แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 774 สวัสดีปีใหม่
ตอนที่ 774 สวัสดีปีใหม่
ทันทีที่เดินออกจากร้านอาหารเล็ก ๆ หลินม่ายก็เห็นรถจี๊ปของฟางจั๋วหราน
เธอดูประหลาดใจขณะเห็นฟางจั๋วหรานโผล่หัวออกมาจากรถ “รีบขึ้นรถสิ ไม่หนาวเหรอ?”
หลินม่ายเข้าไปในรถแล้วถาม “คุณมาทำธุระที่นี่เหรอ? ฉันบังเอิญเจอคุณพอดี”
“ไม่” ฟางจั๋วหรานติดเครื่องยนต์พลางกล่าว “ผมไปรับคุณที่มหาวิทยาลัยเลยตามคุณมาที่นี่”
หลินม่ายเอียงศีรษะจ้องมองเขาอย่างจริงจังและอยากรู้อยากเห็น “คุณเห็นฉันซ้อนมอเตอร์ไซค์ของชายอื่น คุณไม่โกรธและคิดจะหยุดฉันไว้หน่อยเลยเหรอ?”
ฟางจั๋วหรานพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “คุณรักผมมาก คุณไม่มีทางหักหลังผมหรอก คุณจะต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์เข้ามาด้วยจุดประสงค์อื่นนอกจากเรื่องชู้สาวแน่ แบบนั้นแล้วทำไมผมจะต้องโกรธ? และทำไมจะต้องหยุดคุณด้วย?”
หลินม่ายจูบเขาที่ใบหน้า “ขอบคุณที่ไว้ใจฉัน”
ฟางจั๋วหรานยิ้มอย่างมีความสุขและพาหลินม่ายกลับบ้าน
ทันทีที่หลินม่ายก้าวเข้าไปในลานบ้าน คุณป้าพี่เลี้ยงก็บอกเธอว่ามีแขกสองคนมาหาเธอ และพวกเขาก็นั่งรอเธออยู่ที่ห้องอ่านหนังสือด้านนอก
หลินม่ายถามว่าพวกเขาเป็นใคร คุณป้าพี่เลี้ยงส่ายศีรษะ “ทั้งสองคนนี้ลึกลับมาก พวกเขาไม่ยอมบอก พวกเขาบอกเพียงว่าพวกเขามีเรื่องสำคัญและต้องการพบคุณค่ะ”
หลินม่ายมอบกระเป๋านักเรียนให้ฟางจั๋วหรานและขอให้เขาเข้าไปในบ้าน ขณะที่เธอเดินไปหาทั้งสองคน
ชายทั้งสองคนนั่งอยู่ด้านนอก และหลินม่ายก็รู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี
คนหนึ่งคือผู้อำนวยการฉือจากการประกวดนางแบบของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว และอีกคนคือผู้อำนวยการเหลียว
หลินม่ายประหลาดใจสุดขีด
หรือทั้งสองจะรู้แล้วว่าเธอรู้เรื่องที่พวกเขามีเรื่องเชิงชู้สาวกับผู้หญิงคนเดียวกัน?
หลินม่ายนึกดูถูกชายสองคนนี้ในใจ
แต่ใบหน้าของเธอยังคงเผยรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการฉือ ผู้อำนวยการเหลียว มาทำอะไรกันที่นี่คะ? ไม่ง่ายเลยที่พวกคุณจะเดินทางมาที่นี่!
จากนั้นก็สั่งให้แม่บ้านรินชาให้ผู้อำนวยการฉือและผู้อำนวยการเหลียว ซึ่งชานั้นเป็นชาเขียวคัดพิเศษ
ในเมื่อพวกเขากล้าทำเรื่องฉาวแบบนี้ เช่นนั้นก็ควรดื่มชาเขียว
ผู้อำนวยการฉือและผู้อำนวยการเหลียวรอหลินม่ายนานกว่าหนึ่งชั่วโมง และพวกเขาก็ดื่มชาไปหลายถ้วยแล้ว
เนื่องจากดื่มไปมากจึงทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะ เมื่อได้ยินว่าต้องดื่มอีกครั้ง พวกเขาก็โบกมือปฏิเสธทันที
หลินม่ายยอมแพ้และขอให้แม่บ้านช่วยรินชาดำให้เธอเพียงคนเดียว
เธอนั่งบนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีและดื่มชาโดยไม่ถามทั้งสองคนว่าต้องการอะไรจากเธอ
ผู้อำนวยการฉือและผู้อำนวยการเหลียวสูญเสียความสงบและแอบขยิบตาให้กัน
ในที่สุดผู้อำนวยการฉือก็เปิดปากด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าพลางกล่าว“คุณหลินครับ ผมได้ยินมาว่าคุณกำลังจะจัดงานแถลงข่าวและต้องการอธิบายให้ผู้เข้าแข่งขันและผู้ชมที่แคลงใจในเรื่องที่เหมาเซียงเอ๋อร์ได้รับรางวัลชนะเลิศใช่ไหมครับ?”
หลินม่ายพยักหน้า “ใช่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
ผู้อำนวยการเหลียวครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าว “สมาชิกทุกคนในทีมของเราตัดสินใจให้เหมาเซียงเอ๋อร์เป็นผู้ชนะครับ จุดประสงค์คือเพื่อเพิ่มเรทติ้งและทำให้ห้องเสื้อจิ่นซิ่วมีชื่อเสียงมากขึ้น หากคุณประกาศความจริงนี้ต่อสาธารณะ เหมาเซียงเอ๋อร์จะถูกถอดจากตำแหน่ง และนั่นคงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ผู้กำกับฉือและผมกังวลว่าเรื่องนี้อาจส่งผลเสียต่อห้องเสื้อจิ่นซิ่วของคุณ ผมคิดว่าคุณหลินยกเลิกงานแถลงข่าวนี้ไปก่อนดีไหมครับ?”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปยังหลินม่ายอย่างมุ่งร้าย
หลินม่ายแค่นเสียงอย่างเย็นชาในใจ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากลัวการถูกเปิดโปง แต่ใช้ห้องเสื้อของเธอเป็นข้ออ้าง!
พวกเขาเต็มไปด้วยเจตนาร้าย
ผู้ชายสองคนนี้คิดว่าเธอยังเด็กและโง่เขลาหรืออย่างไร?
เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หล่อนได้รับรางวัลชนะเลิศก็เพราะพวกคุณไม่ใช่เหรอคะ? ไม่เกี่ยวอะไรกับห้องเสื้อของฉัน! ฉันในฐานะผู้จัดงานไม่รู้มาก่อนเลยว่าผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว และฉันเองก็ถือเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ ฉันไม่เชื่อว่าการเผยแพร่ความจริงจะส่งผลเสียต่อห้องเสื้อจิ่นซิ่ว แต่ถึงจะมีผลเสีย ฉันก็ยินดีรับผลที่ตามมา”
เดิมทีผู้อำนวยการฉือและผู้อำนวยการเหลียวต้องการบีบหลินม่ายโดยใช้ชื่อเสียงของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่าเธอจะไม่กลัวเลย อีกทั้งยังแข็งกร้าวกับพวกเขา ทำให้ทั้งคู่รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย
น้ำเสียงของผู้อำนวยการเหลียวอ่อนลงมาก “เราได้ทำการตัดสินไปแล้ว คุณควร… ผมว่าคุณหลินก็แค่อธิบายให้ผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันบางคนเข้าใจว่า เหมาเซียงเอ๋อร์มีความสามารถโดดเด่นจนได้นับรางวัลชนะเลิศ ไม่ได้มีเรื่องราวอื่นใดซ่อนอยู่”
หลินม่ายยิ้ม “ก่อนจะทำการตัดสิน คุณไม่เคยปรึกษาฉันมาก่อน และคุณก็ไม่เคยเห็นหัวฉันเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับวิ่งมาหาฉันเพื่อขอให้ช่วยปกปิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น ช่วยบอกได้ไหมคะว่าทำไมฉันถึงต้องทำแบบนั้น?”
ชายทั้งสองยอมรับความผิดพลาดทันที “เป็นเพราะเราไม่ได้คิดให้รอบคอบ และเรายังหวังว่าคุณหลินจะช่วยเหลือเรา”
หลินม่ายไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขา ดังนั้นเธอจึงวางถ้วยชาในมือลง “เย็นมากแล้วค่ะ ครอบครัวของเรากำลังจะรับประทานอาหารเย็น”
ผู้อำนวยการฉือและผู้อำนวยการเหลียวเห็นว่าหลินม่ายพยายามขับไล่ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจากไปด้วยความสิ้นหวัง
หลังครอบครัวของหลินม่ายรับประทานอาหารเย็นเสร็จ พวกเขาก็นั่งอยู่หน้าทีวีเพื่อดูข่าว
พ่อไป๋โทรมาเพื่อขอให้ครอบครัวของหลินม่ายมาที่บ้านของเขาในวันพรุ่งนี้
หลินม่ายรู้สึกแปลกเล็กน้อย เนื่องจากพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุด เธอจึงสงสัยถึงเหตุผลที่พ่อไป๋ขอให้เธอกลับบ้าน
พรุ่งนี้เธอจะไปอวยพรปีใหม่ให้คุณปู่ไป๋ คุณย่าไป๋ คุณตาหลัว และคุณยายหลัว
แม้ว่าภัยพิบัติหิมะจะผ่านมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยมีเวลาไปอวยพรปีใหม่ให้กับผู้เฒ่าทั้งสี่เลย ดังนั้นเธอจึงวางแผนจะไปในวันพรุ่งนี้
หลินม่ายบอกพ่อไป๋อย่างเขินอายว่า เธอจะไปอวยพรปีใหม่กับปู่ย่าและตายายในวันพรุ่งนี้จึงไม่มีเวลาไปบ้านเขา
พ่อไป๋ไม่ได้รั้ง ปล่อยให้เธอไปสวัสดีปีใหม่ปู่ย่าและตายายตามใจปรารถนา
แต่คุณปู่ไป๋และคุณย่าไป๋จะมาที่บ้านของพ่อไป๋ในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีสำหรับการอวยพรปีใหม่ให้กับผู้เฒ่าทั้งสองที่บ้านของพ่อไป๋
เมื่อได้รู้ว่าว่าปู่ไป่และย่าไป๋จะไปบ้านพ่อไป๋ในวันพรุ่งนี้ หลินม่ายก็เดาว่าต้องมีบางสิ่งที่สำคัญ และในที่สุดเธอก็เลือกที่จะไปยังบ้านของพ่อไป๋
ในเช้าวันอาทิตย์ หลังรับประทานอาหารเช้า หลินม่ายและสามีเตรียมของขวัญพร้อมพาโต้วโต้วไปยังบ้านพ่อไป๋เพื่อคารวะปู่และย่าตามความตั้งใจ
พวกเขาเดินทางมายังบ้านของตระกูลหลัว พลันเห็นตาและยายกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่กับแม่ไป๋
คุณตาหลัวและคุณยายหลัวมีความสุขมากที่ได้เห็นครอบครัวของหลินม่าย
คู่สามีภรรยาสูงอายุรับของในมือจากหลินม่านแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ลมอะไรพัดพาสองสามีภรรยาที่ยุ่งกับงานตลอดเวลามาที่นี่ได้”
หลินม่ายยิ้มพลางกล่าว “ในช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ฉันไม่ได้ไปอวยพรปู่ย่าและตายายเพราะพายุหิมะ วันนี้ฉันจึงมาที่นี่วันนี้เพื่ออวยพรปีใหม่ให้ตากับยายค่ะ”
ผู้เฒ่าทั้งสองมีความสุขมากขึ้นเมื่อเห็นว่าหลินม่ายไม่ลืมที่จะอวยพรปีใหม่ให้พวกเขา
คุณยายหลัวบอกให้แม่บ้านซื้อไก่ เป็ด และปลาจากตลาดฝูตัวตัวมาเพื่อทำอาหารเที่ยงมื้อใหญ่ให้กับครอบครัวของหลินม่าย
แต่เมื่อเห็นว่าแม่ไป๋อยู่ที่นี่ หลินม่ายก็ไม่ต้องการอยู่รับประทานอาหารกลางวัน
ยิ่งไปกว่านั้น เธอสัญญากับพ่อไป๋ว่าจะไปกินข้าวที่บ้านของเขาด้วย
ดังนั้นเธอจึงบอกตากับยายว่าพ่อไป๋มีธุระกับเธอ และเธอต้องรีบไปที่บ้านพ่อไป๋ทันที ไม่สามารถอยู่รับประทานอาหารกลางวันได้
แม้ว่าสิ่งที่หลินม่ายพูดจะเป็นความจริงทั้งหมด แต่ผู้เฒ่าทั้งสองคิดว่าหลินม่ายไม่ยอมกินข้าวที่บ้านเพราะแม่ไป๋ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องให้เงินอั่งเปาแก่โต้วโต้วหนึ่งร้อยหยวน
แต่หลินม่ายขอให้โต้วโต้วรับเงินเพียงหนึ่งหยวน และไม่ปล่อยให้หล่อนรับอีกต่อไป
ที่บ้านมีทุกอย่างให้กินและสวมใส่ โต้วโต้วไม่ได้ต้องการเงินเพื่อซื้ออะไรเพิ่มเติม ดังนั้นจึงไม่สนใจเรื่องเงินมากนัก
หลินม่ายสอนลูกสาวว่าอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน เธออนุญาตให้ลูกสาวรับเงินเพียงหนึ่งหยวนเท่านั้น
เมื่อคุณปู่หลัวยัดเงินใส่มือ โต้วโต้วก็บิดร่างของหล่อนเพื่อหลีกเลี่ยง
นับตั้งแต่ครอบครัวของหลินม่ายเข้ามาในบ้าน แม่ไป๋ก็จ้องมองทั้งสามคนตลอดเวลา
หล่อนอยากจะทักทายพวกเขา แต่แน่นอนว่าจะไม่มีใครตอบสนอง
แม่ไป๋มอบเงินสิบหยวนให้กับโต้วโต้วเพื่อเป็นของขวัญวันปีใหม่
ก่อนที่หล่อนจะทันยื่นเงินให้โต้วโต้ว หลินม่ายก็อุ้มลูกสาวขึ้นและจากไปพร้อมกับฟางจั๋วหราน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ต้องการสนทนากับหล่อน
แม่ไป๋คร่ำครวญอย่างโศกเศร้า และเสียงร้องไห้ก็ไปถึงหูของหลินม่าย แต่เธอไม่แยแสแม้แต่น้อย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ทำผิดแล้วจะมาขอให้เจ้าของแบรนด์ลดโทษให้เนี่ยนะ มันก็ไม่ได้อยู่แล้วไหม?
แม่ไป๋รับกรรมไปยาวๆ เลย
ไหหม่า(海馬)