า
ท้องฟ้ามืดมิด ไม่มีดาวเลยสักดวง
คุณย่าฟางพึมพำ “ท้องฟ้าเปลี่ยนไป”
ทันใดนั้นโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้น
ฟางจั๋วหรานหันกลับและเข้าไปรับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากฟางเว่ยกั๋ว
ฟางจั๋วหรานอวยพรปีใหม่ให้กับฟางเว่ยกั๋ว และส่งโทรศัพท์ให้คุณปู่ฟาง
จากนั้นโทรศัพท์จากญาติเพื่อนและคนอื่น ๆ ก็เข้ามา
คุณปู่ฟางยังคงตอบต่อไป ในขณะที่คุณย่าฟางนั่งอยู่ข้าง ๆ ฟังการสนทนาของเขากับญาติที่ปลายสายพร้อมขัดจังหวะเป็นระยะ
มีฉีฉีและโต้วโต้ว ฟางจั๋วหรานไม่เพียงราวกับกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ยังเล่นดอกไม้ไฟกับทั้งสองอยู่สักพักหนึ่งด้วย
ยังไม่ทันที่หลินม่ายจะเรียกพวกเขากลับไปกินเกี๊ยว เด็กทั้งสองก็เข้าไปในบ้าน
ในเวลานี้ การโทรศัพท์สวัสดีปีใหม่ของแต่ละคนก็สิ้นสุดลงเช่นกัน
ทุกคนนั่งรอบโต๊ะอาหารและกินเกี๊ยวนึ่งพร้อมพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้า
หลังจากกินเกี๊ยวแล้ว ฟางจั๋วหรานก็รีบไปล้างจาน
ในขณะนี้ โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หลินม่ายนั่งถัดจากโทรศัพท์ ดังนั้นเธอจึงหยิบขึ้นมาเพื่อกดรับสาย
นี่เป็นสายเรียกเข้าจากเฉินเฟิง
เขาบอกหลินม่ายว่าปัญหาในฮ่องกงได้สงบลงชั่วคราว ตอนนี้เขามาถึงกว่างโจวแล้ว กำลังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่กับครอบครัว
เป็นเพราะเขากังวลว่าหลินม่ายจะเป็นห่วงและกลัวว่าเค้าจะไม่ได้ใช้เวลาในช่วงวันปีใหม่กับครอบครัว จึงโทรมารายงานเธอเป็นกรณีพิเศษ
หลินม่ายกล่าวอย่างแผ่วเบา “หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าสงบลงชั่วคราว?”
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ เฉินเฟิงก็ลดเสียงลงขณะตอบกลับ “เพราะฉันได้เจรจากับหัวหน้าแก๊งอันธพาลทั้งสองแล้ว ฉันบอกพวกเขาว่าอย่าสร้างปัญหาในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่อย่างนั้นหายนะอาจมาเยือนพวกเขา เราจะคุยทุกอย่างและตกลงกันหลังจากเทศกาลปีใหม่สิ้นสุดลง”
หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “หัวหน้าแก๊งอันธพาลทั้งสองเห็นด้วยหรือไม่?”
“เห็นด้วยสิ แน่นอนว่าพวกเขาแค่ต้องการเงิน ไม่ได้แสวงหาหายนะ”
หลินม่ายนึกถึงจิตสังหารของเฉินเฟิง แล้วก็รู้สึกว่าช่างน่ากลัวจริง ๆ
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าอันธพาลเหล่านั้นจะเกรงกลัวต่อคำขู่ของเขา
“นายขอให้ผู้มีอำนาจในฮ่องกงจัดการพวกเขาทั้งสองไม่ได้เหรอ? เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจวางแผนที่จะทำร้ายหรือฆ่านายเอาได้”
“ฉันยังไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น เพราะอยากทำให้หัวหน้าแก๊งอันธพาลทั้งสองยุติพฤติกรรมของพวกเขาเสียก่อน แล้วจะคุยทุกอย่างหลังจากเทศกาลปีใหม่จบลง”
หลังจากทั้งสองคุยกันเสร็จ ฟางจั๋วหรานก็ล้างจานเสร็จสิ้นและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นหลินม่ายกดวางสายโทรศัพท์จึงเอ่ยถามเธอ “คุยโทรศัพท์กับใครเหรอ?”
“เฉินเฟิงโทรมาอวยพรปีใหม่ และบอกฉันว่าเขาจัดการปัญหาทั้งหมดในฮ่องกงได้แล้ว”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าและนั่งลงข้างเธอ
หลังจากช่วงเวลาแห่งปีใหม่ผ่านพ้นไปสักพัก ทุกคนก็เข้านอน
หลินม่ายตื่นขึ้นในเวลาตีหนึ่ง เนื่องจากเธอทำงานหนักทั้งวันจึงรู้สึกเหนื่อยล้าและผล็อยหลับไป
ฟางจั๋วหรานกระซิบข้างหูเธอ “คุณไม่อยากทำสิ่งที่มีความหมายในคืนสุดท้ายของปีเหรอ?”
หลินม่ายมองเข้าไปในดวงตาของเขาที่ดูเหมือนหมาป่าที่หิวโหยแล้วจึงถาม “หมายความว่ายังไงคะ?”
ฟางจั๋วหรานไม่ตอบ แต่บอกเธอผ่านการกระทำ
หลินม่ายเหงื่อไหลและทำตัวไม่ถูกในทันที
ขณะที่ฟางจั๋วหรานกำลังเคลื่อนไหวร่างกายด้วยพละกำลังอันแข็งแกร่งของเขา หลินม่ายก็รู้สึกเหนื่อยล้าและง่วงงุนจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
เธอกระซิบเขาอย่างแผ่วเบา “รีบทำสิ่งที่มีความหมายของคุณให้เสร็จเถอะค่ะ ฉันจะนอน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็พลิกตัวและหันหลังให้เขาก่อนจะหลับสนิท
จริง ๆ แล้วฟางจั๋วหรานพยายามสะกิดเธอบ่อยครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าเธอหลับไปแล้ว เขาจึงไม่ได้รบกวนเธออีกต่อไป
เขาจูบแผ่นหลังอันสวยงามของเธอสองสามครั้ง ปิดไฟข้างเตียง กอดหลินม่ายในอ้อมแขนแล้วหลับไป
ความรู้สึกของการสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อนั้นยอดเยี่ยมมาก!
ปีนี้คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และครอบครัวของหลินม่ายกำลังฉลองปีใหม่ในเมืองหลวง
ฟางเว่ยกั๋วและพี่น้องทั้งสามมีหน้าที่ไปเยี่ยมหลุมฝังศพของบรรพบุรุษ
ในวันแรกของปีใหม่ ไม่มีใครต้องตื่นแต่เช้า แขกและเจ้าภาพทุกคนจะนอนจนกว่าจะตื่นเองตามปกติ
เมื่หลินม่ายลืมตาตื่น ใบหน้าที่หล่อเหลาของฟางจั๋วหรานก็เข้ามาอยู่ในสายตาของเธอทันที
ดวงตาคู่นั้นยังคงเป็นเหมือนเมื่อคืน ซึ่งทำให้เธอตัวสั่นเทา
ขณะหลินม่ายกำลังจะถามเขาถึงสายตาที่จ้องมองเช่นนั้น เธอก็ได้ยินฟางจั๋วหรานกระซิบข้างหู
“วันแรกของปีใหม่ เราควรทำอะไรที่มีความหมายไม่ใช่เหรอ?”
อ๊า! ทำอะไรที่มีความหมายอีกแล้วเหรอ!
หลินม่ายรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้ยินประโยคนี้
เธอร้องขอความเมตตา “เรารอสักสองสามวันค่อยทำสิ่งที่มีความหมายไม่ได้เหรอ?”
ฟางจั๋วหรานปฏิเสธอย่างราบเรียบ “ไม่ได้ ผมเตรียมถุงยางอนามัยไว้แล้ว”
ขณะที่พูด เขาหยิบถุงยางอนามัยทั้งกล่องออกมาจากลิ้นชักข้างเตียง
ดวงตาของหลินม่ายเบิกกว้าง
หากยอมให้เขาลงมือในวันนี้ เธอจะมีแรงลุกขึ้นจากเตียงได้อย่างไร?
โชคดีที่เขาเป็นหมอและรู้ว่าควรหยุดเมื่อไหร่
หลังจากใช้ถุงยางไปห้าถุง ในที่สุดการต่อสู้อันหนักหน่วงก็จบลง
หลินม่ายกำลังนอนอยู่บนเตียงเพื่อรอฟางจั๋วหรานแต่งตัว และจากนั้นเขาก็จะแต่งตัวให้เธอ
หลินม่ายลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วราวพลางกล่าว “ไม่ต้อง ฉันจะใส่เสื้อผ้าเอง!”
ฟางจั๋วหรานมองเธอด้วยท่าทางงุนงง “เราแต่งงานกันมาหลายเดือนแล้ว มีอะไรกันก็บ่อยครั้ง ทำไมคุณยังเขินอยู่อีก?”
หลินม่ายคว้าชุดชั้นในของเธอและวางไว้ใต้ผ้าห่ม “ฉันเป็นผู้หญิงนะ ไม่ได้เป็นผู้ชายเหมือนคุณ”
ฟางจั๋วหรานยิ้มอย่างมีเลศนัย “อยากจะลองอายอีกสักครั้งไหมล่ะ?”
“อย่าเข้ามา!”
หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฟางจั๋วหรานและหลินม่ายก็ออกมาจากห้องนอน
ทันทีที่ประตูเปิดออก ลมเย็นก็พัดเข้ามา โลกแห่งน้ำแข็งและหิมะปกคลุมอยู่ข้างหน้า
หลินม่ายดึงเสื้อโค้ทขนสัตว์บนร่างกายของเธอ “ฉันไม่คิดเลยว่าเมื่อคืนนี้หิมะจะตกหนักขนาดนี้ ตอนนี้บนพื้นคงมีหิมะหนาประมาณหนึ่งหรือสองนิ้วแล้ว”
ฟางจั๋วหรานมองลงไป “ประมาณแหละ”
ทั้งคู่จับมือกันและเดินไปยังห้องอาหารท่ามกลางหิมะขาวโพลน
ทั้งสองเดินไปหาทุกคนด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
คุณย่าฟางและคนอื่น ๆ เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในพริบตา แต่ทุกคนก็มองผ่านและไม่พูดอะไร เพียงเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา
ฟางจั๋วหรานเป็นผู้ชาย จึงไม่ได้มีความเขินอายและไม่สนใจการแสดงออกของผู้คน แต่ใบหน้าของหลินม่ายกลับแดงก่ำมากยิ่งขึ้น
โต้วโต้วและฉีฉียังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องราว ดังนั้นพวกเขาจึงเพียงทักทายและสวัสดีปีใหม่ทั้งสองคน
หลินม่ายมองไปยังซองจดหมายสีแดงในมือของพวกเขาและรู้ว่าพวกเขาอยากได้อั่งเปาสำหรับเทศกาลปีใหม่
หลินม่ายแอบจ้องมองฟางจั๋วหราน
เธอมัวแต่ทำสิ่งที่มีความหมายกับเขาจนลืมอั่งเปาไว้ในห้องนอน
เธอหยิกแก้มของเด็กน้อยทั้งสองพลางกล่าว “เดี๋ยวจะรีบเอาอั่งเปามาให้เลยนะ”
“เอามาได้เลยค่ะ หนูพร้อมรับแล้ว”
ฟางจั๋วหรานหยิบซองจดหมายสีแดงสองซองออกมาจากกระเป๋าเสื้อและยื่นให้เด็กทั้งสองคน
โต้วโต้วและฉีฉีมีความสุขมากที่ได้รับซองสีแดง
หลินม่ายไม่เพียงทำเสี่ยวหลงเปาและเกี๊ยวนึ่งในตอนเช้าเท่านั้น แต่ยังทำปอเปี๊ยะทอดและซุปเนื้อแกะตุ๋นตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่าจนถึงวันปีใหม่อีกด้วย
เมื่อรวมกับของทอดสองสามอย่าง อาหารเช้าวันแรกของปีก็ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์
หลังจากกินและดื่มจนอิ่มหนำ คุณปู่ฟางก็แนะนำให้พวกเขาออกไปเดินซื้อของเพื่อย่อยอาหาร
คุณย่าฟางลังเล “ถ้าสหายเก่าและผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านั้นมาอวยพรปีใหม่ระหว่างที่เราออกไปข้างนอกล่ะ?”
คุณปู่ฟางตอบกลับ “พวกเขาโทรมาอวยพรปีใหม่เราตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วไม่ใช่เหรอ? พวกเขาคงไม่เดินทางมาที่นี่แล้วล่ะ”
คุณย่าฟางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “เราหยุดรออยู่ที่นี่ดีกว่า หากมีใครมาสวัสดีปีใหม่จะได้ต้อนรับได้ทัน ปล่อยให้คนหนุ่มคนสาวเข้าไปเดินซื้อของกันเองเถอะ อีกอย่างหิมะในตอนนี้ก็หนาเหลือเกิน หากเราออกไปด้วยก็คงเป็นภาระพวกเขาน่าดู”
คุณปู่ฟางอยู่บ้านตามคำแนะนำของคุณย่าฟาง
เมื่อหลินม่ายและคนอื่น ๆ กำลังจะออกไป คุณย่าฟางก็ขอให้พวกเขากลับมาก่อนเวลาสิบเอ็ดโมง
เพราะหากมีแขกมาเยือนจะได้ช่วยกันทำอาหารต้อนรับแขก
อันที่จริงคุณย่าฟางสามารถทำอาหารคนเดียวได้ แต่ในกรณีที่มีแขกมาเยือนหลายสิบคน นางก็ไม่อาจจัดการได้
หลินม่ายตอบตกลง
ครอบครัวของหลินม่ายอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว
นิสัยของชาวเหนือมีความอบอุ่นมากกว่าชาวใต้
เพื่อนบ้านเริ่มสื่อสารและแบ่งปันอาหารให้กับครอบครัวของหลินม่าย ดังนั้นครอบครัวของเธอจึงคุ้นเคยกับผู้คนในละแวกนี้เป็นอย่างดี
ในวันแรกของเทศกาลปีใหม่ ทุกคนต่างกล่าวสวัสดีปีใหม่เมื่อพบกัน
แม้หิมะจะตกหนักในช่วงครึ่งหลังของคืนวานนี้ และมีหิมะหนาทั่วทุกหนแห่ง แต่ก็ไม่สามารถหยุดความกระตือรือร้นของผู้คนในเมืองหลวงในการจับจ่ายซื้อของและเยี่ยมญาติได้
ถนนและตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยผู้คน
ช่างฝีมือต่างตั้งแผงขายบนถนนและเริ่มธุรกิจในเวลานี้
อุปกรณ์เล่นปาหี่ โคมม้าวิ่ง หุ่นเชิด หุ่นเป่าน้ำตาล หุ่นวาดจากน้ำตาล หุ่นปั้นจากน้ำตาล หุ่นปั้นแป้ง… และสินค้าประดิษฐ์มืออีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมีอาหารดั้งเดิมมากมาย เช่น ขนมกุ้ยฮวา ขนมลากลิ้งตัว…
หลินม่ายเห็นกลุ่มคนเดินจับจ่ายซื้อของ
เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าและเห็นเคาน์เตอร์ขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในที่สุดหลินม่ายก็จำแผนการของเธอที่คิดจะซื้อเพจเจอร์ได้
เธอไปที่เคาน์เตอร์อิเล็กทรอนิกส์และถามว่ามีเพจเจอร์ขายไหม
พนักงานขายดูงุนงงและถามเธอว่าเพจเจอร์คืออะไร
ทันทีที่หลินม่ายได้ยินสิ่งนี้ เธอก็รู้ว่าไม่มีเพจเจอร์ขายในเมืองหลวง ดังนั้นจึงทำได้เพียงล้มเลิกความตั้งใจ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่หมอจะอึดเกินไปแล้วน้า ห้ายกในตอนเช้าเลยเหรอ ยังไม่รวมเมื่อคืนอีก ม่ายจื่อไหวเปล่า
ไหหม่า(海馬)